ความกล้าหาญของ "เจ้าหญิง" (แหม่ม)
คอลัมน์/ชุมชน
"ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" กระหึ่มขึ้นทันทีหลังจากคุณแหม่ม คัทลียา แมคอินทอช เปิดแถลงข่าวในบ่ายวันศุกร์ที่ ๒ กันยายนว่าเธอมีข่าวดีมาบอก เธอตั้งครรภ์ เป็นข่าวดีที่ทำให้เธอความสุขมาก เพราะเธอเป็นคนรักเด็กและอยากมีลูกเหมือนผู้หญิงทั่วๆ ไป แหม่มคิดว่าทุกคนคงจะยินดีกับเธอ
หลังจากนั้น ได้เกิดสถิติใหม่ในหลายเว็บไซต์ เพราะมีผู้คนสนใจเข้าไปอ่านและตั้งกระทู้แสดงความคิดเห็นกันเกือบแสนครั้งในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ตามมาด้วยข่าวภาคค่ำทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง และข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันเสาร์ "แหม่ม คัทลียาท้อง ๕ เดือนออกมาบอก เพิ่งรู้ " ตัวอย่างจากพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เอ...พอติดตามการนำเสนอข่าวแหม่มไปซักพัก ฉันชักรู้สึกไม่สบายใจ (แทนแหม่ม) ว่า ไหงสื่อไม่ "เลือก" หยิบ "ข่าวดี" ตามที่แหม่มบอก และตามที่พ่อของเด็กพูดว่าเขามีความสุขมากที่จะได้เป็นพ่อคนแล้ว แต่การนำเสนอกลายเป็นเรื่องหยามหมิ่นว่าเธอปิดบังความจริง การวางตัวไม่เหมาะสมในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะ และตั้งข้อสงสัยกับความไม่รู้ของเธอที่กล่าวว่า "แหม่มไม่ทราบเลยว่าตัวเองตั้งท้อง"
ฉันเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกชื่นชมในการตัดสินใจที่กล้าหาญของแหม่ม และมองว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะบอกว่าเธอไม่เหมาะสมกับการเป็นตัวแทนยูนิเซฟ เพราะองค์กรนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องการเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกายของเด็กและผู้หญิงอยู่แล้ว เพียงแต่เกิดความรู้สึกแปลกใจ (โคตรๆ) ในเรื่องของมาตรฐานเชิงซ้อน (double standard) บางอย่างในสังคมไทยต่อเรื่องของแหม่ม ดังนี้
ประการที่หนึ่ง เรื่องท่าทีของนักวิเคราะห์ข่าว ซึ่งดุดันและเอาเป็นเอาตายกับ "ความไม่รู้" ของแหม่ม ราวกับว่าแหม่มเป็นคนแรกของประเทศไทยที่ปิดบังและพูดโกหกประชาชน เลยคิดถึงใครคนหนึ่ง (น๊า) ที่มักพูดบ่อยๆ ว่า "ผมจะแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาการจราจรกรุงเทพฯ จะตามตัวทนายสมชายและแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ภายใน...วัน" ซึ่งจนแล้วจนรอด คนทั้งประเทศก็รู้อยู่เต็มอกว่า ปัญหาบางเรื่องยังคงอยู่และบางเรื่องนับวันที่จะทวีความรุนแรงขึ้น แต่ก็ยังไม่เคยได้ยินสื่อตีตราเขาผู้นั้นว่า "คุณคือ เจ้าของไร่สตรอเบอร์รี่"
ประการที่สอง เรื่องผู้หญิงกับการท้องก่อนแต่ง ซึ่งกรณีแหม่ม พบว่า คนส่วนใหญ่ยอมรับเรื่องนี้ได้ไม่ว่าจะเป็น สว.ชื่อดัง และนาย
ในทางตรงกันข้าม หากเป็นวัยรุ่นแล้วท้องก่อนแต่ง พวกเธอเหล่านั้นยังคงถูกผู้ใหญ่และสังคมไทยประณามว่า "เป็นวัยรุ่นยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ (แต่ดันท้อง) จะมีปัญญาเลี้ยงลูกรึ" ดังนั้น เธอ (บางคน) จึงถูกปิดกั้นทางเลือกในการลดโอกาสเสี่ยงหากว่าต้องการจะยุติการตั้งครรภ์ด้วยวิธีที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกฎหมายอนุญาตให้ทำแท้งเมื่อโดนข่มขืนและเป็นอันตรายต่อสุขภาพเท่านั้น หรือเธอ (บางคน) อยากตั้งครรภ์ต่อจนคลอด แต่กลับไม่มีระบบบริการรองรับได้หมด ทั้งๆ ที่ปัจจัยที่ทำให้ทั้งแหม่มและวัยรุ่น "ท้องก่อนแต่ง" เหมือนกัน นั่นคือ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
หากผู้ใหญ่ หรือสังคมไทยเปิดใจยอมรับว่าการท้องก่อนแต่งเป็นเรื่องธรรมดา ก็ไม่ควรใช้เรื่อง "อายุ" มาเป็นเกณฑ์ตัดสินเรื่องความพร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกให้เติบโตได้ แต่จากประสบการณ์ที่ฉันรู้จักวัยรุ่นที่ท้องก่อนแต่งบางคน แม้ว่าเธอจะอายุน้อยแต่เธอสามารถเลี้ยงดูลูกให้เติบโตได้อย่างดีและมีคุณภาพ เพียงเพราะว่าเธอเองได้รับกำลังใจและโอกาสจากครอบครัว จากสังคมรอบข้างในการ "เรียนรู้" และจัดการปัญหา จนทำให้เธอสามารถเติบโตได้ด้วยตนเอง
ฉันจึงคิดว่าอายุมาก หรือน้อยมิใช่ประเด็นสำคัญในการอธิบายถึงความพร้อม หรือไม่พร้อมในการจัดการปัญหาต่างๆ ในชีวิต แต่ขึ้นกับโอกาสที่คนๆ หนึ่งจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ และนำมาคิดวิเคราะห์เป็นบทเรียนในการตัดสินใจในชีวิตอนาคต แต่ผู้ใหญ่ที่มีอายุบางคนยังคงตัดสินใจทำผิดซ้ำซากในเรื่องเดิมๆ โดยไม่เกิดการเรียนรู้ก็มีให้เห็นในสื่อทุกวัน
ดังนั้น หากว่าใครก็ตาม ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หากทำพฤติกรรมอันเดียวกันคือ "การท้องก่อนแต่ง" ผู้ใหญ่ หรือสังคมไทยก็ควรใช้มาตรฐานเดียวกันในการ "ตัดสิน" คือดูที่พฤติกรรม มิใช่หยิบยกเอาเรื่อง "อายุ" มาทำให้เกิดการเปรียบเทียบและทำร้ายซ้ำเติมวัยรุ่นที่ท้องก่อนแต่ง ด้วยคำพูดที่รุนแรง ทั้งๆ ที่วัยรุ่นที่ท้องก่อนแต่งกำลังเผชิญกับปัญหาและต้องการกำลังใจและโอกาสจากผู้ใหญ่และสังคมเช่นเดียวกับแหม่ม
เป็นไปได้ไหมว่า มิใช่เพียงแหม่มติดกับในสิ่งสมมุติที่สื่อสร้างขึ้นให้เธอเป็น "เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง" อย่างที่นักวิเคราะห์ข่าวชื่อดังกล่าวไว้เท่านั้น ฉันคิดว่า เราเองซึ่งเป็นผู้บริโภคสื่อ ก็กำลังติดกับในนิยามของความเป็นเจ้าหญิงที่ถูกสร้างขึ้นว่า เจ้าหญิงต้องไร้เดียงสา (ทางเพศ) ขลาดกลัวในการตัดสินใจและต้องมีเจ้าชายผู้กล้าคอยดูแล
จึงเป็นเรื่องทำใจยากสำหรับบางคนที่จะยอมรับในสิ่งที่เจ้าหญิงแหม่มเลือก เลือกที่จะเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งท้องก่อนแต่งด้วยเหตุผลทางธรรมชาติและมองว่าเป็นข่าวดี เพราะอาจจะมีบางคนที่อยากเก็บแหม่มไว้ให้เป็นเจ้าหญิงผู้ใสซื่อและยังคงนอนหลับใหลรอการจุมพิตจากเจ้าชาย
ฉันขอเป็นคนหนึ่งที่ส่งกำลังใจเล็กๆ ให้แหม่มในความกล้าตัดสินใจ "เลือกชีวิตด้วยตนเอง" แม้ว่า...ผลที่ตามมาจากการเลือกจะทำให้เธอเจ็บปวดบ้าง เพราะเชื่อว่า ทุกการตัดสินใจย่อมมีความเจ็บปวด มิใช่หรือ แต่คงดีกว่าการที่เธอ "ต้องเป็น" ในสิ่งที่คนอื่นเลือกให้ "เป็น"... เป็นเพียงเจ้าหญิงในเทพนิยาย...