Skip to main content

คณะแสงดาวศรัทธามั่น ตอน มาเพื่อบอกรัก

คอลัมน์/ชุมชน

 


เธอเป็นสาวมอแกลน ร่างกายผ่ายผอม ไหล่ด้านหนึ่งเอียงห้อยลงมา  เธอบอกฉันว่า เธอเป็นคนหนึ่งที่ไปเตาะหอยที่เขาหลัก ตรงหาดนางทอง ในเช้าวันนั้นและหนีรอดออกมาได้


 


"มันบอกไม่ถูกจีเหอ ไม่รู้อีว่าปรือ "  เธอพูดภาษามอแกลน  แต่เมื่ออยู่กับเรา เธอก็จะพูดภาษาปักษ์ใต้


 


เธอเล่าว่า "พอไปถึงน้ำแห้งโหมด จีเหอปลาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ มันเต็มไปหมด หมึกตัวใหญ่หวาสองขวามือ"


 


ว่าแล้วเธอก็หงายมือสองข้างมาชนกัน พลางบอกว่า "ใหญ่หวานี้"


 "ปลาบางชาติไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ชาติไหน"  เธอว่า


 


เธอเล่าต่อว่า เสียงตะโกน หนีเร็วคลื่นมาแล้ว เธอรีบวิ่งสุดชีวิต คลื่นตามไล่หลังมาติด ๆ เกือบจะถึงแล้ว เกือบจะถึงแล้ว วิ่ง วิ่ง วิ่งเท่านั้น ขึ้นไปทางเนินที่สูงขึ้นไป โชคดีที่รอดมาได้ เกือบไม่รอด…


"สงสารพวกนั้นไม่ได้กลับบ้าน หาไม่พบ หากันทุกวัน  หากันเป็นเดือนสองเดือน ไม่พบ"


"แต่คิดดูอีกที พวกเขาก็ไปอยู่กับทะเลแล้ว คืนกลับสู่ทะเล"  ฉันพูดเท่าที่นึกออกว่าจะพูดอย่างไรให้ผู้ฟังสบายใจ


 


"จีไปกินข้าวตะ มีแต่ปูแต่ปลา เมื่อก่อนมีผักกินจีเหอ  แต่ตอนนี้ไม่มีที่ปลูกผักแล้ว ไม่กล้าไปทำ มันเป็นที่มีเจ้าของไปแล้ว  เมื่อก่อนเป็นที่ดินว่าง ๆ ใครปลูกไหรก็ได้  อยู่ ๆ ก็มีคนมาบอกว่าเขาเป็นเจ้าของ เป็นจริงไม่จริงก็ไม่รู้ แต่เราก็ไม่กล้า"


 


เมื่อเราคุ้นเคยกันหนุ่มคนหนึ่งบอกเราว่า  พวกเขากังวลว่าเราจะอยู่ได้ไหม จะกินได้ไหม กลัวจะรังเกียจว่าเป็นคนโง่ เป็นชาวเล


 "ถึงขั้นนั้นเชียว"


 "จริง ๆ จีเหอ"  เขายืนยันและเล่าว่า คนไทยโดยทั่วไปจะดูถูกพวกเขาว่าเป็นคนสกปรก เป็นคนโง่ ไม่มีคนไทยที่ไหนมากินข้าวบ้านเขา มานอนค้างบ้านเขา เขากังวลจนนอนไม่หลับเมื่อรู้ว่าเราจะมานอนค้างด้วย 


 


ฉันบอกเขาว่า "เมื่อเย็นวานจีไปหาหอย พยายามเอาตีนคีบขึ้นมา มันเกือบจะได้หลายครั้ง แต่พอคีบได้ จีก็ล้มลงเพราะจียืนตีนเดียวไม่ได้ ในขณะที่ตีนอีกข้างหนึ่งต้องคีบหอยขึ้นมา จีหาหอยกินเองสักตัวก็ไม่ได้ แล้วยังล้มลงในน้ำให้เด็ก ๆ  มันหัวเราะเป็นตัวตลกอีก  ทั้งที่จีก็เป็นคนใต้ บ้านอยู่ห่างเลสองโล  แต่จีหากินไม่เป็น"


 


"แต่จีไม่เป็นคนโง่ จีอ่านหนังสือ"


 "ก็ใช่… จีต้องไปเรียนหนังสือ แล้วไปได้ผัวเมืองเหนือ กลับมาเล หากินกับเลก็ไม่ได้ อยู่เมืองเหนือจีก็ก็ไม่ได้เป็นคนเหนือนะ ไปหาของกินในป่าบนภูเขาก็ไม่เป็น"


 


 "แล้วจีทำไหรเป็นมั้ง"


 "จีเขียนหนังสือเป็น จีเขียนเสร็จ  จีก็ต้องเอาไปขาย หวาอีได้เบี้ยรอเป็นเดือนเป็นปี ได้เบี้ยมาก็เอาไปซื้อกิน จี้หากินเองไม่ได้ ต้องรอเบี้ยไปซื้อทุกอย่าง  แล้วดูอ้ายฑูรย์ กินปูก็ไม่เป็น เอาส้อมจิ้ม ๆ ให้เศษเนื้อปูหล่นลงมาแล้วค่อยเก็บกิน"


 


หนุ่มแว่นกลม ซึ่งเดินทางมาด้วยในครั้งนี้ เป็นนักเขียนและเป็นข้าราชการนักวิชาการอยู่ในมหาวิทยาลัย มาจากเมืองเหนือ  แกกินปูไม่เป็นจริง ๆ  พอดึงกระดองออกก็เอาส้อมจิ้มเนื้อปูออกมาเป็นฝอย


 


ผู้หญิงคนหนึ่งหัวเราะและสอนวิธีแกะปูให้อ้ายฑูรย์  เธอเริ่มจากจับปูให้ดู วิธีดึงกระดองออก เอาขี้ที่ติดกระดอกออก  ให้เหลือแต่ไข่และมันของมัน  นมปูเอาทิ้งไป หักก้ามออก ก้ามใหญ่สุดต้องใช้ไม้ทุบ แล้วหักครึ่งตัวปู หักส่วนไม้พาย เธอบอกว่าเป็นส่วนที่เนื้อมากที่สุด จะกินส่วนนี้ก่อนก็ได้ ดึงเนื้อออกมาเลย


 


 "ถ้าปูปลา เรามีกิน  อ้ายกินมาก ๆ เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ มาบ้านเราบายใจแล้ว"  พวกเขาเรียกสองสหายร่วมจอกว่าอ้ายอย่างสนิทสนม เพราะอ้ายแสงดาวยืนยัน  การเป็น "อ้าย" นี้เป็นการแสดงตัวตนอย่างหนึ่ง ว่าเราเป็นใคร เช่นเดียวกับที่มอแกลนแสดงความเป็นตัวตนของเขาว่า คือมอแกลนด้วยการพูดภาษาของเขาเอง 


 


เรานั่งกินปูปลากันอย่างอร่อย ไม่มีใครโง่หรอก เพียงแต่ว่าเรารู้และเราถนัดต่างกัน


 


"อ้ายคนเมือง" บ้านแกมีภูเขาสูง


ส่วน "จีมอแกลน" บ้านมีทะเลกว้าง


แต่เราต่างมีฟ้าเชื่อมต่อกัน และมีความรัก ความอาทร และยอมรับในความต่างของกันและกัน …ชีวิตนี้ก็ร่วมกันได้


 


"เห็นกินได้นอนหลับพันนี้แล้ว บายใจ กูบายใจจาน"  พ่อเฒ่ามอแกลนพูดเสียงดัง


 


หมายเหตุ


บ้านทับปลา เป็นหมู่บ้านชาวมอแกลน อยู่ในอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา  


หมู่บ้านนี้รอดพ้นจากสึนามิ  ไม่ใช่เพราะอยู่ห่างทะเลเท่านั้น แต่มีป่าโกงกางช่วยกั้นไว้ ที่เสียหายคือเครื่องมือทำกิน  คนหายไปแปดคนเพราะออกไปเตาะหอยที่เขาหลัก


 


คำใต้


จี  หมายถึง พี่สาว


ปลาบางชาติ หมายถึง ปลาบางชนิด บางอย่าง 


พันนัน  หมายถึง อย่างนั้นแหละ


หวา หมายถึง กว่า


 


คำเหนือ 


อ้าย หมายถึงพี่ชาย


 



 



------------------------------------------------------------------------------------------------------------



"แค่ต่างกันเท่านั้นเอง"