Skip to main content

ชาวนาคนสุดท้าย : สุขใจในเหนื่อยหนัก

คอลัมน์/ชุมชน

1


 


 "พ่อมึงหมู่เขาจะมาถึงเมื่อใด บ่ายสามโมงกว่าแล้ว ยังบ่หันไผมา"  นางบ่นเอากับเขา  ถึงหมู่รับจ้างปลูกนา ตอนที่นางกำลังกองมัดกล้าไว้ใกล้ๆ กับที่เขานั่งตัดยอดปลายมัดกล้า


"สักเดี๋ยวน่าจะมาถึง ตอนกินข้าวตอน (มื้อเที่ยง) ไอ้ดีโทรบอกว่าปลูกนาลุงสมแล้วมาหานาเฮาเลย " เขาหยุดงานในมือดูดบุหรี่ขี้โย


"พ่อมึงบ่ลองโทรถามมันดูอีกที"


"ตังค์บ่พอโทรออก ข้าบ่ได้ซื้อบัตรเติมเงิน"


"ข้ากลัวเฮาปลูกนาบ่ทันเสร็จวันนี้ ลำไยทั้งแตกทั้งร่วง นัดคนขึ้นคนเก็บเอาไว้หมดแล้วเน้อ"  นางกังวลถึงงานเก็บลำไยในสวนวันพรุ่งนี้


"สิบคนปลูกกำเดียวแม่มึง" เขาอยากให้นางเบาใจ  นาสองไร่สำหรับคนรับจ้างปลูกนาผู้เชี่ยวชาญใช้เวลาปลูกบ่นานนัก


"เอาหื้อแล้ววันนี้เน้อ" นางย้ำพร้อมหยิบฉวยเอากระสอบฟางออกไปใส่มัดกล้าในแปลง


"อือ" เขาดูดขี้โยพ่นควันออกมาเป็นทางยาว


 


2


 



 


เขานั่งตัดยอดปลายต้นกล้าใต้เงาไม้ใกล้แปลงกล้า  นางช่วยขนมัดกล้ามาส่งให้ สองคนสองแรงช่วยกันถอนกล้ามัดกล้ามาตั้งแต่กินข้าวงายอิ่ม  ใช่ว่าเขาไม่เป็นทุกข์ใจเช่นเดียวกับที่นางรู้สึก เขาเองก็ร้อนใจไม่น้อยกว่ากัน ใจอยากให้คนรับจ้างปลูกนามาเสียตอนนี้  เดี๋ยวนี้ จะได้เสร็จเสียที ไหนพรุ่งนี้ต้องขึ้น ต้องเก็บลำไยอย่างนางว่าอีก  หากมัวแต่ชักช้าคงเอาไหนบ่ได้ไหนสักอย่างเดียว แล้วยังมีไอ้อาการปวดเอวคอยกำเริบเล่นงานเขาแทบทุกครั้งที่ขยับเขยื้อนตัวอีก  


 


ขออย่าได้เป็นอะไรไปมากกว่านี้เลย  คงเพราะงานไถนาเมื่อสองวันก่อนหน้านี้เป็นแน่ ต้องบังคับเจ้าควายเหล็กอยู่กลางทุ่งกลางนาเพียงลำพัง  บ่มีคนเปลี่ยนมือ กว่างานไถลุล่วงแล้วก็ย่ำค่ำของวันวาน จะหวังให้ลูกสองคนมาช่วยผ่อนแรงเป็นอันเลิกคิด เจ้าตัวเล็กเรียนอยู่ชั้น ป. 3  ส่วนพี่สาวมันเรียนพาณิชย์ ปวส. ในเมือง  ไม่เหมือนสมัยเก่าก่อนที่เขาต้องคอยทำงานช่วยพ่อแม่ทำนาอยู่กับหญ้ากับดินมาตั้งแต่ตัวยังละอ่อนน้อย


 


หน้าทำนามาถึงพร้อมกับเวลาลำไยสุกเต็มต้นเต็มสวน  มันเป็นยามที่ชาวบ้านชาวสวนต่างก้มหน้าก้มตาอยู่ในสวนลำไยของตัวเองและญาติพี่น้อง พี่ใครน้องมัน บ้างออกไปรับจ้างขึ้น รับจ้างเก็บลำไย


หาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มันเป็นช่วงทำงานหารายได้ของหมู่บ้าน และเป็นช่วงทุกข์ยากไม่น้อยสำหรับคนทำนาอย่างเขาด้วย  


 


ยามนี้ไม่มีคนมาเอามื้อเอาแฮงทำนาปลูกข้าวเสียแล้ว เมื่อคนบ้านดงป่าหวายล้วนเปลี่ยนแปลงที่นาของตนของตัวให้กลายเป็นสวนลำไยเสียเกือบหมดสิ้น  หาคนทำนาหลงเหลือได้น้อยเต็มที จะมัวมารุมตอมช่วยกันอย่างเก่าอย่างหลังคงบ่ทันกาล  คนทั้งหลายล้วนหมายใจกับเงินก้อนเงินหมื่นจากสวนลำไย  แม้ว่าไปแล้วมันมีน้อยเสียจนนับนิ้วไม่หมดมือเลยที่จะหาคนบ้านเฮาร่ำรวยขึ้นจากสวนลำไยก็ตามที  กระนั้นหากปีไหนใครโชคดีได้เหยียบแสนมันก็มากพอจะทำให้ลืมตาอ้าปากสลัดละความยากจนได้ทีเดียว


 


เขาเป็นเฉกเช่นใครต่อใครในหมู่บ้าน มรดกที่ดินของพ่อแบ่งให้พี่น้องร่วมท้อง 5 คน นอกจากเขาจะได้ที่ทางเอาไว้สร้างบ้านในเนื้อที่งานกว่าแล้ว ก็ยังได้ที่นาอีก 2 ไร่เท่าเดียวกับพี่น้องคนอื่น ที่นาทุกแปลงรับสืบต่อจากพ่อล้วนแต่กลายเป็นสวนลำไยไปหมด  ยังดีว่ามีนาของน้องสาวผู้ไม่ยอมปลูกลำไย เขาเป็นคนดูแลแทนมันที่ออกบ้านไปทำงานไกลถึงเมืองภูเก็ตนานหลายปีแล้ว เขาเสียภาษีบำรุงท้องที่ให้ทุกปีแลกกับการใช้ที่ดินปลูกข้าว


 


หลายครั้งหลายหนที่นางเป็นฝ่ายวิงวอนเรียกร้อง 


‘เลิกทำนาเสียดีกว่ามั้ยพ่อมึง บ่ต้องอิดอ่อนล้ำไป’


‘อย่าเลยแม่มึง อดเอาอีกซักปีเต๊อะ ปีไหนลำไยได้ราคาดี ข้าเลิกแน่’  เขาพูดอย่างนี้กับนางมาตั้งแต่ 5 ปีก่อนแล้ว แต่ราคาลำไยมันยังคงสวนทางกับคำพูดของเขาอย่างคงเส้นคงวา  ปีนี้ดูท่าว่าย่ำแย่ยิ่งกว่าปีไหน ๆ เสียอีก


 


‘พ่อมึงคิดดู ค่าไถ ค่าปลูก ค่าเกี่ยว ค่าตี ปุ๋ย ยา สารพัดจะจ่ายกับนาแปลงนี้ ขนาดว่าบ่รวมค่าแฮงเฮาสองคน’  มันก็ถูกของนางที่ค่าใช้จ่ายในการปลูกข้าวนับวันมีแต่จะแพงขึ้น อย่างปีก่อนเขาต้องจ่ายเงินไปตั้ง 5 พันกว่าบาทแลกกับการได้ข้าวเก็บไว้กิน  ปีนี้น้ำมันแพง ปุ๋ยขึ้นราคาตามไปไม่ลดละ เห็นทีจะซ้ำร้ายกันใหญ่


 


‘แต่มันดีกว่าเฮาซื้อข้าวเขากินนะแม่มึง คิดเอาเต๊อะ  เฮามีข้าวในหลองในยุ้งเก็บกินสุดปี บ่ต้องห่วงใจว่าข้าวสารหมดต้องหาซื้อคนอื่นกิน  ข้าวเฮาหมดก็ขนไปสีมาไว้กิน  เงิน 5  พันมันนักมันหลายข้าก็ฮู้อย่างเดียวกับสู  แต่ลูกเฮาบ่เคยอดกลั้นข้าวกิน แถมปีไหนข้าวเหลือกินยังพอขายได้เงินพันอยู่นะแม่มึง’


 


‘มันก็แต๊อย่างสูว่า’ นางเป็นฝ่ายหาซื้อของกินจากกาด  นางรู้ดีว่าหากต้องซื้อข้าวสารกิน  ครอบครัวนางคงเหนื่อยกว่าการทำนาหลายเท่า มันอาจมากกว่า 5 พันบาทก็เป็นได้  มีข้าวนึ่งกิน บ่มีของกับของกินยังพอเซาะหาเอามดแมงผักไม้ตามทุ่งตามดอยมากินได้  ดังนั้น  ถึงนางจะเป็นฝ่ายชวนเขาเลิกทำนาแต่เป็นนางอีกนั่นแหละคอยพร่ำเตือนให้เขาเตรียมตัวทำนาอยู่ทุกปีเรื่อยมา


 


3


 


 "อ้ายเรือง ๆ เฮามาแล้วเน้อ"  เสียงเรียกจากคนรับจ้างปลูกนาปลุกเขาตื่นจากห้วงคิด หยุดตัดยอดปลายกล้า หันไปทางต้นเสียง


"สุมาเต๊อะ เฮามัวช้ากับนาลุงสม แกให้ถอนกล้าตวยน่ะมันเลยช้า ตอนแรกว่าปลูกอย่างเดียว เลยมาเสียยามแลงแล้ว" ไอ้ดีบอกเหตุที่ล่าช้า เวลาล่วงเข้าสี่โมงกว่าแล้วเมื่อหมู่รับจ้างปลูกนามาถึง


"เอ้อ มาแล้วก็ดีละ ช่วยกันถอนกล้าก่อนเน้อ กล้ายังได้บ่พอ " สิ้นเสียงทักเสียงสั่งไอ้ดีเดินนำหมู่คนรับจ้างปลูกนาตรงไปยังแปลงต้นกล้าสีเขียวสด นางร้องทักด้วยน้ำเสียงแสดงความยินดีเหลือล้น เขาเองพลอยยิ้มไปกับนางด้วย นางเองคงเบาใจได้ไม่น้อย หมู่รับจ้างปลูกนานั่งยอง ๆ เรียงแถวใกล้กันหันหน้าเข้าหาแปลงกล้าเริ่มงานถอนงานมัดอย่างชำนิชำนาญ บุหรี่ขี้โยกุดสั้นลงเขาดีดมันทิ้ง นางแบกเอากระสอบใส่มัดกล้ามาส่งอีกเที่ยวหนึ่งกองมัดกล้าสูงขึ้นกว่าเก่า  เขาต้องเร่งมือทำงานให้ทันกับหมู่ที่อยู่กลางแปลงกล้า


 


             


 


"ถ้าบ่ได้หมู่ไอ้ดีเป็นยุ่งแน่พ่อมึง"  นางเอ่ยด้วยความดีใจ


"ข้าบอกสูแล้วบ่ต้องห่วง"  เขาว่าพลางบอกให้นางยกเอากระติกน้ำออกไปไว้ที่แปลงกล้าด้วย


 


ไอ้ดีมากับหมู่รับจ้างปลูกนารวม 11 คนมีเพียงมันกับไอ้หมายเป็นป้อจาย นอกนั้นเป็นหมู่แม่ญิงแต่งตัวในชุดรัดกุมตั้งแต่หัวจดเท้า   บนหัวสวมหมวกสาน หมวกผ้า บางคนใช้เสื้อยืดสวมส่วนหัวแล้วเอาหนังยางมัดจุกข้างหลังแทนหมวก  ใส่เสื้อแขนยาวติดกระดุมทุกเม็ด สวมถุงมือผ้าทั้งแบบสั้นและชนิดยาวจนถึงแขน ปล่อยให้นิ้วข้างที่จะต้องปักดำต้นกล้าโผล่พ้นเปลือยเปล่าออกมาเพื่อจะได้ทำงานสะดวกขึ้น


บ้างก็สวมถุงมือเพียงข้างเดียว สอดชายกางเกงขายาวเก็บในถุงเท้าที่ยาวถึงเพียงน่อง


 


ชุดแต่งตัวอย่างนี้พอได้ป้องแดดลมกันมดแมงชอนไชเข้าขบกัด รักษาเนื้อตัวหน้าตาให้ปราศจากฝ้าและรอยขีดข่วน  ส่วนไอ้ดีใส่เพียงเสื้อแขนสั้น กางเกงขายาว กับหมวกสวมหัว มือด้านตีนหนาไม่ต้องอาศัยถุงมือถุงเท้าแต่อย่างใด  ด้านไอ้หมายสวมเสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้นช่างดูไม่สะทกสะท้านกับแดดร้อนลมแรงช่างดูแข็งแกร่งยิ่งนัก


 



 


หมู่รับจ้างปลูกนามาจากบ้านกลาง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านดงป่าหวายเท่าใดนัก รับจ้างปลูกนาตีข้าวให้เขาและหมู่เจ้าของนาในแถบนี้มาตลอด  เริ่มแรกทีเดียวน้องชายของเขาเอาเมียคนแรกที่หมู่บ้านนั้น จึงรู้จักมักคุ้นกันดี  ต่อมาเลยได้เป็นเจ้าประจำกันมาตลอด อันที่จริงหมู่รับจ้างปลูกนาล้วนแล้วแต่เป็นคนนาเช่นเดียวกับเขา  นาทางนั้นปลูกล่าออกไปประมาณหนึ่งเดือน พวกเขาอาศัยช่วงเวลานี้รับจ้างหาเงิน โดยเฉพาะหมู่ไอ้ดีเจ้าของนา ล้วนแต่อยากได้ไปปลูกนา พวกมันปลูกเร็ว ปลูกดี บ่ถี่ บ่ห่างเกิน เขาไม่เคยจ้างหมู่อื่นมาแทนเลยสักครั้งเดียว


 


ว่ากันว่า หมู่รับจ้างปลูกนามีรายได้ดีกว่าคนรับจ้างในสวนลำไย  แต่งานหนักเหนื่อยบ่เท่ากัน หมู่รับจ้างปลูกนาอิดอ่อนกว่าหลายเท่านัก พวกเขาต้องยืนกลางแดดกลางฝน ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กลางนาทั้งวัน บางทีเจ้าของนาเร่งปลูกเร่งมือกว่าจะได้กลับบ้านคืนเฮือนก็ต่อเมื่อมืดค่ำตะวันแลงลงลับขอบฟ้า  


 


ส่วนงานใต้เงาสวนลำไย บ่ค่อยได้สู้แดดเท่าใด นั่งอยู่กับที่เป็นหลัก  คนขึ้นลำไยเป็นป้อจายได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท คนเด็ดคนคัดส่วนใหญ่เป็นหมู่แม่ญิงค่าแฮงวันละ 100 บาท  ผิดกับหมู่รับจ้างปลูกนาเหมาปลูกไร่ละ 450 บาท  ถ้าต้องถอนกล้าด้วยคิดไร่ละ 650 บาท งานถอนกล้ากินเวลานานกว่างานปลูก


 


ไอ้ดีมันเล่าให้เขาฟังทางโทรศัพท์เมื่อสามวันก่อนตอนนัดแนะปลูกนาว่า  ‘ปีนี้จะเอาให้ได้พอแบ่งในหมู่เดียวกันวันละ 500 บาทต่อคนเป็นอย่างน้อย ทนอิดทนหิวกันหน่อย’  วันนี้หมู่ไอ้ดีปลูกนาคนบ้านเดียวกับเขา 5 เจ้า 10 ไร่ นาเขาเป็นเจ้าสุดท้าย  ไอ้ดีว่ามันลัดคิวปลูกให้คนอื่นก่อนเพราะตกปากรับคำไว้ว่าจะปลูกให้พรุ่งนี้แต่พวกมันเกิดมาไม่ได้  มีศพที่หมู่บ้านต้องไปร่วมงานเผาศพ เลยต้องขอปลูกเสียวันนี้


 


จริง ๆ แล้วหากทำได้  เขาอยากจ้างปลูกอย่างเดียวมากกว่า  มันจะลดรายจ่ายมากถึง 400 บาท ลำพังสองคนผัวเมียถ้าถอนกล้าอีกวันก็จะแล้วพอดี  แต่ลำไยปีนี้มันร่วงหล่นเหลือเกิน ราคาบ่ต้องอู้ถึง  มันตกต่ำลงยิ่งกว่าลำไยหล่นเสียอีก   มันเลยเป็นเหตุที่เขาจำต้องตัดสินใจจ้างถอนกล้าด้วย มันช่างเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เสียจริง ๆ 


 


4


 


งานถอนกล้ากินเวลาชั่วโมงกว่าจึงได้กล้าพอปลูก เขาขนมัดกล้าใส่กระสอบฟาง ทยอยยกขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แบบพ่วงข้าง ขี่ลัดไปตามทางข้ามลำเหมืองเข้าสู่แปลงนา  หมู่รับจ้างปลูกนาพักกินน้ำ


อมเมี่ยงสูบบุหรี่เสร็จแล้วตามกันไปสมทบเขาที่นั่น เขาแบกกระสอบใส่ต้นกล้าไปกองไว้ตามคันนา นางเป็นฝ่ายโยนมัดกล้าให้ตกทั่วแปลงนา โยนให้พอดีช่วงคนวาแขน เวลากล้าหมดมือจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินเอื้อมหาให้ไกลมือไกลตีน


 


ขาเดินกลับจากขนกล้าเที่ยวแรก เขาตระหนักรู้ดีว่า   ในนาใช่จะมีเพียงต้นข้าวเท่านั้นมันยังมีกองทัพปูศัตรูตัวฉกาจของต้นข้าวและชาวนา มันพากันกรูหลบหนีตีนทุกครั้งที่เขาเหยียบย่างเข้าใกล้  นี่ยังไม่นับหอยเชอรี่ที่แพร่พันธุ์ดกดื่นเต็มทุ่งนา      ขนาดว่านาอ้ายคำดีอยู่ติดกันใส่ยาเบือเห็นมีซากปูตายเกลื่อน ปลาเล็กปลาน้อยลอยแพนับสิบ งูหงายท้องสิ้นคราบสิ้นลายล่องลอยในแปลงนา ปราบเท่าใดบ่หมด


 


"ไปเน้อมึง ไปเน้อ ไปไกล ๆ "  เขานึกสนุกออกปากตะโกนไล่หอยไล่ปู เอาไว้เสร็จปลูกนาก่อนเหอะ


เขาจะวางยาเบื่อให้มันตายเสีย  ไม่อย่างนั้นเรี่ยวแรงลงไปครั้งนี้คงสูญเปล่ากับหอยกับปูที่จะคอยกวนกัดกินต้นข้าวให้เสียหาย


 



 


หมู่รับจ้างปลูกนาพร้อมแล้วพากันยืนเหมือนกับเข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ในมือแต่ละคนคือมัดกล้า บิแบ่งดึงออกจากมัดใหญ่จ้ำปลูกลงไปในเนื้อดิน จากแปลงนาสี่เหลี่ยมเปล่าว่างมีน้ำนองขัง  เริ่มปรากฎมีแถวแนวต้นกล้าเรียงตัว หน้าใครหน้ามัน แขนต่อแขน คนต่อคน ฟากฟ้าเบื้องบนบดมืดราวกับเป็นร่มหลวงคอยกันแดดบ่ให้ร้อนแรงเกินไป ปลูกนาได้บ่ทันเท่าใด  ฟ้าฝนก็หลั่งสายโปรยปรายลงมา หมู่รับจ้างปลูกนายังหยัดเท้ายืนก้มหน้าโค้งหลังรับสายฝนในแปลงนา บ่ย่อหย่อนหลบลี้หนีหาย เขาแบกกระสอบใส่กล้ารอบแล้วรอบเล่า เดินไต่คันนาเข้าหาแปลงนาที่อยู่ไกลออกไป หมู่รับจ้างปลูกนาระดมแรงปลูก นางโยนมัดกล้าไว้รอ


 


นาแปลงแรกปลูกเสร็จแล้ว หมู่รับจ้างปลูกนาขยับไปหานาแปลงใหม่ แนวต้นกล้าในนาเรียงตัวมองเห็นเป็นแถวเดียวต่อจากนาแปลงก่อนหน้านี้ ช่างดูงามตานัก มันเป็นผลงานจากการกรำงานนามาหลายฟ้าหลายฝน ทุกครั้งการบิแบ่งต้นกล้าจ้ำปลูกลงไปในเนื้อดินเท่ากับว่ากำลังจ้ำปลูกลงไปในเนื้อนาใจของคนนาด้วย มันตั้งต้นเหยียดตัวเรียงแถวติดตัวติดวิญญาณมาตั้งแต่กล้าต้นแรกที่คนนาจ้ำปลูกเลยทีเดียว


 



 


 


"เอาเหล้าซักหน้อยก่ไอ่ดี" เขาแบกกระสอบมัดกล้ามาหยุดตรงแถวปลูกนาเอิ้นถามไปกลางสายฝน


"เอ้อ ได้ก่ดีอ้ายเรือง เอากะ แก้หนาว" ไอ้ดีเงยหน้าตอบ


"บ่ต้องเน้ออ้ายเรือง เดียวปลูกบ่แล้ว มันจะติดลมเสียก่อน"  ไอ้หมายสวนกลับ


"แต๊ ๆ บ่ต้องเน้อ ๆ"  หมู่แม่ญิงสนับสนุนไอ้หมาย


เขาเดินยิ้มจากไป มุ่งตรงยังนาแปลงสุดท้ายที่นางยืนคอยอยู่ที่นั่น


"แม่มึงเห็นมั้ย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว" เขายิ้มให้นางเมื่อเดินถึง


นางยิ้มรับ "เดียวข้าโยนกล้าเสร็จแล้วจะเอาเหล้าบ้านลุงอ้ายมาหื้อหมู่เขาเน้อ"


"ไปเต๊อะ ไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ เอาสักสองขวดเน้อ " เขาโยนกล้าแทนนาง


 


5


 



 


ฝนซาเม็ดแล้ว ฟ้ายังบดมัวมืดแลบแปลบปลาบเป็นทางยาว นางเดินไต่ตามคันนาไปหามอเตอร์ไซค์ขี่เข้าหมู่บ้าน เขามองตามหลัง  หมู่รับจ้างปลูกนายังเรียงแถวอยู่กลางแปลงนา สองขาปักตรึงมั่นคง


หลังโค้งงอหน้าก้มต่ำลงหาผืนนา มือหนึ่งกำต้นกล้าอีกมือบิแบ่งจ้ำปลูกลงในเนื้อดินตรงหน้า เอี้ยวตัวไปทางซ้าย เอี้ยวตัวไปทางขวา บิแบ่งจ้ำปลูก บิแบ่งจ้ำปลูก หมดช่วงวาแขน ขยับสองเท้าปักตรึงที่ใหม่


แถวใหม่ นานทีจึงหยุดเหยียดกายขึ้นตั้งตรงแก้เมื่อยแก้ล้า ก่อนจะก้มหน้าโค้งตัวลงไปใหม่


 


เขาโยนมัดกล้าปลิวออกไปตกใกล้ไกลตามแรงมือส่ง ดวงใจเขาเบาว่างเหมือนมัดกล้าล่องลอยอยู่กลางอากาศก่อนตกกระทบลงบนผืนน้ำผืนนาหนักแน่น  เขาคลายกังวลเรื่องที่นางบ่นเอากับเขา งานปลูกนาจวนเสร็จกับมือกับตีน อีกบ่นาน เนื้อตัวเปียกฝน หนาวเหน็บ รู้สึกปวดหนึบที่เอวอีกแล้ว อดเอาเหอะ รอปลูกนาแล้วเสียก่อน จะตั้งวงกับหมู่รับจ้างปลูกนากินเหล้าสักแก้วสองแก้วแก้หนาวเหน็บเจ็บเอว


 


เขากลั้นใจโยนกล้ามัดสุดท้ายออกไปฟ้าร้องครืนใหญ่หลั่งสายฝนลงมาอีกคราเขามองตามมัดกล้าปลิวฝ่าม่านฝน  เขายิ้ม…..


 



 


 







ชาวนาคนสุดท้าย
บันทึกเรื่องราว เรื่องเล่าของผองชาวนาชาวไร่คนสุดท้าย ยุคสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะถูกทำให้หายจนภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
สุขทุกข์ ต่อสู้ ดิ้นรน เรียนรู้ เป็น อยู่ในหมู่บ้าน ในรัฐ ในโลก และในจินตนาการ