จะทิ้งลูกหรือแท้งลูก
คอลัมน์/ชุมชน
เรื่องปิดถนนให้แข่งรถจบไปอย่างรวดเร็วโดยสาธารณชนทำหน้าที่ของตนอย่างน่าชมเชย นั่นคือวิจารณ์และวิพากษ์ให้เสร็จเรียบร้อยไปในครั้งเดียว ปิดโอกาสมิให้ไอเดียรายวันจากคน ๆ เดียวส่งผลในทางปฏิบัติได้
นับจากนั้นยังมีไอเดียรายวันจากบุคคลระดับรัฐมนตรีออกมาอีก แต่กระแสต่อต้านเบาลงกว่าเรื่องแรก น่าจะเป็นเพราะว่าบางไอเดียก็ฟังคล้าย ๆ จะดี หรือไม่ก็กำลังรอรวบรวมข้อมูล
มีเรื่องหนึ่งที่ทุกคนน่าจะมั่นใจได้ก็คือ ภายใต้สังคมที่สลับซับซ้อนและมีความเป็นพหุจริยธรรมเช่นนี้ ไอเดียของคน ๆ เดียวไม่มีทางที่จะดีไปทั้งหมดได้ ทุก ๆ ไอเดียควรผ่านการกลั่นกรองจากคณะทำงานที่ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นตัวแทนจากชนทุกชั้นและมีความเสมอภาคในการแสดงความคิดเห็น
หน่วยงานหลายแห่ง สถาบันหลายแห่ง มักมีคณะกรรมการหรือบอร์ดที่มาจากคนหลายกลุ่มหลายเหล่า แต่ตามธรรมเนียมและวัฒนธรรมอันดีงามของบ้านเรามักทำให้มีคนไม่กี่คนในคณะกรรมการหรือบอร์ดนั้น ๆ ผูกขาดอำนาจ ผูกขาดประเด็น และผูกขาดการตัดสินใจเสมอ ๆ
ไอเดียรายวันของรัฐมนตรีปิดถนนแข่งรถจึงต้องสงสัยอย่างมากว่า คิดรายวัยคนเดียวหรือมีคณะทำงาน คณะทำงานนั้นมีความเสมอภาคและรอบด้านเพียงใด
ไอเดียเรื่องที่สองที่สาธารณชนพูดถึงน้อยไปหน่อยคือ เรื่องให้คุณแม่ทำสัญญาฝากทารกแรกเกิดให้แก่โรงพยาบาลได้
สาเหตุที่มีการพูดกันน้อย เดาว่าน่าจะเกิดจาก 2-3 สาเหตุคือ
หนึ่ง เรื่องนี้เกี่ยวพันกับความเคร่งครัดทางจริยธรรมอย่างสูง สูงจนงง
สอง คือมีไอเดียที่สามและสี่ตามออกมาติด ๆ จนสาธารณชนขยับตัววิพากษ์ไม่ทัน
รวมทั้งอาจจะมีข้อสาม คือรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีภาพพจน์ค่อนไปทางบวกคล้าย ๆ จะรับลูก เติมอีกนิดว่ามีการอ้างชื่อรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการซึ่งภาพพจน์บวกสุด ๆ คล้าย ๆ จะรับลูกด้วย
ผมไม่ทราบว่ารัฐมนตรีภาพเป็นบวกทั้งสองท่านจะรับลูก (ไปเลี้ยง) จริงหรือเปล่า แต่ถึงจะจริง เรื่องนี้ก็สมควรที่สาธารณชนจะพูดคุยกันให้มากอยู่ดี
คำถามที่ผมสงสัยอย่างเร็วๆ คือ คุณแม่ที่ทิ้งลูกเป็นใคร คุณแม่ที่ทิ้งลูกเป็นกลุ่มคนที่กล้าปรากฏตัวมาทำสัญญาจริงหรือ คุณแม่ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทำสัญญาได้ด้วยหรือ จะให้คุณพ่อคุณแม่หรือคุณครูประจำชั้นลงนามรับรองหรือไม่ หรือจะให้พ่อเลี้ยง (ที่ทำลูกสาวท้อง) ลงนามรับรอง หรือจะให้แม่ (ที่ปล่อยให้พ่อเลี้ยงทำ) ลูกสาวท้องลงนามรับรอง
สุดท้ายแล้ว สัญญารับลูกมาเลี้ยงของรัฐจะได้ทารกมากี่คน ใช่กลุ่มเป้าหมายจริงหรือไม่ ส่วนที่เหลือยังคงถูกทอดทิ้งในถังขยะหรือทำลายตามเดิมหรือเปล่า เมื่อรัฐไปรับมาแล้วจะเลี้ยงให้มีคุณภาพได้อย่างไร มีการพูดคุยเรื่องงบประมาณชัดเจนแล้วหรือว่าใครจะเลี้ยง ใครจะจ่าย คนเลี้ยงและคนจ่ายมีปัญญาจริง ๆ หรือ หรือจะทิ้ง (ทิ้งๆ ขว้างๆ ) ต่อ
ทั้งหมดนี้คิดคนเดียวแบบเร็ว ๆ ประมาณ 10 วินาทีเสร็จ หากคิดช้า ๆ และชวนคนมาคิดเป็นคณะท่าจะเละ
ในฐานะ (คล้าย ๆ) นักวิชาการ ผมสงสัยด้วยว่าเคยมีงานวิจัย (ที่เชื่อได้) สักชิ้นมั้ยที่ตอบคำถามแรกนั่นคือ คุณแม่ที่ทิ้งลูกเป็นใคร ทั้งที่ทิ้งไว้ในโรงพยาบาล ในถังขยะ หรือทำลายก่อนทิ้ง
โปรดสังเกตว่าผมใช้คำว่า "ทำลาย" แทนที่คำว่า "ฆ่า" ตลอดมา บางทีการฝากลูกให้คนอื่นที่มิใช่พ่อแม่เลี้ยงกับการทำลายลูกที่แท้แล้วเป็นเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องเดียวกันกับการฆ่า การฆ่าเป็นการทำลายชีวิตทันที การฝากลูกให้คนอื่นเลี้ยงเป็นการทำลายพัฒนาการบุคลิกภาพหรือ "ตัวตน" หรือ "self" ของชีวิต ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นการทรมานชีวิตระยะยาวมากกว่าการฆ่าเสียอีก
ผมจึงไม่เห็นว่าเรื่องนี้ต่างจากการทำแท้งตรงไหน และสงสัยมากว่าทำไมไม่มีใครพูดเรื่องการทำแท้งในช่วงนี้ ทั้งที่มีคนเซ่อซ่าเปิดโอกาสให้แล้ว
การทำแท้งจะเรียกว่าการฆ่าก็ได้ แต่ก็มีการบัญญัติศัพท์ว่า "ยุติการตั้งครรภ์" เพื่อหลีกเลี่ยงความหมายที่น่ากลัว แม้ว่าการทำแท้งจะเป็นการทำลายแต่การทำแท้งก็สามารถหยุดการทรมานชีวิตน้อย ๆ ที่ไม่มีใครต้องการในระยะยาวได้ด้วย
การยุติครรภ์กับการยุติชีวิตทารกแรกคลอดนั้นบาปเท่ากันหรือไม่ เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
การท้องและคลอดที่ไม่พร้อมกับการยกลูกให้รัฐเลี้ยงนับเป็นการทรมานชีวิตที่ไม่มีใครต้องการหรือไม่ เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
ท้องไม่พร้อมควรยุติด้วยการทำแท้งจริงหรือ คลอดทารกไม่พร้อมควรแก้ไขด้วยการยกให้รัฐเลี้ยงจริงหรือ
จะเห็นว่าเรื่องฝากลูกให้รัฐเลี้ยงมีประเด็นน่าคุยกันได้มาก ไม่น่าจะยอมให้เงียบกันง่าย ๆ เช่นนี้นะครับ