ชาวนาคนสุดท้าย : แล้วอีกวันก็ผ่านไปสู่อีกวัน
คอลัมน์/ชุมชน
แรกเช้า : เสียงปลุก
ไก่ตัวแรกขันในยามแรกเช้า ไก่ตัวถัดมาขานรับ ส่งต่อกันเป็นทอด "แจ้งแล้วเน้อ" สว่างแล้ว
มันเป็นเสียงเพรียกแห่งชีวิต ซึ่งนอกจากบรรดาไก่เดนตายที่รอดชีวิตจากการปราบไข้หวัดนกด้วยการจับไก่ยัดใส่กระสอบฝังกลบรวมกันทั้งเป็นเมื่อปีที่แล้ว จะคอยโก่งคอขันรับเวลารุ่งแจ้งแล้ว ทึ่ง ๆ หึ่ง ๆ จากเตาอบลำไยยังเป็นอีกเสียงหนึ่งคอยปลุกเร้าให้ทุกผู้นามในหมู่บ้านเราลืมตาตื่นฟื้นตัวจากการหลับใหล
ทีแรก เสียงดังจากเตาอบลำไยฟังดูขัดหู น่ารำคาญเหลือหลาย มันเริ่มส่งเสียงในคราวเดียวกันกับที่มีการเด็ดเอาลำไยพวงแรกจากต้นในฤดูกาลเก็บลำไยเลยทีเดียว ใครต่างพากันพร่ำบ่น
แม่พระเจ้าเหย !
หนวกหูโว้ย !
กวนเวลาคนหลับนอนซะจริงเชียว !
ถังแก๊สระเบิดมาจะไม่ตายกันทั้งบ้านเหรอวะเนี่ย !
เสียงบ่นด่ากินเวลาไม่ทันลำไยเตาแรกแห้งได้ที่เสียด้วยซ้ำ ผู้คนล้วนคร่ำเคร่งกับงานเก็บลำไย เหนื่อยหอบจนกระทั่งลืมเสียงหายใจตัวเอง เตาอบลำไยดังข้ามวันข้ามคืน ลำไยสดแปรสภาพเป็นแห้ง ราคางาม ทึ่ง ๆ หึ่ง ๆ สอดประสานกันจนกลบกลืนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับห้วงลมหายใจเข้าออก ยืนยันความมีอยู่ของชะตาชีวิตชาวสวน ครั้นนานวันเข้าเสียงเตาอบลำไยกลับกลายเป็นเสมือนนาฬิกาปลุกชั้นดี
"แจ้งแล้วเน้อ" "ทึ่ง ๆ หึ่ง ๆ" "แจ้งแล้วเน้อ "
ผู้คนตื่นขึ้นมากรำงานหนักในสวนลำไยกันอีกวันหนึ่ง
ล่วงสาย : คอยหา
พี่วันกวาดใบลำไยใต้ต้นข้างบ้านที่เก็บเสร็จใหม่หมาดเมื่อวานนี้ กวาดไปสุมไปกองเตรียมเผา เสียงไม้กวาดทางมะพร้าวดัง แกรก ! แกรก ! ลำไยร่วงหล่น ปุป ! ปุป! ใจคอไม่ดี เมื่อไหร่เสียงรถมอเตอร์ไซค์จะดังมาเสียทีนะ
ยายมานั่งบนม้านั่งยาวอยู่หน้าบ้าน เพิ่งออกจากโรงพยาบาลประจำจังหวัดมาเมื่อสองวันก่อน นอนให้หมอรักษาต้อกระจกนานสิบวันนับแต่วันเข้าพรรษามา ตอนนี้มองเห็นชัดขึ้นแต่ยังรู้สึกเจ็บ หมอไม่อยากให้ใช้สายตาเพ่งมองมากนัก ยายมาพยายามทำตามที่หมอสั่ง ใจหนึ่งอยากกลับไปนอนพักในตัวบ้าน อีกใจกลับยืนยันต้องการเห็นกับตาในสิ่งที่ลูกสะใภ้อยากได้ยิน
ลูกสะใภ้กับแม่ผัวต่างคอยการกลับมาของอ้ายรบ กำลังหลักในการขึ้นลำไยของครอบครัว อ้ายรบไปโรงพยาบาลตามหมอนัดตรวจความดัน ใจอ้ายรบอยู่ที่สวนลำไย ขออย่าเป็นอะไรมากถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลอีกคนเลย ลำพังเพียงพี่วันคนเดียวเอาบ่ไหว งานเก็บลำไยต้องช่วยกัน พี่วันออกความเห็นว่าปีนี้นึ่งข้าวโพดขายด้วยท่าจะดี อ้ายรบเห็นดีตาม ลำไยในสวนติดหน่วยไม่ดี หากินลายเดียวมันไปบ่รอด
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังก้องเข้ามา ตามด้วยเสียงแตร อ้ายรบกลับมาแล้ว ยายมายิ้มชื่น พี่วันหยุดกวาด ลำไยยังคงร่วงหล่น และหัวใจคนก็ยังคงเต้นแรง
พักเที่ยง : ข่าวรายวัน
"มีข่าวดีกับข่าวร้าย อี่แม่จะฟังอันไหนก่อน" ลูกสะใภ้ป้านางเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาถึงสวนลำไย เธอเพิ่งกลับจากเอาลำไยอีร่วงที่เก็บได้รอบเช้าไปขายให้บริษัทชลหัว
"ว่ามาอันไหนก็ได้" ป้านางอยากรู้
"ข่าวดี...คือลำไย 16 กระสอบได้ เอเอ 6 กระซัง " เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ป้านางยิ้มรับข่าวดี ไม่เลวนักกับการขายลำไยแบบรูดให้ร่วงทั้งหมดแล้วเอาเข้าเครื่องร่อนขายตามเกรด มันเร็วดี ไม่ต้องเสียเวลาใส่ตะกร้า
"ส่วนข่าวร้าย ราคาเหลือ 9 บาท" รอยยิ้มเปลี่ยน หน้าเรียบเฉย ป้านางหันไปเด็ดลำไยที่กองอยู่ตรงหน้าต่อ ลุงปันผู้เป็นสามีเดือดดาลขึ้นทันทีที่แบกเข่งลำไยมาเทรวมในกองและทันฟังข่าวร้าย
"ฮาว่าแล้ว ลดลงอย่างนี้ทุกวัน จะเหลืออะไรกิน"
"ดีกว่าขายให้ล้ง สจ.นะพ่อ ขายเมื่อวานยังไม่ได้ตังค์เลย" ลูกชายลุงปันรายงานข่าวต่อ
"เมื่อกี้แวะไปเอาแม่เลี้ยงว่าให้มาอีกทีตอนเย็น "
"เออโว๊ย ! ขายคนไทยได้เงินช้า ขายให้คนจีนมันก็กดราคา" ลุงปันกระฟัดกระเฟียด
"กินข้าวกันก่อนเถอะอี่ป้ออี่แม่" ลูกสะใภ้เสนอขึ้น "เจ้าซื้อของกินมาแล้ว"
ทุกคนเห็นตาม พากันไปกินข้าวบนแคร่ใต้ต้นลำไยหน้าบ้าน มื้อเที่ยงวันนี้มีส้มตำกับเกาเหลา
"ข้าว่าจ้างหมู่คนดอยมาขึ้นเก็บดีกว่านะพ่อมัน" ป้านางเอ่ยขึ้นก่อนเพื่อนในวงข้าว
"แต่ค่าจ้างแพงนะ กิโลละ 2 บาทครึ่ง" ลุงปันอิดออด ไม่อยากจ้าง ปีนี้คนรับจ้างเหมาขึ้นเก็บและเด็ดลำไยคิดกิโลละ 2 บาท แล้วมาขึ้นราคาเหมาอีก 50 สตางค์ พวกเขารู้ดีว่าแรงงานขาดแคลน ยิ่งสวนไหนต้นลำไยสูงเกินไม่มีใครอยากป่ายปีนราคาเหมายิ่งแพงตาม เจ้าของสวนจำใจยอม ยิ่งไม่จ้าง ลำไยยิ่งร่วงหล่น ยิ่งเก็บไม่ทัน ยิ่งไม่ได้อะไร
"ทำไงได้ล่ะลำไยติดหน่วยหลาย ข้าบอกให้ฉีดยาก็บ่ทำ ไอ้ที่ร่วงน่ะไม่เท่าไหร่ แมงเจาะหัวนี่สิมันแย่กว่า" ป้านางบ่นเป็นรอบที่ร้อยแล้ว พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรลุงปันเป็นต้องทำหน้าเหนื่อยหน่ายทุกที
"ปีนี้ไปไหน ๆ มีแต่ลำไยใครจะมีใจดูแลล่ะ ราคามันตกอยู่เห็น ๆ เอาน่า ปีนี้ตัดแต่งกิ่งไปด้วย ปีหน้าเอาใหม่" ลุงปันไม่อยากต่อความให้ยืดยาว
"งั้นเดี๋ยวพ่อมันไปถามที่สวนลุงนพเน้อ คนดอยรับจ้างอยู่ที่นั่น ถ้าเก็บเสร็จแล้วให้มาต่อสวนเฮาพรุ่งนี้เลย" ลุงปันพยักหน้ารับคำ
"เอาข่าวดีกลับมาเน้อพ่อ" ลูกสะใภ้หยอดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจ้วงช้อนตักเอาลูกชิ้นเข้าปาก
บ่ายคล้อย : อีกฟากฝั่งความเป็นไป
ขณะชาวสวนลำไยมุ่งมั่นกับการงานอยู่นั้น ร้านขายของชำก็เปิดประตูเชื้อเชิญลูกค้ามาใช้บริการอย่างเป็นปกติ เจ้าของร้านเริ่มกิจการตั้งแต่เช้าตรู่ รถบรรทุกสินค้าทยอยมาส่งของคันแล้วคันเล่า
รถโค้กสีแดงจอดนิ่งหน้าร้าน คนงานกำลังยกลังเปล่าขึ้นใส่รถ รถเป๊ปซี่แล่นเข้ามาจอดต่อท้าย คนงานทักทายกัน รถโค้กเคลื่อนออกไป
พอรถส่งน้ำดำจากไป รถขนผงซักฟอกหลากยี่ห้อตามกันเข้ามา ไม่นานนักรถน้ำยาล้างจานรุ่นผสมมะกรูด แชมพูสระผมกลิ่นธรรมชาติ แล่นมาพร้อมกับสินค้าตัวใหม่และป้ายโฆษณารูปนางเอกละครทีวีผมยาวสลวยสวยเป็นประกายเงางาม
รถบริษัทเครื่องปรุงรสอาหารมีกล่องมาตั้งรับสลากสินค้าส่งชิงโชครถยนต์ บัญชีเงินฝาก และของสมนาคุณอื่นอีกรวมมูลค่า 9,999,999 บาท
รถขนมอเตอร์ไซค์ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น วิ่งสวนทางกับรถส่งแก๊สให้เตาอบลำไย ที่หน้าป้อมยามตำรวจ ก่อนจะแซงรถส่งน้ำดื่ม เหล้า และน้ำแข็งขึ้นไป ช่วงนี้น้ำแข็งกับเหล้าขายดีเป็นพิเศษ พวกเขาเว้นวันมาส่ง
ส่วนที่บริษัทบริการสินเชื่อเคลื่อนไหวอยู่เงียบ ๆ ตัวตึกสีขาวป้ายเชิญชวนสีแดง
"เงินด่วนทันใจ ไม่ต้องมีคนค้ำ" ในนั้นมีลูกค้านั่งคุยกับพนักงาน ส่วนใหญ่เป็นพวกอบลำไยแห้งต้องการกู้เงินไปอบลำไย ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน
ล้งรับซื้อลำไยเป็นอีกที่หนึ่งซึ่งเริ่มคึกคักในยามบ่าย มีชาวสวนขนเอาลำไยมาส่งมาขายกันหนาตาขึ้น มีป้ายสีเขียวขนาดใหญ่จากกระทรวงเกษตรติดไว้ใกล้ ๆ กับป้ายประกาศราคารับซื้อลำไยของล้ง
ป้ายของทางการสีเขียวสดใสมองเห็นแต่ไกล บอกจำนวนลำไยที่คาดว่าผลิตได้ปีนี้ ช่องทางการกระจายลำไยทุกพวงออกสู่ตลาดในและนอกประเทศ มันมีขนาดใหญ่เตะตาคนก็จริงอยู่ ทว่ามันสู้ป้ายที่ล้งเอามาติดไว้ไม่ได้หรอก
ป้ายของล้งมีขนาดเล็กกว่าแบบเทียบไม่ติด มีตัวเลขไม่กี่ตัว แถมยังเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละวัน ลายมือโย้เย้ เขียนด้วยสีแดงธรรมดา แต่ที่สำคัญเหนือกว่า มันเสกลำไยให้เป็นเงินได้ มันจึงเรียกร้องให้ชาวสวนเข้าไปหาราวมีมนต์ขลัง (ก่อนกลับออกมาด้วยรอยยิ้มซึ่งดูแสนเจื่อนจ๋อยบนใบหน้าอิดโรย) จะดีร้ายอย่างไรเสีย ป้ายของล้งยังดูดีและมีประโยชน์กว่าไอ้ป้ายใหญ่ที่แสนเย่อหยิ่งจองหอง
(และหากเหลือบตาสังเกตดูที่ข้างเครื่องร่อนลำไยบ้าง เราจะมองเห็นสติ๊กเกอร์ติดไว้ที่ด้านข้าง เครื่องคัดเกรดลำไย รุ่นยิ่งรวย )
เย็นย่ำ : ตะวันคาบปากแก้ว
จะว่ามืดค่ำแต่ยังสว่างตา ครั้นจะว่ายังกลางวันอยู่ มันก็ค่ำมืดลงทุกที ตะวันลอยดวงลงต่ำ ต่ำลงมาชนิดที่เมื่อแลดูแก้วใสแล้วจะเห็นแสงแดดส่องมาต้องสะท้อนขอบปากแก้วพอดิบพอดีเป็นประกายเจิดจ้า นับเป็นฤกษ์งามยามดี "ตะวันคาบปากแก้ว" และแล้วร้านเหล้าตองรินเหล้าแบ่งขายเป็นกรึ๊บ เป็นก๊ง เป็นแบน เป็นกลม ก็ได้เวลาเปิดตัวทำการต้อนรับผู้หิวกระหายในรสเมรัย ณ บัดนี้
ถึงเวลาเลิกงานทุกอย่างในสวนลำไย บรรดาพวกผู้ชายจะไปสุมหัว สนทนา ระบายความกลัดกลุ้ม เคียดแค้น แก้เหนื่อย แก้เมื่อย เฉลิม ฉลอง ฯลฯ แน่นขนัดร้าน ปีนี้ดูท่าว่าคนรับจ้างเป็นคนเลี้ยงเหล้าเจ้าของสวนลำไยเสียมากกว่า
"เอาเหล้ามาขวดน้องสี" ลุงแก้วสั่งเจ้าของร้าน น้องสีแลงมาตอง
"ติดเมื่ออาทิตย์ก่อนร้อยบาทจ่ายมาก่อน" น้องสีสาววัยหลานทวงหนี้จากลุงแก้ว
มิรอช้าลุงแก้วรีบควักเอาใบร้อยให้ รับเอาเหล้าขาวสี่สิบดีกรีมาแทน ลุงแก้วได้เงินค่าจ้างเก็บลำไยตกเบิกมาพันกว่าจากสวนพ่อหลวงบุญ วันนี้ต้องฉลอง ลุงแก้วเป็นเจ้ามือนั่งประจำที่เดิมพร้อมกับลุงปันและลุงนพ พวกเขาคือขาประจำตัวจริง มาทุกวัน ในวงวันนี้ไม่มีอ้ายรบ หมอสั่งงดเหล้าเด็ดขาด
พวกต่างบ้านนับเป็นขาจร เสร็จจากรับจ้างพวกเขาจอดรถแวะกินคนละตองสองตอง กรึ๊บก่อนกลับบ้าน บ้างซื้อเหล้าพร้อมกับแกล้มติดไปด้วย กว่าจะถึงบ้านหลายคนเมาได้ที่
หน้าลำไยร้านเหล้าตองมีเม็ดเงินสะพัดมากกว่ายามใดในช่วงปี บางร้านเจ้าของย้ายไปเปิดหน้าล้งใหญ่กันเลยทีเดียว ที่นั่นคนรอขายลำไยเยอะ ล้วนแต่เป็นลูกค้าชั้นดี
ร้านเหล้าตองไม่เคยหยุดกิจการ มีปิดเพียงวันเดียวคือวันศีลใหญ่เข้าพรรษาที่ผ่านมา
"คิงจะไปงานลำไยที่ศาลากลางมั้ยปีนี้" ลุงแก้วเอ่ยถามเพื่อนร่วมวง
"เรื่องอะหยังฮาจะไป" ลุงปันตอบ กระดกเหล้าเข้าปาก
"เฮาเดือดร้อนเขาบ่ช่วย แล้วเฮาจะไปช่วยเขาทำไม" ลุงนพเสริม รับแก้วเปล่ามาจากลุงปัน
"สี เอาแกงมาถ้วย" ลุงแก้วสั่งแกงเนื้อหมา
น้องสีเจ้าเอาแกงมาส่งแล้วเลยไปเปิดเพลงจากตู้คาราโอเกะ ไฟจากตู้เพลงระยิบระยับตามเสียงเพลงแรกของวัน ตอนเมียไม่อยู่ หนูทำไมไม่โทร.... ไฟกระพริบเต้นพริบพร้อยเป็นจังหวะสอดรับเสียงเพลง เพิ่มเสน่ห์แก่ร้านเหล้าเล็ก ๆ ข้างทางให้มีชีวิตชีวา
วันนี้ลูกค้าคึกคัก บรรยากาศครึกครื้น คนขายครึ้มใจ วงสนทนาของลุงแก้วออกรสกับการสับโขกเรื่องการจัดงานลำไยของจังหวัด เหล้าขาวหมดขวดแกงเนื้อหมาหมดสองถ้วยลุงแก้วกับพวกแยกย้ายกันกลับ ทิ้งหัวข้อสนทนาให้เพื่อนร่วมวงกลับไปคิดกันต่อ เขาลือกันว่า ไอ้มาผัวอี่ฟองกับอี่นิดปากทางห้วยโจ้แอบเล่นกัน
ดึกดื่น : นิทรารมย์
ฝนหลั่งลงมาเมื่อเวลาห้าทุ่ม ล้งขนาดเล็กปิดรับซื้อลำไยเมื่อตอนสี่ทุ่มกว่า สายฝนชะเอาป้ายรับซื้อลำไยหลุดลุ่ยลงกองกับพื้น สีแดงเลอะละลายไหลเจือจางหายไปกับสายฝน ป้ายประกาศของกระทรวงยังอยู่อย่างสง่างามท้าทายสายฝน ล้งใหญ่ไฟสว่างจ้า กลุ่มคนงานเร่งมือทำงานเหนื่อยหนัก ลุงแก้วสะดุ้งตื่นเสียงฝน ถอนหายใจ พรุ่งนี้ไม่มีใครจ้างให้ทำงานเก็บลำไย อ้ายรบนอนมือก่ายหน้าผากพยายามข่มตานอน ห่วงเก็บลำไยไม่ทัน ลำไยเปียกฝนไม่มีใครขึ้นเก็บ ต้นมันลื่น เก็บมาหน่วยก็แตกอีก ลุงปันหลับด้วยฤทธิ์เหล้า ป้านางขยับตัวดึงผ้าห่มคลุมหน้าอก ลุงนพหลับสบาย ลำไยแกเสร็จแล้ว
ร้านเหล้าตองยังคลาคล่ำด้วยลูกค้าวัยหนุ่มวัยดึก บางคนอยากกลับแต่ติดฝนเลยต้องติดค้างค่าเหล้าอีกสองตอง แก้หนาว เตาอบลำไยส่งเสียงดัง ทึ่ง ๆ หึ่ง ๆ ท่ามกลางสายฝนที่ตกพรำลงมา กล่อมให้หมู่บ้านเราหลับใหลอยู่ในค่ำคืนอันยาวนาน.................
กระทั่งไก่ตัวแรกขันในยามแรกเช้า.........