Skip to main content

"หลุมดำ …กับ...ความศิวิไลซ์"

คอลัมน์/ชุมชน

ห้าทุ่มคืนวันเสาร์...หลายชีวิตหลับใหลในนิทราแสนสุข    หลายชีวิตยังสนุกสนานกับสีสันยามค่ำคืนของเมืองศิวิไลซ์ ...อีกหลายชีวิตเช่นกันที่ยังร่อนเร่...ค่ำคืนนี้ไร้ที่ซุกหัวนอน


 


ฉันเองก็เป็นเฉกเช่นพลเมืองส่วนใหญ่ของแดนศิวิไลซ์ (อยู่ไหนหนา ????) ที่ปรีดากับคืนวันเสาร์         เสน่ห์ฉันแรงเสมอในคืนวันเสาร์เช่นนี้ ...หนังสือที่อยากอ่านหลายเล่มขยิบตารอท่าให้ฉันหยิบ   หนังที่อยากดูอีกหลายแผ่นมองฉันตาปรอยอ้อนให้ฉันสอดใส่เข้าไปในเครื่องเล่นเสียที    ทีวีก็ประโคมกันขนสารพัดบันเทิงมาล่อใจ อะฮ้า ฉันเองก็อยากจะแบ่งเสน่ห์ให้กับทุกสิ่งอย่างทั่วถึง   ในมือของฉันจึงมีทั้งหนังสือพร้อมรีโมทโทรทัศน์และเครื่องเล่นดีวีดี    ดูท่า...... ราตรีนี้ยังอีกยาว....


 


ห้าทุ่มคืนวันเสาร์ .     ." หลุมดำ"  ที่เจอครั้งแรก  เพราะมือเผลอไปกดรีโมท  หน้าจอทีวีเปลี่ยนเป็นโมเดิร์นไนน์ทีวี   ฟังเสียงคนเดินเรื่องพูดถึงการโชว์เนื้อหนังมังสาจากการแชตทางอินเตอร์เน็ตของสาวนักศึกษา   หยา...น่าสนใจหาไหนได้  เสียงคนเดินเรื่องก็คุ้นเคย  เงยหน้าขึ้นมาสนใจ 


 


ใช่แน่   สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ  พี่เช็ค (เขาจะยอมเป็นพี่ฉันรึเปล่า ไม่ทราบได้แต่ฉันก็สนิทใจกับการเรียกขานเช่นนี้)  ดูเขากลายเป็นโลโก้ของรายการประเทศสารคดีบันเทิงไปเสียแล้ว    ทุกรายการที่ผุดขึ้นจึงเป็นไปในแนวค้น ขุดคุ้ย ตีแผ่ นำเสนอในแง่มุมที่หลากหลาย  เดินเรื่องด้วยวิธีการแปลก ๆ  มุมกล้องแปลก  พิธีกรหน้าตาแปลกแต่เจ๋ง แน่นอนที่สุดเรื่องที่นำเสนอนั้นแปลกแยกเหลือเกิน แม้ไม่ใช่ประเด็นใหม่ในสังคมอันศิวิไลซ์นี้ แต่แปลกตรงที่ไม่มีใครคิดนำเสนอมาก่อนเพราะมันเป็น   "หลุมดำ" ที่เราท่านฉันเธอรู้กันว่ามันมีอยู่ แต่เลี่ยงที่จะทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปช่วยทำนาซะอีก  เพื่อคงไว้ซึ่งความศิวิไลเซชั่น   นั่นเอง.....ฉันจึงตกลงใจว่าทุกห้าทุ่มคืนวันเสาร์ ยินดี ซื้อตั๋วท่องไปในเส้นทางสายมืดดำ กับทัวร์ "หลุมดำ"


 


"หลุมดำ"  ต่อมา "เด็กขายน้ำสนามหลวง"  ก็ทำเอาตาฉันเลิกโพลงกับเรื่องจริงที่แม้พอจะรู้มาบ้าง แต่อนิจจา  ไม่ทันคิดว่าความศิวิไลซ์จะทำร้ายใครต่อใครได้ถึงเพียงนี้ 


 


"หลุมดำ"   หมาด ๆ   "ทอมบอย ฟ้าลิขิต หรือชีวิตที่เลือกแล้ว"     ฉันได้พิจารณาหลากหลายมุมอย่างตั้งใจ    เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างในรายการจะต้องดำ ๆ มืด ๆ มัว ๆ ไปซะหมด  (ถ้าไม่ทำอย่างนั้นมันไม่ได้ความรู้สึกเหรอคะ?)     เริ่มจากพี่เช็คเปิดเรื่องในมุมมืด ๆ ดำ ๆ ครึ่งจอ  อีกครึ่งจอเป็นผู้สนับสนุน  คือว่า....ตัวพี่เขาก็ดำไม่หยอก แล้วยังมาจัดไฟกันอย่างนี้อีก รู้สึกเหมือนเห็นเมฆินทร์ หรือแดร็กคูล่านั่นเลยเชียว     แต่พอเริ่มเดินเรื่องทุกอย่างน่าสนใจมากจนลืมความดำมืดไปได้ชั่วขณะ  ผู้ร่วมรายการทุกคนน่าสนใจแถมมีแง่คิดมุมมองในเรื่องราวของตนอย่างแหลมคม แม้จะแอบคิดเล็ก ๆ ว่าทุกคนถูกบังคับให้แต่งตัวเป็นโทนดำ ๆ เทา ๆ ก็เถอะ  สิ่งหนึ่งที่จับได้ในน้ำเสียงทอมบอยทุกคนทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่คือ  ถึงจะเชิดหน้าในความที่  "ฉันเป็น"    แต่กว่าจะถึงวันนี้ ...ไม่ง่ายเลย   เพราะหากย้อนถามถึงเรื่องสังคม  พวกเธอเหล่านั้น.......แคร์


 


การดำเนินเรื่องคราวนี้มีเสน่ห์ไม่เบา  ด้วย 3 สาวที่น่าจะเป็นคนเก็บข้อมูลมานั่งถกกันถึงประเด็นนี้ แลกเปลี่ยนมุมมองของแต่ละคน ตัดสลับไปกับการเดินเรื่องด้วยเจ้าของประเด็น พร้อมทั้งความคิดเห็นจากคนในสังคมอย่างผู้ชายทั้งหลาย    ทำให้ฉันคิดไปถึงการทำงานวิจัยสังคมเชิงลึก ซึ่งผลจากงานวิจัยนั้นน่าจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคมบ้าง....เป็นแน่...


           


ท้ายที่สุด  สิ่งที่ "หลุมดำ" นำเสนอนั้นคือความเป็นไปในสังคม  "หลุมดำ"  ตั้งคำถาม และหาคำตอบความเป็นไปในสังคมนั้นร่วมกับผู้ชม  คำตอบที่ได้เหมือนกันหรือไม่   ความเป็นไปจะได้รับการเยียวยาหรือไม่  ไม่ใช่ประเด็น 


 


หากแต่สิ่งที่หลุมดำได้ทำนั้น  ฉันเข้าใจว่า ทั้งหลายทั้งปวงเพื่อให้สมาชิกในสังคมได้ยอมรับความเป็นไปให้ได้ และรู้เท่าทัน   เพราะนั่นต่างหากคือ ภูมิคุ้มกันความศิวิไลซ์ที่เต็มไปด้วย .. "หลุมดำ "