พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
คอลัมน์/ชุมชน
สัปดาห์ที่แล้วที่ประชุมวุฒิสภาได้มีการพิจารณา พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศใช้ไปก่อนหน้านี้
ที่ประชุมได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ที่เห็นด้วย เนื่องจากสถานการณ์ของ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเหตุการณ์รุนแรงต่อเนื่อง และจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการจัดการต่อเหตุการณ์ไม่สงบ
ที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นการออกกฎหมายใช้ครอบคลุมทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ ๓ จังหวัดภาคใต้ การให้อำนาจเจ้าหน้าที่มากมาย จะทำให้เป็นการรังแกประชาชนผู้บริสุทธิ์ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
การอภิปรายในวุฒิสภามีเหตุผลที่รัฐบาลสมควรรับฟัง และต้องปรับปรุงการทำงานให้รอบคอบและให้ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการอภิปรายของ พล.อ.หาญ ลีนานนท์ ส.ว.ปัตตานี ซึ่งแนะนำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปรับปรุงการทำงาน
เพราะถ้าจะใช้เฉพาะกฎหมายอย่างเดียว แต่ไม่ปรับปรุงการทำงานจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบได้
การอภิปรายของ ส.ว. โสภณ สุภาพงษ์ จากกรุงเทพฯ ซึ่งได้ลงพื้นที่แวะเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบ ก่อนการใช้ พรก.ในฐานะหนึ่งในกรรมการสมานฉันท์ ท่านได้สะท้อนถึงภาพของครอบครัวผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ส.ว.โสภณ สุภาพงษ์ แนะนำว่า รัฐบาลต้องใช้ความนุ่มนวลเอาชนะความรุนแรง ต้องใช้น้ำดับไฟ ต้องใช้หลักศาสนาของทุกศาสนาที่ต้องการสันติภาพ
ที่ประทับใจจากใจของผู้ได้รับบาดเจ็บก็คือ เขาไม่ต้องการล้างแค้น เพราะเป็นความต้องการของพระเจ้าในการกำหนดวิถีชีวิต พระเจ้าจะลงโทษผู้กระทำผิด ใครใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม พระเจ้าจะลงโทษ!
นี่คือหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่รู้เห็น แต่เป็นเหยื่อของความรุนแรง
ส.ว.ส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการออก พรก. ฉบับนี้ โดยลงมติเห็นด้วย แต่เสียงส่วนน้อย คือ ๓๐ กว่าเสียงที่คัดค้าน เป็นเสียงที่รัฐบาลต้องรับฟังอย่างมีเหตุผล เพราะหลายคนอภิปรายอย่างมีข้อมูลลึก และไม่ต้องการให้ความรุนแรงกระจายไปทั่วประเทศ
ผมไม่อยากให้ผู้ที่รับผิดชอบอ้างว่าตัวเองรู้ข้อมูลอย่างดี หรือไม่รับฟังแนวทางการแก้ปัญหา เพราะการเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นสามารถนำข้อคิดดีๆไปแก้ไขปัญหาได้เสมอ ดีกว่าการปิดกั้นความคิดของผู้อื่น
ยิ่งรัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภายิ่งต้องรับฟังให้มาก เพราะนี่คือประชาธิปไตย ที่เสียงส่วนใหญ่ต้องให้ความสำคัญของเสียงส่วนน้อย
มี ส.ว.หลายท่านถามผมว่า ทำไมลงมติเห็นด้วยกับ พรก.ฉบับนี้ ไม่กลัวรัฐบาลจะให้ในทางที่ผิดหรือ?
ผมให้เหตุผลว่า ผมเชื่อว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องรับฟังเสียงของประชาชน ต้องระมัดระวังในการใช้อำนาจ ถ้ารัฐบาลใช้อำนาจในทางที่ผิด ประชาชนก็จะลงโทษเหมือนน้ำสามารถทำให้พยุงเรือให้ลอยได้ และสามารถทำให้เรือจมได้เช่นเดียวกัน
ผมเชื่อในกฎแห่งกรรม ของพุทธศาสนาที่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ผมเชื่อในคำสอนของศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ ที่ว่า พระเจ้าเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิต เชื่อให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
ผมเชื่อในคำสอนของขงจื้อที่ว่า ฟ้าดิน มีตา
ผมเชื่อในคำสอนของเต๋าที่ว่า ทุกอย่างมิอาจกำหนด เป็นเรื่องของฟ้าดินลิขิต
ไม่ว่ารัฐบาลจะมีอำนาจล้นฟ้าเพียงใด ขอเพียงแต่ทำผิด คิดร้ายต่อแผ่นดินบ้านเมืองและประชาชน ใช้อำนาจจนเกินขอบเขต
ถึงเวลานั้นเราจะได้เห็นคำพิพากษาของสวรรค์ !