Skip to main content

ต้นไม้บ้านเพื่อน

คอลัมน์/ชุมชน

คนไม่มีบ้าน ในประเทศนี้มีคนไม่มีบ้านเป็นจำนวนมาก ครอบครัวของเราเป็นหนึ่งในนั้น รวมทั้งครอบครัวของเพื่อน ๆ ด้วย


 


หลายคนกำลังคิดจะมีบ้าน หรือเตรียมการที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง  "การมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นความสุขที่ยากแก่การอธิบาย" เพื่อนผู้มีบ้านใหม่ ๆ บอกเช่นนั้น


 


ในวันที่เราอยากมีบ้าน เพราะเราอยากมีที่ปลูกต้นไม้ที่เป็นของตัวเอง ได้ชื่นชมมันไปเรื่อย ๆ ประสบการณ์เรื่องการย้ายบ้านแต่ละครั้ง  เราเศร้าใจกับต้นไม้ที่ปลูกกับมือ เพราะแค่เราหันหลังกลับไปดูต้นไม้ที่เราปลูกเอาไว้ก็พบว่ามันถูกตัดทิ้ง


 


ครั้นหนึ่ง ครอบครัวของเราย้ายบ้านออกจากบ้านเช่าหลังเก่าไปอยู่บ้านเช่าหลังใหม่ที่ห่างกันเพียง 200 เมตร วันแรกที่เจ้าของบ้านใหม่เข้ามาอยู่ เขาตัดต้นเสี้ยวที่สูงถึงหลังคาบ้านชั้นเดียวทิ้ง ในขณะที่มันกำลังออกดอกสวยงาม และสามารถมองเห็นดอกชมพูขาวจากหน้าต่างบ้านใหม่ เมื่อเข้าไปถาม  เขาบอกว่า ตัดให้มันแตกใหม่เพื่อเอายอดมันกินในวันหลัง เป็นเหตุผลที่พอจะฟังได้ แม้ว่าจะเถียงอยู่ในใจว่า ค่อย ๆ ตัดทีละนิดไม่ได้หรือไร และที่มีดอกก็เว้น ๆ ไว้ก่อน  


 


วันต่อมาเดินผ่านไปพบว่า ต้นปีบที่ให้ดอกในปีแรก ก็ถูกตัดจนเหลือแต่ตอห่างจากพื้นดินหนึ่งคืบ คราวนี้ถามว่าตัดมันทำไม เพิ่งจะให้ดอกปีนี้  เขาบอกว่า "ต้องเอาเสาโทรทัศน์ขึ้น เอาแผงขึ้นตรงนี้"


 


กลับไปบ่นให้คนที่บ้านฟัง เขาว่าให้ทำใจมันไม่ใช่ของเราแล้ว อย่าไปติดยึด


"เขาคงกลัวว่า บ้านเขาจะได้ร่มเงาจากต้นไม้ กลัวจะเย็นสบายในช่วงร้อน" ฉันยังบ่นประชดประชันต่อไปอีกเล็กน้อย


 


วันต่อมาฉันไปขอย้ายต้นไม้ เพื่อเอามาปลูกบ้านใหม่   ไปถามผู้รู้เรื่องการย้ายต้นไม้ เลยได้ความรู้มาว่า ต้องขุดรอบ ๆ โคนต้นให้กว้างเอาไว้แล้วค่อย ๆ สอดผ้าตาข่ายหรือผ้าอะไรก็ตามแต่จะหาได้ แล้วค่อย ๆ ยกขึ้นมาทั้งต้นทั้งผ้า เอาไปหย่อนในหลุมใหม่และค่อย ๆ ดึงผ้าออก


 


การย้ายต้นไม้เป็นเรื่องใหญ่ มีเพื่อนมาช่วยย้ายด้วย เป็นกิจกรรมที่มีความสุขมาก ต้นไม้ใหญ่ ๆ ก็ปลูกรอบสระกว้าง ไม้เล็ก ๆ ปลูกหน้าบ้าน กว่าจะย้ายต้นไม้เสร็จก็เป็นเดือน  แต่อยู่ไม่นานเราต้องย้ายบ้านใหม่อีกครั้ง คราวนี้ย้ายไปไกล


 


มีไม้ใหญ่หลายต้นที่เพิ่งเอามาลง ขี้เหล็ก กาซะลอง ขนุน เสี้ยว ไผ่ พวกนี้ไปเอามาจากงานเกษตรที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังมีเพกาที่อาจารย์ เทพศิริ สุขโสภา ศิลปินจากวัดอุโมงค์ให้มา   ยี่โถ ศิลปินล้านนากับคนรักเอาไปให้  เล็บมือนาง ต้นสน และผีเสื้อ ของนักเขียนล้านนา มาลา คำจันทร์ ให้ในวันที่ไปเยี่ยมบ้านเขา ไก่ฟ้ากับมันอะลูจากบ้านคุณรงค์ วงษ์สวรรค์  


 


และมะลิ ขจรฤทธิ์ รักษา เจ้าของสำนักพิมพ์ บ้านหนังสือ เอามาให้จากกรุงเทพฯ  ดอกไข่ดาว กระดังงา แก้ว และกุหลาบอีกหนึ่งแปลง เป็นของหญิงสาวคนหนึ่ง  ล้วนเป็นต้นไม้ที่ความหมายให้ระลึกถึง แต่ต้องตัดใจทิ้งไว้


 


บ้านใหม่ของเราซึ่งเป็นบ้านเก่ามาก ๆ หลังนี้ อยู่ในเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิดเป็นรั้วโปร่ง ๆ อิฐสีแดงกับเหล็กบาง ๆ ทั้งบ้านไม่มีต้นไม้เลยสักต้นเดียว มีแต่ต่อไม้สามต้น ไม้ใหญ่ถูกตัดมานานกว่าหนึ่งปี  มีข่าหนึ่งหย่อมหนึ่งใกล้ ๆ ตอไม้ แต่เราเลือกบ้านหลังนี้เพราะมีต้นไม้บ้านเพื่อนให้ร่มเงาทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง


 


ด้านขวาเป็นบ้านหลังใหญ่ มีสมาชิกอยู่กันหลายคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ บ้านนี้ปลูกมะนาวไว้ริมรั้วข้างบ้านด้านที่ติดกับบ้านของเรา   หน้าบ้าน เป็นที่ดินว่างเปล่ามีมะม่วงนับสิบต้น และฉำฉาต้นใหญ่ขนาดสองคนโอบ ด้านหลังของบ้านมีต้นไม้ใหญ่ติดรั้วบ้านและที่ดินว่างเปล่า ด้านซ้ายเป็นบ้านร้างคงจะถูกทิ้งไว้นานแล้วมีต้นไม้ขึ้นคลุมบ้าน ตะขบหน้าบ้านหลังนั้นให้ร่มเงาแก่บ้านเราได้เป็นอย่างดี และยังมีมะม่วงที่ออกผลห้อยเข้ามาทางบ้านเราด้วย มะม่วงที่ติดริมรั้วเราใช้เชือกสอดเข้าไปอาศัยผูกสายเปลข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งด้วยผูกกับเสาซีเมนต์บ้าน  แค่นี้เราก็ได้นอนเปล


 


นอกจากไม้ใหญ่แล้ว  ริมรั้วเขายังปลูกตำลึงทิ้งไว้ ออกยอดเลื้อยพันเข้ามาถึงบ้านให้เราเก็บกินได้ โชคดีจริง ๆ ที่มีต้นไม้บ้านเพื่อนให้ร่มเงา  ทุกครั้งที่นอนเล่นในเปลก็จะนึกขอบคุณคนที่ปลูกต้นไม้เอาไว้


 


ยามเช้านอนในเปลดูนกมากินลูกตะขบ ชีวิตที่สวยงามหาได้ไม่ยาก ขอบคุณต้นไม้บ้านเพื่อนจริง ๆ ขอบคุณที่ปลูกทิ้งเอาไว้ ขอบคุณที่ทำให้เลิกคิดว่า จะเลิกปลูกต้นไม้แล้ว และรอจนกว่าจะมีที่ดินเป็นของตัวเองจึงจะปลูกต้นไม้


 


หลังจากอาศัยร่มเงาต้นไม้บ้านเพื่อนแล้ว ฉันคิดได้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว  ปลูกต้นไม้ ให้ใครก็ได้ เป็นของใครก็ไม่เป็นไร  ถูกตัดก็ปลูกใหม่ ปลูกไปเรื่อย ๆ จะย้ายบ้านอีกสักกี่ครั้ง จะไม่มีที่ดินปลูกต้นไม้เป็นของตัวเองจนตายก็ไม่เป็นไร