Skip to main content

แจกโน้ตบุ๊คให้เด็กไทยไอคิวต่ำ

 


 


เด็กไทยไอคิวต่ำนั้นแน่นอน      รายงานวิจัยหลายสำนักให้ผลลัพธ์ตรงกัน    ค่าเฉลี่ยของไอคิวเด็กไทยไม่สูงกว่า 90 สงสัยจะของจริง


 


ไอคิวของคนทั่วไปควรอยู่ที่ 90-110


 


คำถามคือ  ไอคิวเท่านี้จะเอาอะไรไปใช้โน้ตบุ๊ค    นอกจากเล่นเกมให้ไอคิวต่ำลงและก้าวร้าวมากขึ้น  เรื่องเล่นเกมแล้วก้าวร้าวนั้นของจริง   รายงานวิจัยจากหลายสำนักทั่วโลกตรงกัน   อันที่จริงไม่ต้องวิจัยก็น่าจะรู้อยู่   เรื่องเกมเป็นยาเสพติดก็ของจริง   ไม่ต้องวิจัยก็เห็น ๆ กันอยู่   เถียงกันเรื่องเล่นเกมติดหรือไม่ติด    ก้าวร้าวหรือไม่ก้าวร้าวเป็นการเถียงกันบนผลประโยชน์โดยแท้  


 


เล่นเกมแล้วไอคิวต่ำลงจริงมั้ยก็น่าจะจริง  อย่างน้อยเวลา (จำนวนมาก) ที่เสียไปกับการเล่นเกมหากนำไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์กว่าก็น่าจะดีกว่า


 


กลับไปที่เรื่องไอคิวเด็กไทยและโน้ตบุ๊ค    การแจกโน้ตบุ๊คไม่มีทางช่วยให้เด็กไทยไอคิวดีขึ้นเพราะสมองมันกลวงไม่มีอะไรให้พัฒนาอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว   การแจกโน้ตบุ๊คไม่มีส่วนช่วยในการปฏิรูปการศึกษา  ด้วยการศึกษาไม่สามารถปฏิรูปได้ด้วยเทคโนโลยี


 


การแจกโน้ตบุ๊คให้นักเรียนทุกคนเป็นการโยนขยะเทคโนโลยีใส่นักเรียน   ครูและโรงเรียนโดยไม่มีอะไรรองรับ     จึงนับเป็นการขายของตีหัวเข้าบ้านแท้จริง      สงสัยคนคิดแผนนี้ไอคิวสูงอยู่คนเดียว


 


หากต้องการแจกโน้ตบุ๊ค  มีเรื่องที่ควรทำก่อน ดังนี้


1. แก้ไขปัญหาเรื่องขาดสารอาหารก่อน    ไอคิวต่ำของเด็กไทยเกิดจากการขาดสารอาหารทั้งในแม่    เด็กเล็ก   และเด็กประถม    เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ทำ  


 


ที่แน่ ๆ คือโฆษณาขนมกรุบกรอบพร้อมการ์ตูนเช้าวันเสาร์อาทิตย์ 3-4 ชั่วโมงนั้นเป็นต้นเหตุของเด็กไทยไอคิวต่ำด้วย    ถ้าจริงใจกะไอคิวขอให้แก้เรื่องนี้ก่อนจะแจกโน้ตบุ๊ค  ขนมกรุบกรอบกินมากก็ขาดสารอาหาร


 


การ์ตูนดูมากไปก็ไอคิวต่ำเหมือนกัน     เห็นวัยรุ่นคลั่งการ์ตูนทุกวันนี้เข้าใจว่าเป็นไอคิวต่ำสะสม    ประเภทยิ่งดูยิ่งต่ำ ยิ่งอ่านยิ่งต่ำ


 


2.  แก้ไขเรื่องโรงเรียนพ่อแม่   อันที่จริงไม่รู้เดี๋ยวนี้มีโรงเรียนพ่อแม่หรือยัง   ถ้าไม่มีก็ถึงเวลาต้องมี   สาเหตุเพราะครอบครัวตายแล้ว  ปู่ย่าตายายล้วนตายสิ้นแล้ว   ไม่มีใครรู้วิธีเลี้ยงลูกให้เหมาะสมกับสังคมปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว


 


จับพ่อแม่เข้าคอร์สอบรมให้รู้ว่าหากทะลึ่งจะมีลูก   ก็ต้องเลี้ยง   และเลี้ยงให้ดีที่สุดในช่วงสิบปีแรกของชีวิต   ไม่ไปทำงานไกลบ้าน  ไม่เอาแต่หาเงินจนลืมลูก   ไม่ถูกหลอกไปเรียนปริญญาโท   หน้าที่ของพ่อแม่มีข้อเดียวคือเลี้ยงลูก  เลี้ยงอย่างไรไปลงทะเบียนเรียนโรงเรียนพ่อแม่ซะ  รับรองว่าเรียนแล้วไอคิวจะดีทั้งพ่อแม่ลูกและดีกว่าไปเรียนปริญญาโท


 


ว่าแต่โรงเรียนพ่อแม่มีหรือยังหว่า


 


3. แก้ไขเรื่องเหล้า เบียร์และบุหรี่อย่างจริงจัง   ผมไม่รู้ว่าเด็กกรุงเทพฯ เป็นอย่างไร  แต่เด็กๆ ในจังหวัดที่ผมอยู่นั้นกินเหล้าแทนน้ำ  กินเบียร์แทนนม  และสูบบุหรี่มากกว่าถือปากกา


 


ถ้าอยากแจกโน้ตบุ๊ค  ให้ไปขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ บุหรี่ จนเยาวชนซื้อไม่ลง   และบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริโภคเหล้า เบียร์ บุหรี่อย่างเข้มงวดให้มากจนถึงมากที่สุด


 


4. คุยกับคุณครูให้รู้เรื่องว่าการศึกษาคืออะไร    ที่แน่ ๆ คือมิใช่ท่องจำ  มิใช่กวดวิชา  และมิใช่การสอบ


 


คุยกับคุณครูให้รู้เรื่องว่าการทำรายงานมิใช่คุณครูกำหนดหัวเรื่อง  แล้วนักเรียนกลับบ้านไปเข้ากูเกิ้ล    คีย์คำภาษาไทย  ค้นหา  ก็อปปี้   แล้วก็เพสต์    ปะรูปสวย ๆ สองรูป  เย็บมุมหรือเย็บข้างเข้าปกแล้วแต่กรณี   แล้วก็ไปส่งครู


 


เป็นการทำรายงานที่โง่บรมโง่สุดแสนปัญญาอ่อนไอคิวต่ำทำกันจริง ๆ


 


การศึกษาคืออะไรถึงปี พ.ศ.2548 แล้ว ถ้าคุณครูส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ  ประเทศของเรา  สังคมของเรา  เยาวชนของเรา  ชาติของเรา (ชาติคืออะไรหว่า) ไม่มีที่อยู่บนแผนที่โลกแหงแซะอยู่แล้ว   ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีโน้ตบุ๊คก็ตาม


 


ถ้าไม่แก้ไข 4 ข้อนี้ก่อน   โยนโน้ตบุ๊คลงไปก็โดนใครต่อใครหัวแตกไปตาม ๆ กัน   ไม่ช่วยอะไรนักเรียนเลย ไม่ช่วยให้ไอคิวใครสูงขึ้นด้วย 


 


มีแต่โทษทั้งสิ้น