"พวกตัวปัญหา" ก็สมควรถูกขัง (ลืม)
คอลัมน์/ชุมชน
ปี 2548
กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อเช้าวันที่ 22 สิงหา ที่ผ่านมา เจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า อู่ข้าวอู่น้ำของเขาโดนปล้น โดยผู้มาเยือนที่ไม่พึงประสงค์ได้กวาดเงินสดไปกว่า 400,000 บาท แน่นอนว่า เรื่องนี้ถูกกล่าวขวัญไปทั่ว ชาวบ้านร้านตลาดต่างเล่ากันปากต่อปากและพากันคิดวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่า ใครบ้างที่เข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่งานนี้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผู้ดูแลพื้นที่ปล่อยให้ความกังขาลอยนวลได้เพียง 2 วัน ก็สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้
เรื่องเล่าปากต่อปากของชาวบ้านคงจะจบลงเพียงเท่านั้น ถ้าเพียงแต่คณะผู้ก่อการจะไม่ใช่เด็กชายวัย15-16 ปี
1. "ยังเด็กอยู่ก็คิดเป็นโจรกันแล้ว ดี ให้มันติดคุกซะให้เข็ด"
2. "ขังลืมไปเลย ไอ้พวกเนี๊ยตัวปัญหา"
3. "ตอนเด็กยังทำตัวเลวขนาดนี้ โตขึ้นมาจะเป็นยังไงเนี่ย"
...1, 2 และ 3 เป็นคำพูดอันดับต้นๆ ของผู้ที่รับรู้บทสรุปของเหตุการณ์ในครั้งนี้ และ "ตัวปัญหาของสังคม" ก็ดูเหมือนจะเป็นชื่อใหม่ที่พวกเขาบรรจงตั้งให้กลุ่มเด็กชายผู้ก่อการ
ปี 2544
กิตติกร เลียวศิริกุล ได้อวดฝีมือในฐานะผู้กำกับหนังไทยชั้นดีอย่าง "Goal Club เกมล้มโต๊ะ"
Goal Club เกมล้มโต๊ะ เป็นเรื่องราวของ กลุ่มเด็กชาย 5 คน ที่รักการดูบอลตั้งแต่อยู่ในรั้วโรงเรียน เมื่อโบกมือลา "ขาสั้น" เป็นที่เรียบร้อย ก้าวย่างแห่งชีวิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย บางคนไม่ได้เรียนทำงานอย่างเดียว แต่ทุกคนนำตัวเองข้ามผ่านจากคนดูบอลมาเป็นคนเดินโพย ต่อมาก็ผันตัวเป็นคนรับแทงบอลเสียเอง ซึ่งตรงนี้คือจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ยากจะหาทางออกที่พวกเขาต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บทสรุปของหนังเรื่องนี้เป็นยังไง? ต่อให้เล่าได้เห็นภาพแค่ไหนก็ไม่กลมกล่อมเท่ากับดูด้วยตาของตัวเอง โดยบทความนี้จะขอยกบางประเด็นมาชวนคุยนั่นก็คือ เราพอจะให้อภัยได้หรือไม่? หากเด็กชายทั้ง 5 คน เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจผิดกฎหมายด้วยความจำเป็นที่มีน้ำหนักมากพอจนทำให้พวกเขามองไม่เห็นว่า เงินกับความตายสามารถมาเยือนได้ง่ายเท่าๆ กัน และข้างล่างนี้คือ ความจำเป็นของแต่ละคน
ออตโต้ ต้องการเงินเพื่อฉุดรั้งแฟนสาวให้อยู่กับเขาโดยรับปากจะพาเธอบินข้ามฟ้าไปดูบอลยุโรปด้วยกัน
ง้วน อยากได้เงินไปซื้อจักรยานให้น้องชายที่นอกจากจะไม่มีพ่อแม่แล้ว ยังต้องเล่นคนเดียว เพราะไม่มีจักรยานไปขี่เล่นกับเพื่อนๆ
เปเล่ ต้องการเงินไปใช้หนี้แทนพ่อที่พนันบอลแล้วไม่มีเงินจ่ายจนมาเฟียที่รับแทงมาเยือนถึงบ้านพร้อมปืนลูกซองหนึ่งกระบอก
แบงค์ เดินโพยเพราะอยากรวย เพื่อนว่าไงว่าตามกัน
เน ดิ้นรนหาเงินมาออฟหญิงบริการที่เขารักสุดหัวใจ ถ้าไม่มีเงินเธอก็ต้องไปกับคนอื่นซึ่งเขาไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้
หากดูเผินๆ คงจะมีเพียงเหตุผลของเปเล่เท่านั้นที่มีน้ำหนักพอจะยอมรับได้ แต่ถ้าลองมองผ่านสายตาของวัยรุ่นที่เห็นความรัก, คนรักและเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญ แถมยังขาดครอบครัวที่ดีพอจะให้คำปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ เหตุผลของออตโต้, เน, แบงค์ และง้วนก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจไม่ได้เสียทีเดียว
เมื่อเป็นอย่างนี้ ภายใต้เรื่องราวทั้งหมดเราควรจะยกความผิดให้กับใคร? ออตโต้, เน, แบงค์, ง้วน, เปเล่, ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์, ความรัก, ความไม่รู้เดียงสา...
หรือเราไม่ควรจะโยนความผิดให้ใคร ก็ในเมื่อปัญหา (ที่ยิ่งใหญ่ในสายตาของพวกเขา) ถูกแก้ไขผ่านมุมมองและประสบการณ์ของพวกเขาซึ่งก็มีอายุเพียง 17-18 ปี เท่านั้นเอง
4 ปีผ่านไป
ใช่ว่า วัยรุ่นไทยจะไม่ต้องเผชิญกับภาวะการแก้ปัญหาตามลำพัง
อย่างน้อยก่อนที่จะตัดสิน ก่อนที่จะบอกว่า ให้ขังลืม เราพิจารณาปัจจัยรอบตัวที่ทำให้เขาตัดสินใจกระทำสิ่งๆ นั้นก่อนดีไหม?
เผื่อว่า เขาจะมีความจำเป็นอันน่าเห็นใจที่เราไม่รู้
เผื่อว่า เราจะไม่ต้องเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำหน้าที่บีบคั้นเขาโดยที่เราไม่รู้ตัว