Skip to main content

โอ้ละหนอ...แหม่ม คัทลียา

คอลัมน์/ชุมชน


นั่งคิดมาสามวันแล้ว จนป่านนี้ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่า เอ ตัวดิฉันนี้มีความเห็นประการใดแน่ต่อเรื่องของแหม่ม คัทลียา



 


วันที่ 5 กันยายน 2548  เช็คข่าวจากเว็บไซต์และหนังสือพิมพ์หลายฉบับ พบข่าวคราวค่อยๆ เงียบซาลงแล้ว มีข่าวว่าคุณแหม่มเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ด้วยเที่ยวบินทีจี 774 (แน่ะ! รู้อีก) อาจอยู่ที่โน่นยาวจนถึงคลอดบุตรแล้วเสร็จ


 


เฮ้อ นี่ละหนอโลกของข่าวสาร คลิกๆๆ  ชั่วกะพริบตา  ข้อมูลมหาศาลก็ไหลบ่าราวทำนบทลาย


 


มีบทสัมภาษณ์และแสดงความเห็นจำนวนมากมายในสื่อเกือบทุกแขนง


 


ความเห็นจากกระทรวงสาธารณสุข ความเข้าใจจากกระทรวงวัฒนธรรม คำเรียกร้องให้สื่อหยุดเสนอข่าวจากองค์กรพัฒนาเอกชนด้านผู้หญิง ทัศนะจากอาจารย์มหาวิทยาลัย นักคิด นักวิจัย นักวิชาการ นักข่าว นักเขียน นักวิจารณ์ นักแสดง ฯลฯ


 


ส่วนทางเว็บไซต์ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น ประชาชนเป็นแสนๆ ก็กระหน่ำอ่านข้อมูลอย่างต่อเนื่อง อีกระดมสติปัญญาความสามารถ โพสต์ข้อความจนเว็บบอร์ดล่มเป็นแถบๆ บางที่เห็นท่าไม่ดี ลบกระทู้ที่มีข้อความหมิ่นเหม่รุนแรง กลายเป็นกระแส "เมิงลบ กรูตั้งใหม่" เรียกร้องกันจริงจังให้ร่วมแสดงความเห็นและต่อสู้กับเว็บมาสเตอร์ผู้น่าสงสาร


 


ดีเปรสชั่นเข้าหรือออก ไม่มีใครสนใจอีกต่อไป


ข่าวภัยพิบัติที่นิวออลีนส์ เงียบบบบบ


รัฐบาลกับปัญหาภาคใต้ ก็เหมือนเดิม


ปัญหาเกษตรกรกับน้ำ กับป่า กับชุมชน เอ่อ พักกันสักครึ่งเวลานะคะ


 


ยิ้มค่ะ สถานการณ์อย่างนี้ ยิ้มไว้ไทยเจริญอย่างเดียวเลยค่ะ ถึงจะอดน้อยใจนิดๆ ไม่ได้ว่า แหม ทีข่าวของพวกเรานะ ประชาชนคนกลุ่มน้อย ภัยพิบัติของเรา ความลำบากยากจนของเรา การถูกกระทำเอารัดเอาเปรียบของเรา การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ของเรา หรือแม้แต่การที่เราต้องยอมรับการทำแท้งไม่ปลอดภัย สารพัดภัย ฯลฯ บางครั้ง ขอแล้วขออีก วิทยุ โทรทัศน์หนังสือพิมพ์หรือนิตยสารทั้งหลาย จะให้พื้นที่เราสักน้อยหนึ่ง


 


...ยิ่งกว่าเข็นภูเขาลงครกอีกนะ


เฮ้อ ว่าแล้วก็ถอนใจ หายใจไปกำหนดจิตไป


 


ข่าวหนอ คนหนอ พื้นที่หนอ โอละหนอ แม้แต่พี่เบิร์ดช่วงหลังๆ มานี้ยังเป็นไรไม่ทราบ บ่นแต่ว่า "อยากมีเมีย" หนอ


???????


 


แต่นะ ในฐานะของคนเคยทำสื่อ  ปัจจุบันก็ยังวนเวียนในแวดวงสื่อ ไม่เขียนก็อ่าน ไม่อ่านก็ได้ยินได้ฟังอยู่ดี บางที ฉันอดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่คุณแหม่ม คัทลียาประสบอยู่นี้ เป็นภาพสะท้อน "สื่อ" เต็มๆ


 


นี่ไง อิทธิพลของสื่อ เพราะเขาเป็นดารา (ดาราก็ต้องออกสื่อ – สื่อเป็นช่องทางเผยแพร่ตัวเขา) งานของเขาคือการเล่นผ่านสื่อ ด้วยเหตุฉะนี้ ไม่แปลกประการใดที่สื่อจะให้ความสำคัญกับทุกข่าวคราวของเขา เพราะมันทำให้สื่อ "ขายได้"


 


แต่สื่อจะขายอะไร ที่ไหน อย่างไร ก็ต้องขายความสุข ความคาดหวัง ความต้องการและความพึงพอใจของคนรับสื่อ ในพื้นที่ที่ "แย่งกัน" ส่งสาร "แย่งกัน" ไขว่คว้ากลุ่มเป้าหมาย  จึงมีกระบวนการมากมายในการปั้น การเป็น การแสดง การจูงใจ ไม่ต่างอะไรกับสินค้าอื่นๆ


 


เพียงแต่เธอเป็นสินค้าที่มีชีวิตจิตใจ เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งทำงานกับมนุษย์อีกหลายๆ คน ทำมาหากินอยู่กับปัจจัยที่เท่าไหร่ไม่ทราบของผู้คน (เราจะจัดความบันเทิงเป็นปัจจัยอะไรดี?)


 


ฉันจึงออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อผู้นำทางสื่อบางท่าน เสนอความเห็นว่า คุณแหม่มกำลังติดภาพลักษณ์ของการเป็นเจ้าหญิงดารา "ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง"


 


อือฮึ...!?? "เป็นตัวของตัวเอง" ในสังคมบันเทิงเนี้ยนะ ในโลกแห่งแบรนด์เนมและการซื้อขายลงทุนต่อรองสร้างภาพลักษณ์อัตลักษณ์ (ขออนุญาตไม่เว้นวรรค) ล้อเล่นไปได้ การเป็นตัวของตัวเองในขณะนี้  บางที เราเขาท่าน ก็ "สร้าง" มันอยู่ดี ในวาระที่เป็นประโยชน์


 


ลองเป็นตัวของตัวเองโดยรู้ว่ามันจะเป็น "โทษ" ดูที


 


อาทิ นักร้องสาวเปิดเผยว่า ตัวเองคบหาชายพร้อมกัน 3 คน และทุกคนมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยแล้วเท่าเทียมกัน (คนละ 2 วันครึ่ง)


 


นักแสดงทั้งชายและหญิงหลายคนแถลงข่าวหมู่ มีคู่รักเป็นคนเพศเดียวกัน แต่ยังคิดอยู่ว่าจะลองคบคนต่างเพศดูไหม เพราะไม่แน่ใจสถานการณ์ทางสังคมนัก


 


นายแบบชื่อดังแถลงข่าวการพาคู่รักนางแบบไปทำแท้งเถื่อนมา (บังเอิญคอนด้อมรั่วค่ะ)


 


นาย ข. แถลงข่าวว่าเกลียดเด็ก เกลียดผู้ใหญ่ เกลียดพรรคการเมืองและเกลียดผู้นำฝ่ายรัฐบาลด้วย


 


นาง ร. แถลงข่าวไม่อยากอยู่เมืองไทย ชี้ต่างประเทศมีการพัฒนากว่า


ฯลฯ


 


รู้ค่ะ :-) ที่ยกตัวอย่างมา โอเว่อร์แอ็คติ้งและมั่วนิ่มไปหน่อยถ้าจะพูดว่า นี่คือการเป็นตัวของตัวเอง ที่ควรได้รับการคุ้มครองหากจะมีการเปิดเผย  หมายถึง การตอบรับอย่างงดงามบนความเข้าใจจากสื่อทุกๆ แขนง


 


แต่ลองคิดแตกแขนงออกไปถึงการเป็นตัวของตัวเอง การแสดงทัศนะอันเปิดเผยตรงไปตรงมา ถึงตัวเราสิ่งที่เราเป็น (และเรารู้ตัวดี) ไม่ต้องถึงกับเป็นซูเปอร์สตาร์ เราจะรู้ได้ทันทีว่า ราคาซึ่งจะต้องจ่ายต่อจากนั้น แพงนัก


 


ฉันอยากจะคิดแต่เพียงว่า สิ่งที่ผ่านมาก่อนการออกแถลงข่าวของแหม่ม คัทลียา เป็นวิถีชีวิตส่วนตัวของเธอ เป็นการเลือก การตัดสินใจ (ซึ่งเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ควรตัดสินได้อีกทีว่า ผิดหรือถูก หรือไม่ผิด ไม่ถูก) เราทั้งหลายก็เป็นแต่เพียงคนนอก ไม่มีวันทราบข้อเท็จจริง แม้สื่อจะพยายามขุดคุ้ย ไขว่คว้า หรือแสวงหา "ความจริง" มานำเสนอสักเท่าใด


 


มีความจริงกี่เปอร์เซ็นต์ในโลกมายา มีความเท็จหรือความลวงประการใดในการสื่อสาร มีช่องว่างและเบื้องหลังบ้างหรือไม่ในการนำเสนอสิ่งต่างๆ


 


ไม่มีแม้ความเป็นกลางอย่างแท้จริง – หรือมิใช่ ในโลกสื่อสารมวลชน


 


คิดในแง่นี้ ถึงจะน้อยใจในการเลือกเสนอข่าวสารของสื่อทั้งหลายอยู่บ้าง แต่ฉันก็ยอมรับอยู่ดี ไม่มีอะไรแปลกประหลาดสักนิดเดียวที่เรื่องนี้เป็น "ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์"


 


สังคมเป็นอย่างไร สื่อก็สะท้อนออกมาอย่างนั้น ถึงจะบิดเบี้ยว กระจัดกระจาย เป็นภาพในกระจกซ้อนกระจก ด้วยต่างคนต่างเห็นในมุมที่ตัวดู (หรืออยากดู) บิดเบือน ยั่วยุ ปะทะกันจนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ  ตายตกตามกันได้คงตายเป็นกลุ่มๆ


 


เรากำลังอยู่ในวัฒนธรรมแตกต่างหลากหลาย บนกระแสเชี่ยวกรากของสื่อของทุน ของการรับ และจ่าย  การเหลื่อมล้ำต่ำสูง และการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจนโดยแท้


 


ถึงที่สุด สำหรับฉัน คงมีแต่ถ้อยคำเล็กน้อย ฝากถึงคุณแหม่มและเพื่อนๆ ที่ทำงานด้านสื่อ ด้านสังคม (อันมีความเชื่อว่าตัวเองกำลังไปตามทางที่ชอบธรรม) ว่า "เข้มแข็งนะ"


 


แต่นะ :-) คำแบบเนี้ยะ  ศิลปินในวงการบันเทิงก็ชอบใช้ อยู่ในหนัง ในเพลง ในบทลำนำรำพันก็ออกจะมากมาย


 


หรือที่สุดของที่สุดอีกที มันเป็นแค่คำโหลๆ ดาดๆ เอาไว้ให้คนที่ "เป็นตัวของตัวเอง" ปลอบใจตัวเองและปลอบใจกันและกัน ขณะขี่เรือใบกล้วยล่องไปตามกระแสน้ำไหล


 


มุ่งหน้าไปหาทีวีดู.


 


.................


 


ปล. ฉบับนี้ชมแมวแทนแหม่มกันเถอะนะคะ   :-)


 


-------------------------------------------------------------------------------------------------------