Skip to main content

จากหาดใหญ่ ถึง เชียงใหม่ ..ชีวิตเสี่ยงภัยน้ำท่วม

คอลัมน์/ชุมชน

           


เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ที่มีผู้เสียชีวิตไปจำนวนไม่น้อย อันเนื่องมาจากเป็นเหตุการณ์ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเจอน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมตัวเมืองในปริมาณมาก เอ่อล้นและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่อาจเตือนภัยกันได้


 


ซึ่งต่อมาได้มีการศึกษาหาสาเหตุว่า เพราะอะไรทำให้น้ำท่วมได้ระดับที่สูงมากในเขตตัวเมืองข้อสรุปที่ชัดเจนคือเพราะการเจริญเติบโตของเมือง การมีตึกรามขนาดใหญ่ การสร้างถนนหลายสาย กลายเป็นอุปสรรคกีดขวางทางไหลของน้ำซึ่งเป็นน้ำป่าที่จะไหลหลากมาในหน้าฝนที่มีฝนตกต่อเนื่อง  


 


เหตุการณ์ครั้งนั้น ผู้บริหารเมืองหาดใหญ่ รัฐส่วนกลาง จึงต้องร่วมมือกันหาทางป้องกัน ทั้งการขุดลอกท่อ การเปิดทางน้ำไหล การสร้างเขื่อน ซึ่งดิฉันเองก็ยังไม่ได้ติดตามว่าผลการวางแผนป้องกันปัญหานั้นได้ผลอย่างไร เพราะมีเรื่องราวอื่น ๆ มากมายในภาคใต้ให้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด มากกว่าที่เป็นเรื่องความรุนแรงในชีวิตผู้คน  อยู่ในอาการลุ้นสุดตัวว่ารัฐจะผ่าทางตันในการแก้ปัญหาภาคใต้ไปได้อย่างไร  นอกเหนือจากการขึ้นเครื่องบินไปตรวจเยี่ยมแบบเช้าไปเย็นกลับ หลังจากถูกจี้ให้ต้องน้อมเกล้าถวายการปฏิบัติให้เห็นว่า ตั้งใจจะแก้ปัญหาอยู่นะ


 


เชียงใหม่ก็ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับหาดใหญ่เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา น้ำแม่ปิงล้นฝั่งหลากล้นเข้าท่วมบ้านเรือนตามริมตลิ่ง ตลอดจนลุกลามไปถึงเขตธุรกิจของเมืองคือบริเวณไนท์บาร์ซาร์ ซึ่งเป็นแหล่งทำเงินจากนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศที่แวะเวียนมาเชียงใหม่


 


น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงมากที่สุดเท่าที่เคยประสบมากับตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโต  เรื่องน้ำแม่ปิงไหลเอ่อท้นล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านในฤดูน้ำหลากเป็นเรื่องปกติในชีวิตของดิฉันที่มีบ้านอยู่ห่างตลิ่งไม่ถึงร้อยเมตร ซึ่งการหลากล้นของน้ำจะกินเวลาไม่เกิน 3 วัน ที่จะเหือดแห้งไป เมื่อน้ำไหลผ่านไปแล้ว ก็จะได้ยินข่าวเป็นระยะว่า ขณะนี้น้ำหลากท่วมไปถึงลำพูนแล้ว ไปถึงจอมทอง ฮอด ดอยเต่า ซึ่งเป็นอำเภอทางใต้ลงไปของเมืองเชียงใหม่


 


เมื่อสามสี่สิบปีก่อนพื้นที่ของจังหวัดลำพูนแถบที่ติดลำน้ำปิงจะเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างมากในทุก ๆ ปี เพราะเป็นที่ราบลุ่ม  จึงมักได้ยินข่าวสวนลำไยและบ้านเรือนได้รับความเสียหายทุกปี จนได้มีการแก้ปัญหาในการสร้างเขื่อนกั้นน้ำริมตลิ่งไปตลอดแนวที่มีหมู่บ้านและเรือกสวนไร่นาของประชาชน หากท่านได้เดินทางไปแถบนั้นจะเห็นมีถนนเลียบแม่น้ำปิงที่สร้างขึ้นสูงมากจากตลิ่ง  สามารถกั้นการไหลเอ่อล้นของแม่น้ำปิงได้ และมีการดูแลซ่อมแซมกันมาโดยตลอด หมู่บ้านแถวนั้นจะมีสภาพที่เห็นถนนเป็นแนวเขื่อนสูงจากบ้านของตนเองเป็นกำแพงกั้นน้ำท่วมมาได้ตั้งแต่นั้น


 


ขณะที่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่ค่อยประสบปัญหาน้ำท่วมสักเท่าไร นอกจากเมื่อกว่า 40 ปีมาแล้วที่น้ำท่วมเข้าไปในถนนท่าแพ ลึกเข้าไปในเมือง ส่วนใหญ่บ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจะมีปริมาณไม่มากนักที่ตั้งอยู่ตลอดแนวความยาวของแม่น้ำปิงที่ไหลผ่านเมือง  จำนวนประชาชนที่เจอน้ำท่วมเป็นประจำทุกปีก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าทุกฤดูฝนจะเจอน้ำท่วมได้  และมาประมาณยี่สิบปีให้หลังที่น้ำไม่ได้ท่วมทุกปี หลังจากมีการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำปิงถึงสองเขื่อนทางตอนเหนือก่อนไหลผ่านตัวเมือง  บางที่สี่ห้าปีจะท่วมสักครั้งหนึ่ง ในกรณีที่ปริมาณน้ำฝนมากทำให้น้ำป่าไหลเข้าเขื่อนสูงเกินปริมาณเก็บกัก ต้องมีการปล่อยน้ำออกมาจะทำให้น้ำหลากได้ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทั้งประชาชนและผู้บริหารคือเทศบาลนอนใจว่าจะไม่เกิดเหตุน้ำท่วมอย่างรุนแรงขึ้นได้  จึงไม่มีการเตรียมความพร้อมอย่างเพียงพอ


 


มาปีนี้น้ำท่วมสูงผิดปกติ และเป็นการท่วมอย่างรวดเร็ว ไหลเชี่ยวอย่างรุนแรง คนที่เคยเจอน้ำท่วมเป็นประจำยังเตรียมตัวเตรียมใจไม่ทัน เก็บข้าวของไว้ไม่สูงพอและไม่ทัน บ้านชั้นเดียวหลายหลังที่เคยเจอน้ำท่วมชนิดยังไม่ถึงพื้นเรือนก็มาเจอกันคราวนี้  ทำให้ไม่สามารถพักอยู่ได้ ต้องออกไปอาศัยพื้นที่สูงกว่าพักหลับนอน ข้าวของเสียหายจำนวนมาก ตู้เย็น เตาแก๊ส พัดลม ตู้ เตียง เครื่องสูบน้ำ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ จำนวนร่วมร้อยคันที่จมไปกับสายน้ำ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวบ้าน


 


ในสายตาผู้นำประเทศที่เป็นคนเชียงใหม่ก็คงรู้สึกว่ามันไม่น่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้ และพยายามหาสาเหตุกันน่าดู ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินวนไปเวียนมาอยู่นั่นแล้ว และก็สรุปฟันธงออกมาว่าเป็นเพราะฝายที่ชาวบ้านสร้างไว้แต่ดั้งเดิมนั่นแหละที่ทำให้กีดขวางทางไหลของน้ำเป็นสาเหตุให้น้ำท่วมสูงกว่าปกติ ทำลายเศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่ไปหลายร้อยล้าน


 


การฟันธงอย่างนี้ด้วยการนั่งเฮลิคอปเตอร์กับรับฟังรายงานของพวกเทศมนตรี ดูจะเป็นการดูถูกข้อมูลข้อเท็จจริงอื่น ๆ อีกมาก อาทิ การตื้นเขินของแม่น้ำปิง  การปล่อยให้มีการดูดทรายไปอย่างมากมายมหาศาลทำให้ตลิ่งพัง การที่เมืองเจริญเติบโต การสร้างตึกรามบ้านช่องจำนวนมากที่กีดขวางทางน้ำไหล  รวมไปถึงการสร้างถนนวงแหวนสามชั้นกั้นเมืองเชียงใหม่  เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้การท่วมของน้ำครั้งนี้  มันรุนแรงกว่าทุกครั้ง ไม่ต่างไปจากกรณีของหาดใหญ่  หากเป็นตามปกติน้ำหลากมาก็ท่วมเอ่อล้นแล้วก็ไหลผ่านไป  แต่คราวนี้ไหลไปได้เร็วแต่ไม่มากพอ จึงทำให้ปริมาณน้ำสูงขึ้น 


 


การรองรับปัญหา การบรรเทาสาธารณภัยเบื้องต้นที่เป็นหน้าที่โดยตรงของเทศบาลก็ทำได้ไม่เต็มที่ ไม่มีความพร้อม ผลักภาระให้ประชาชน เช่น การเตรียมถุงกระสอบทรายที่จะแจกจ่ายให้ประชาชน ทำได้ช้า และให้ประชาชนต้องไปตักใส่ถุง และขนย้ายมาเอง  สำหรับคนมีรถกระบะก็พอไหวไปขนมาได้  แต่หากบ้านไหนไม่มีรถก็รับทุกข์ไป  หรือบ้านไหนมีรถแต่ไม่มีคนก็ทำอะไรไม่ได้ ที่จริงแล้วเทศบาลต้องนำทรายใส่ถุงมาแจกจ่ายให้เป็นจุดจุด ใกล้แหล่งชุมชนที่ประชาชนจะช่วยกันไปแบกขนมาได้สะดวก  


 


นอกจากนี้ เมื่อน้ำท่วมสูงมาก ๆ ทำให้บางจุดบางพื้นที่ไม่สามารถออกมาขอรับการช่วยเหลือได้ รัฐบาลต้องเร่งให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น อาหารสำเร็จรูป  ข้าวกล่อง น้ำดื่มสะอาด น้ำใช้  เพราะประชาชนไม่อาจเตรียมการปรุงอาหารได้  การใช้ไฟฟ้ามีปัญหาไม่อาจใช้กระติก หม้อหุงข้าวไฟฟ้าได้ เทศบาลมีเรือเพียงสี่ลำ และไม่มีเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครเพียงพอจะเข้าไปยังจุดที่น้ำสูงได้ ทำให้หลายชุมชนไม่ได้กินข้าวกันเป็นวันสองวัน   ทั้งนี้ น้ำท่วมแบบน้ำไหลหลากอย่างนี้จะไม่เป็นการท่วมขังหลายวันหลายเดือน แต่จะมาเร็วไปเร็ว จึงต้องการความช่วยเหลือเฉพาะหน้ามากกว่าข้าวสารอาหารแห้ง   เทศบาลไม่มีการเตรียมความพร้อมที่ดี 


 


น้ำท่วมคราวนี้  จึงเกิดปรากฏการณ์ชาวบ้านต้องช่วยเหลือกันเอง โดยมีวิทยุชุมชนแห่งหนึ่งเปิดเป็นสถานีกลางระดมรับการบริจาค และระดมอาสาสมัครที่จะนำข้าวกล่องไปแจกจ่ายผู้ประสบภัย รวมถึงการเป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนต้องการทราบ เช่น ระดับน้ำลดลงหรือไม่อย่างไร ปริมาณน้ำมีมาเพิ่มหรือไม่  ตลอดจนแจ้งว่าอยู่ตรงจุดไหนที่ต้องการความช่วยเหลือ  ขณะที่เทศบาลไม่มีการสื่อสารกับประชาชนเลย  รอแต่รับหน้ารัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี พอตอนน้ำลดแล้ว จึงจะเห็น ส.ส.เชียงใหม่ ใส่บูทยางมาเดินแจกน้ำดื่ม มากันเป็นพรวนกับผู้ติดตามล้อมหน้าล้อมหลัง ซึ่งเป็นการหาเสียงโดยแท้


 


อย่างไรก็ตาม การวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว เป็นสิ่งที่ต้องหยิบยกขึ้นมาดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะไม่รู้ว่าจะมีการท่วมซ้ำอีกหรือไม่ในปีนี้ และปีหน้าต่อ ๆ ไป  ทั้งนี้ ต้องเป็นการร่วมมือกันทั้งเทศบาล และรัฐบาลส่วนกลาง กับภาคประชาชน ที่เป็นเจ้าของฝายกั้นน้ำดั้งเดิมและชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำปิงที่ได้รับผลกระทบ  และควรให้ความสำคัญกับชาวบ้านธรรมดาพอ ๆ กับเจ้าของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ที่อยู่ตามริมน้ำปิงด้วย