Skip to main content

ถนนเชียงใหม่ (บันทึกไร้สาระ)

คอลัมน์/ชุมชน

21 ธันวาคม / เช้า


 


ลืมตาขึ้นบนรถไฟ (น่าจะราวๆ ตีสี่) รู้สึกหนาว อยากเข้าห้องน้ำ แต่ก็ขี้เกียจจนไม่อยากลุกไปไหน!


วันนี้ได้การ์ด 1 ใบ เป็นรูปครอบครัวนกฮูก สวยดี แปลกใจที่คนมาด้วยกันจำได้ เซอร์ไพรส์ เซอร์ไพรส์


ตามตั้งใจไว้ วันนี้ลงจากรถจะแวะหาพี่แอ๋ม โทรถึงเตือนใจ ใครอีก พ่อ ไม้ซาง เชียน อ้อมแอ้ม เพลิน (ป่านนี้คงโตมากแล้ว) แต่คิดๆ อีกที ไม่อยากเจอใครเลย !!


สั่งกาแฟมากินดีกว่า


 


21 ธันวาคม / สาย


 


ถึงเชียงใหม่แล้ว เมืองดูแปลกตา รถวิ่งสวนกันคึกคัก สี่ล้อแดงอยากจอดก็จอด (!)


โทรถึงพี่แอ๋ม อู้คำเมือง รู้สึกขัดเขินอย่างไรไม่ทราบ ฉันพยายามรื้อฟื้นสำเนียงเก่าๆ ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด ดัดจริต ดัดจริต นกน้อยในหัวใจส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ช่างเถอะนะ (ปลอบใจตัวเอง)


นัดพบพี่แอ๋มริมน้ำแม่ปิง อีกฝั่งเป็นกาดเมืองใหม่ นานแล้ว สมัยกาดเริ่มสร้าง พี่แอ๋มเคยฝันถึงการเป็นแม่ค้าผู้ประสบความสำเร็จ


ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว ? แก่ หน้าตาเคร่งเครียดปนหม่นหมอง ไม่พูดพล่ามทำเพลง ชวนไปกินเบียร์แกล้มน้ำพริกกะปิ คงเป็นอาหารในดวงใจสินะ


 


21 ธันวาคม  / บ่าย


 


ตัดสินใจไปหาเตือนใจ นัดกันที่ ศูนย์ กศน. แม่ริม น้องชายของเตือนจะมารับ เรานั่งไปในรถประจำทางสีเหลือง เขียนว่า "แม่ริม"


ได้นั่งหน้ารถ เพื่อนที่มาด้วยตัวโต เบียดกันนิดหน่อย แต่ก็ทนไหว ชวนคนขับคุยนิดๆ หน่อยๆ แล้วจึงเอ่ยถามเขาเรื่องบัตรสุขภาพ 30 บาท เขากลับบอกว่า "ผมไม่มีบัตรหรอก! โน่น พวกคนทุกข์คนยากถึงจะมี"


เพื่อนเงียบ ฉันก็เลยต้อง (รีบ) เงียบ เมินหน้าไปมองนอกรถ นึกเกลียดอีตาคนนี้ขึ้นมาตงิดๆ เหม็นกลิ่นคนรวย!!!


รถวิ่งไปเรื่อยๆ ผ่านโรงพยาบาลนครพิงค์ ชื่อเดิมป่าแงะ นึกถึงตอนพาแม่มารักษาตัว สามีของนางก็เช่นกัน แต่แล้วพวกเขาก็ตายหมด


ถนนแม่ริมเปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้ ตลาด บ้านเรือน จำนวนรถบนถนน นึกถึงตอนมีการขยายทางปีแรกๆ ดอกสักหน้าศาลากลางเคยบานสะพรั่ง เรากับเตือนซ้อนจักรยานกันจากหน้ากองพันสัตว์ต่าง ไปถึงข่วงสิงห์ - โชตนา (ใช่หรือเปล่า?) เพื่อไปซื้อสมุดฉีกเล่มละ 3 บาท มาไว้เขียนบทกวี


 


21 ธันวาคม  / เย็น


 


ได้เจอเตือนใจแล้ว! และสุดแสนจะตรึงใจ!!


เหมือนเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ดูดีใจมากๆ ที่ได้เจอกัน  เรียกลูกชายมาสวัสดีเรา ลูกของเธอชื่อเจมส์ ตัวโตมากๆ หน้าตาเหมือนพ่อกับแม่อย่างละนิดหน่อย แม่ของสามี อ้อ อดีตสามี เพราะเขาตายไปแล้ว มาทักทายเราด้วย ดูเหมือนใครๆ ก็รู้จักชื่อเรา รู้สึกอบอุ่น ประทับใจ และซาบซึ้งกับหัวใจของเตือนที่บอกได้ว่าเธอยังคิดถึงกันเสมอ


เตือนชวนออกไปขี่มอเตอร์ไซค์ ให้เพื่อนรอที่บ้านสักแป้บ เรานั่งเกาะเอวเธอไปตามทางลัดอ้อมสนามกอล์ฟ เตือนถามถึงชีวิตในกรุงเทพฯ และบอกว่า ถ้าเลือกได้เธอไม่อยากเป็นแค้ดดี้ในสนามแล้ว วันๆ เดินหลายกิโลมากๆ เริ่มเจ็บหลัง กลับมาก็หิวซ่ก


 "กินข้าวจนล่ำ" เธอว่า แต่เราก็ไม่ได้หัวเราะกันเลย


 


ขี่รถกันสองรอบ เตือนบอกว่า ไม่ได้มีธุระอะไร


 "คิดถึง อยากคุยกับเธอตามลำพัง ฉันมีเรื่องทุกข์ใจหลายอย่างเหลือเกิน แต่จะเล่าให้ฟังก็กลัวเธอเบื่อ"


เราบอกว่ายินดีฟัง เตือนจอดรถ แล้วเล่าถึงเหตุการณ์หลังสามีตาย เธอเคยหวังว่า จะได้เงินชดเชยบ้าง เพราะมั่นใจว่าเขาติดเชื้อเอชไอวี จากการทำงานเป็นผู้ช่วยบุรุษพยาบาลที่โรงพยาบาล เคยสัมผัสคนไข้ฉุกเฉินเลือดท่วมตัว แต่ก็เป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ แม้ใบรับรองการตายไม่ระบุว่าเขาเป็นโรคเอดส์


"แต่อาการมันใช่ หมอเขาก็พูด" เธอย้ำ


"แต่ที่ฉันเสียใจมากคือ งานศพของเขา คนมานับจำนวนได้ และทุกคนไม่ยอมอยู่กินข้าวเลย"


 


ฟังแล้วนิ่งอึ้ง ไหนว่าสถานการณ์เอดส์ดีขึ้น ผู้คนมีความเข้าใจมากขึ้น แต่สิ่งที่เตือนพบเจอ เลวร้ายจริงๆ


"หลังสุดนี้ฉันไปช่วยงานวัด เคยเป็นกลุ่มแม่บ้าน เมื่อก่อนจะต้มจะแกงอะไรก็ขอให้ฉันเป็นหลัก ตอนนี้นะเธอ" เสียงของเตือนแผ่วหาย "เขาพูดกับฉันเลยว่า ไม่อยากให้ยุ่งในโรงครัว กลัวคนอื่นจะรังเกียจ"


 "คนพูดนะสิ รังเกียจ ไม่ใช่ทุกคนหรอกจะคิดแบบนั้น" ฉันว่า


เตือนส่ายหน้า


"ไม่มีใครแย้งคำคนนั้นเลย มีแต่พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้ฉันเลยไม่ไปเข้ากลุ่มแม่บ้านแล้ว ลูกยังถามเลยนะว่า ทำไมแม่ไม่ไปร่วมกับเพื่อนๆ"


 


สีหน้าของเตือนเศร้าหมอง อดคิดถึงใบหน้าของพี่แอ๋มขึ้นมาไม่ได้ และอีกหลายๆ ใบหน้าที่ติดในความทรงจำ ความทุกข์ยากลำบากช่างเหมือนละอองฝุ่น เกลื่อนฟ้าเกลื่อนดิน


 


21 ธันวาคม / ค่ำ


 


ออกมาจากบ้านของเตือนแล้ว เพื่อนถามว่าได้คุยอะไรกันบ้าง เล่าให้ฟังคร่าวๆ เพื่อนมีสีหน้าครุ่นคิด


"ไม่นึกเลยว่าคนทางนี้จะมีความทุกข์กันจริงๆ"


นึกอยากบอกเพื่อนว่า ไม่ว่าคนทางไหนก็ทุกข์ก็สุข ปะปนกันทั้งนั้น ต่างแค่รูปแบบ เนื้อหาไม่เคยเปลี่ยน


 


ขากลับเข้าเชียงใหม่ รถวิ่งเร็ว (ญาติฝ่ายสามีของเตือนมาส่ง เขาไม่ได้เรียกอะไร แต่เตือนแนะนำว่าควรให้ค่ารถสักหน่อย คิดว่าให้สัก 2-300 จะดีไหม) คนขับเป็นชายวัยกลางๆ สวมหมวกปีกสั้น ขับรถเปิดกระจก สูบบุหรี่ไปด้วย


เขาเป็นลูกคนรวย เตือนกระซิบก่อนออกมา "มีมรดก แต่นิสัยไปทางรักอิสระ"


เขาเปิดวิทยุในรถด้วย เสียงครืดคราดๆ ฟังไม่ออกว่าเป็นเพลงอะไร เขาขับรถอย่างมีสมาธิ คุยกันบ้างนิดหน่อย เขาดูรักอิสระจริงๆ ด้วย


 


 "ทุกวันนี้ผมไม่ทำงานมาก อย่างมากก็รับจ้างเอาน้ำเข้าสวน ทำงานไป ฟังเพลงไป สบายดี ไม่ต้องมีใครมายุ่งกับเรา เบื่อๆ ก็ขับรถไปยิงปืนเล่น"


ว่าแล้วเขาก็ร้องตามเพลงจากวิทยุอย่างอารมณ์ดี เสียแต่รถวิ่งเร็วขึ้นๆ จนอดกลัวไม่ได้ ถนนกลางคืนมีแสงไฟแพรวพราย เข้าเขตเมือง ได้กลิ่นของอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูก เป็นความคุ้นเคยผสมแปลกแยก นึกแต่ว่า นี่คือเชียงใหม่


 


21 ธันวาคม   / กลางคืน


 


พรุ่งนี้จะขึ้นไปภูพิงค์ เพื่อนจะไปเก็บภาพสถานที่ที่เราเคยอยู่ เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ริมไหล่ทาง เคยอยู่บนโน้นคนเดียวเป็นเดือนๆ ตื่นแต่เช้ามืดไปติดเตาต้มน้ำ เปิดร้าน ผสมแป้งทอดกล้วยแขก ปิ้งลูกชิ้น ขายสารพัดอย่างรับนักท่องเที่ยว คิดถึงอากาศที่เคยเยือกหนาว ความมืดในยามเช้าและพลบค่ำ กลิ่นของดอกกุหลาบข้างทางเดิน


 


สวัสดีอดีต สวัสดีชีวิต ณ ปัจจุบัน สวัสดีตัวฉันในวันครบรอบวันเกิดอีกครั้ง


 


สวัสดีอีกครั้ง ถนนของเชียงใหม่.


 


-----------------------------------------------------------------------------------


 


 


                                         


 


 


     


                                          


 


 


            


 


 


 


                               


 


 

 


 


       


 


 


          

    


 


 


 


 


  

        


 


   

  


 


 


     


 


 


     


 


 


                              


 


 


 


                             


 


 


         


 


 


    


 


 


 


    

               

       

         


  


 


 


        


 


 


 


                               


 


 


                               


 


 


                                


 


 


 


----------------------------------------------------------------------------------------