วัยอลวน ๔ : อยากได้พ่อแม่แบบนี้จริงๆ ให้ตายเถอะ
คอลัมน์/ชุมชน
ยี่สิบสี่เศษหนึ่งส่วนหก
(รูปจาก http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/waiollawon4/wai4.html)
พ.ศ. ๒๕๑๙
ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่ใกล้ถึงจุดสุกดิบ การปะทะระหว่างขั้วความคิดซ้าย-ขวา โดยมีนักศึกษาและนักเรียนอาชีวะเป็นทัพหน้าของทั้งสองฝ่าย มีความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งเบ่งบานกลางสนามรบ
พระเอกของนิยายรักเรื่องนี้คือ ตั้ม-เด็กหนุ่มนักศึกษานิติ มธ.ที่เข้ามาอยู่บ้านเช่าในกรุงเทพฯ โดยอาศัยอาชีพคนงานก่อสร้าง รับจ้างเล่นกระตั้วแทงเสือ และสอนพิเศษหาเงินเรียน ส่วนนางเอกคือโอ๋ สาวนักเรียนพาณิชย์ลูกเจ้าของบ้านที่ขี้หึงติดอันดับโลก โดยมีอ้อ- พี่สาวของโอ๋ รวมทั้งคุณพ่อตัวแสบคอยเป็นอุปสรรคให้เรื่องรักของทั้งคู่ไม่หวานเลี่ยนเกินไปนัก
เจ้าตั้มของเราต้องประสบกับอุปสรรคขนานใหญ่ ทั้งจากการกีดกันของคุณพ่อตัวแสบของโอ๋ที่คอยเสียบสกัดความรักกันทุกกระบวนท่า จนพระเอกของเราก็ต้องงัดกลเม็ดหลากหลายเพื่อต่อกร (ทั้งการแอบเจาะลมยางรถ เพื่อให้โอ๋สามารถไปเรียนโดยไม่มีพ่อคุ้มกัน หรือการที่ตั้มต้องยอมลงทุนติวหนังสือให้โอ๋ผ่านพื้นกระดานบ้าน) อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความขี้หึงระดับเกินพิกัดของโอ๋ซะอีก
แต่จนแล้วจนรอด เรื่องราวโกลาหลอย่างหฤหรรษ์ก็จบลงที่พระเอกของเราก็สมหวังกับเขาเสียที...
พ.ศ. ๒๕๔๘
ในปีที่วัยรุ่นเป็นเหมือนกับลูกกวาดหลากสีในโหลที่ถูกแดดเผาจนละลายปนกันมั่วไปหมด ตั้มและโอ๋ผ่านพ้นการเป็นวัยรุ่นมาได้เกือบสามสิบปีแล้ว และตอนนี้เขาและเธอก็กลายเป็นพ่อ-แม่ของลูกชาย-หญิงวัยรุ่น ซึ่งลูกทั้งสองก็ดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อเป็น "กรรมสนองกรรม" ของตั้มโดยเฉพาะ J เพราะแม้ลูกทั้งสองจะไม่ได้เป็นถึงขนาดขั้น "เด็กเลว" ของครอบครัว แต่ลักษณะบางอย่างของเขาและเธอนั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งที่วัย (เคย) รุ่นอย่างทั้งสองจะรับได้ ทั้งใบตอง ลูกสาวที่เช่าหออยู่ร่วมกับวิชาญ แฟนหนุ่มผู้เชี่ยวชาญมุขควาย และหนามเตย ลูกชายที่ชักจะรักสวยรักงามจนผิดสังเกต
ตั้มและโอ๋จะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไรกันหนอ...
@#@#@#@#@
ในขณะที่ผู้กำลังแห่กันไปซด "ต้มยำกุ้ง" รสเผ็ด (สลับกับเสียงหักกระดูกดัง "กร็อบ..." ปนไปด้วย) กันอย่างเอิกเกริก ผมขออนุญาตท่านผู้อ่านทำตัวดีเลย์เสียหน่อย ด้วยการหยิบหนังไทยที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับโรงภาพยนตร์ก่อนการมาถึงของหนังรสเผ็ดที่ว่า
หนังที่ผมกำลังจะพูดถึงก็คือ "วัยอลวน ๔ ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น" นั่นเองครับ
ผมต้องสารภาพกับท่านผู้อ่านอย่างนึงว่า เหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจตีตั๋วเข้าดูหนังเรื่องนี้ ก็เนื่องจากกระผมติดใจในมุขควายที่ได้เห็นในหนัง ประกอบกับถูกชะตาหน้าของใบตอง (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) ในเรื่อง...หรือพูดง่ายๆ ว่าน้องใบตองน่ารักนั่นเองครับ (ฮา...)
เมื่อผมเข้าไปดูจริงๆ ก็เกิดความรู้สึกกับหนังนี้ในสองมุม
ในมุมแรก...ในฐานะที่เป็นหนังระลึกความหลัง หนังพาตัวละครเก่าๆ จากภาคก่อนๆ กลับมาให้แฟนเก่าๆ ได้พบเจอ ตั้งแต่ตั้ม-โอ๋ (ไพโรจน์ สังวริบุตร-ลลนา สุลาวัลย์) ที่แม้อายุ (และน้ำหนัก) จะเพิ่มขึ้น แต่ดีกรีความเจ้าชู้เล็กๆของตั้ม และดีกรีความขี้หึง-ขี้งอนของโอ๋ก็ยังคงเดิมอยู่ ,ป้าอ้อ (จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา) ที่เปลี่ยนโฉมจากหญิงสาวสวยมาเป็นสาวทอมที่ "แนว" มั่กๆไปซะได้, นิด (พจนีย์ อินทรมานนท์) ตัวละครสำคัญในภาคสองของเรื่อง (หรือในชื่อเรื่องจริงๆ ว่า "รักอุตลุด") แม้กระทั่งชัยรัตน์ เทียบเทียม ที่ฝากเสียงไว้ในเพลงประกอบหนังสมัยโน้น ยังมาปรากฏตัวในหลายฉากของเรื่อง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนเก่าๆ ของตั้ม-โอ๋และชาวคณะจะสนุกกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีความผูกพันกับภาคก่อนๆ ของ "วัยอลวน" (อย่างเช่นผมเป็นต้น J) หนังเรื่องนี้กำลังพูดถึงท่าทีของผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับโลกของวัยรุ่นปัจจุบัน ซึ่งตัวละคนอย่างตั้มและโอ๋เป็นภาพของ "ผู้ปกครอง" ในฝันของวัยรุ่น ที่พยายามจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และจัดการมันอย่างละมุนละม่อม โดยไม่หักหาญน้ำใจกัน
ดูง่ายๆ ก็เช่นตอนที่ตั้มเปิดเผยความจริงกับโอ๋ว่าลูกสาวสุดที่รักนั้นอยู่หอห้องเดียวกับผู้ชาย โอ๋ตอบสั้นๆ ว่า "แล้วใบยังตองยังเป็นลูกของเราอยู่หรือเปล่าล่ะ"
คำตอบสั้นๆ นี่แหละ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการแก้ไขปัญหาวัยรุ่นที่ควรจะเป็น นั่นคือการมองด้วยความรัก...
เมื่อหันกลับไปมองคู่ของใบตองและวิชาญ ก็พบว่าแม้ว่าชีวิตคู่ของพวกเขาจะดูน่าตกอกตกใจไปบ้าง แต่ถ้ามองอย่างเป็นธรรม ฉากพบถุงยางอนามัยในห้องพักของใบตองก็พอจะบอกเลาๆ ว่าอย่างน้อยๆ แฟนหนุ่มของเธอก็รู้ผิดชอบชั่วดีพอที่จะรู้จักป้องกันละน่า
และทั้งคู่ก็ไม่ได้เลวทรามต่ำช้า หากแต่โลกที่พวกเขาอยู่อาจจะยังไม่คุ้นตาเราสักเท่าไหร่
ผมจึงรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังครอบครัวที่ที่นำเสนอเนื้อหาสาระและความบันเทิงได้อย่างน่ารัก
...น่ารักพอๆ กับน้องใบตองนะแหละครับ (ฮา...)