Skip to main content

ระหว่างผืนดินกับท้องฟ้า

คอลัมน์/ชุมชน





"วันนี้ท้องฟ้าสวยมากนะ"


ฉันยังจำได้ดี  เสียงโทรศัพท์จากคนเคยคุ้น


เวลาเขาขับรถออกไปทำงาน แล้วเห็นก้อนเมฆสีขาว ลอยกระจ่างระหว่างผืนฟ้าไกล


เขามักอดไม่ได้ที่จะโทรมาบอก


 


หลายปีก่อนหน้านั้น บ่อยครั้งเมื่อฟังเรื่อง "ท้องฟ้า" ผ่านสายโทรศัพท์อยู่ในตึกสี่เหลี่ยม


ฉันมักจินตนาการถึง นกที่พากันมาเป็นฝูง ทอดตัวเรียงรายบินผ่านอากาศสดชื่น


นึกถึงดอกไม้บานบนภูเขา นึกถึงเพลงเบาๆ จากกีตาร์โปร่ง


อารมณ์อ่อนไหวมักบันดาลให้ชีวิต รู้สึกถึงการ จดจำ คิดถึง โหยหา และปรารถนาออกไปใช้ชีวิตให้เต็มที่


 


มาถึงวันนี้


ไม่มีคนที่คอยโทรมาคุยเรื่องท้องฟ้าแล้ว


แต่ฉันยังนึกถึงเขาเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่ได้ยืนอยู่ใต้ท้องฟ้ากว้างๆ ด้วยตัวเอง


นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ ราวกับว่าระยะห่างระหว่างฉันกับท้องฟ้าจะแคบลง


แต่ละวัน ฉันเฝ้าเพียรถ่ายรูปท้องฟ้า เวลาเช้า เวลาบ่าย เวลาเย็น


เป็นความตื่นเต้นที่ได้เห็น หรือเป็นความกลัวที่ซุกซ่อนว่าเวลาเหล่านี้จะหมดไป


ทำราวกับว่าไม่เห็นท้องฟ้าที่ไหนมาก่อน เพื่อนที่กรุงเทพฯ อาจจะนึกค้อนว่าใส่ร้ายบางกอกมากไปหน่อย


แต่ฉันก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นั่นอาจเพราะได้ค้นพบว่า สำหรับที่บางแห่ง


ระหว่างผืนดินกับท้องฟ้า  มีความสัมพันธ์กันมากกว่าที่เราคิด


 


"ดอกไม้สวยจริงๆ ค่ะป้า"


ฉันเอ่ยกับคนปลูกดอกไม้ ในตอนสายวันหนึ่ง


คุณยายยิ้มภูมิใจ ดอกไม้นั้นสีสด อวดตัวเองอยู่ริมผนังสังกะสี


ในพื้นที่แคบเท่าที่มี คนปลูกดอกไม้เงยหน้ามองท้องฟ้า


"ถ้าแดดดี ลมดี ฟ้าใส ดอกไม้ที่ไหนก็สวยทั้งนั้นแหละหนู"


คุณยายว่า จากนั้นฉันละสายตาไปทางถนนที่ทอดยาวออกไปในเมืองแปลกถิ่น


ต้นกล้าพืชกำลังเติบโตอยู่ในทุ่งนา ฉันเดินดุ่ยเข้าไปใกล้


"เดินลงมาถ่ายข้างในก็ได้นะ" เสียงคนตะโกนบอก


 


พื้นที่ตรงหน้าคือสีเขียวขจี มีสีโทนอ่อนแก่สลับทับซ้อน


เถียงนาตั้งโดดเดียวกับต้นไม้เหมือนในภาพวาด แต่มันดูอบอุ่น


อาจไม่ใช่จากอะไร แต่เป็นจากท้องฟ้าเวลาบ่ายขณะนี้


 


 


"ต้นถั่วงามจังเลยค่ะ" ฉันเอ่ยเบาๆ


เจ้าของพื้นที่เดินมาใกล้แล้วบอกว่า


"ฝนฟ้ากำลังดี ถ้าแจ้งแบบนี้ อีกไม่นานก็ออกฝัก ตรงโน้นปลูกกระเทียมไว้ ถ้าฟ้ามืดก็ใจหาย ฝนลงหนักรากมันจะเน่า"


ฉันฟังเขาอธิบาย มองไปเห็นเขาสะบัดผ้าออกมาตาก


ยิ่งท้องฟ้าสวยเท่าไหร่ ผ้าที่ตากไว้ก็แห้งเร็วเท่านั้น


ฉันขออนุญาตถ่ายรูปเก็บไว้ สลับกับมองไปยังถนน


คนเดินผ่านไปมายิ้มมีไมตรี มองเห็นท่อนไม้บนบ่าและระยะทางอันยาวไกล


 "ร้อนแย่เลย"


ฉันรำพึงเบาๆ  แต่เจ้าของที่นาหัวเราะ แล้วบอกว่า


"ร้อนๆ แบบนี้แหละดี ลุงเขาไปหาฟืน ไม้ยิ่งแห้งเขายิ่งชอบ"


คนแปลกหน้าอย่างฉันจึงได้แต่ยิ้ม นิ่งเงียบไป และสูดลมหายใจลึกๆ


 


ลมหายใจที่นึกถึง ใครบางคน รวมไปถึงคุณลุงตรงหน้า


พินิจความหมายจากสายตา มองไปรอบๆ ณ ตรงที่มีชีวิตอยู่


ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า


คิดถึง "ความสุข" ที่มาจากบนนั้น


และไม่ได้เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว.