สงครามการก่อการร้ายหรือสงครามดอลล่าร์-ยูโร
คอลัมน์/ชุมชน
ภายหลังเหตุการณ์วินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรดในนครนิวยอร์คประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 โดยขบวนการก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรง กลุ่มอัลไคดา ซึ่งมีนาย โอซามา บินลาเดนเป็นผู้นำ ประธานาธิบดี จอร์จ บุช ของสหรัฐอเมริกา ก็ได้ประกาศสงครามกับ "อักษะแห่งความชั่วร้าย"
จากนั้นเป็นต้นมา โลกทั้งโลกก็ดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะสงครามระหว่างขั้วสองขั้ว ขั้วหนึ่งคือเครือข่ายผู้ก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงทั่วโลกที่เกี่ยวข้องโยงใยกับกลุ่มอัลไคดา และขั้วตรงกันข้ามคือ สหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ที่จำเป็นต้องปกป้องตนเองจากภัยคุกคามของการก่อการร้ายที่ลุกลามขยายตัวไปทั่วโลก
ทว่า น้อยคนนักจะทราบว่า แท้จริงแล้วสหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรคือ ผู้ให้กำเนิดและให้การสนับสนุนแก่เครือข่ายผู้ก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงต่างๆ ตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอัลไคดา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ที่พิสูจน์ว่า แม้ภายหลังเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 11 กันยายน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรก็ยังคงให้การสนับสนุนแก่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้อยู่เช่นเดิม
เป็นความจริงที่ปัจจุบันโลกได้เข้าสู่ภาวะสงคราม ทว่าไม่ใช่สงครามระหว่างผู้ปราบปรามการก่อการร้ายกับผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่สงครามศาสนาระหว่างมุสลิมกับคนนอกศาสนา แต่คือสงครามทางเศรษฐกิจระหว่างผู้สนับสนุนสกุลเงินดอลลาร์กับผู้สนับสนุนสกุลเงินยูโร
ประวัติผู้ปราบปรามการก่อการร้ายกับการสร้างผู้ก่อการร้าย
ในช่วงสงครามเย็น นับตั้งแต่ พ.ศ.2522 เป็นต้นมา ทางการสหรัฐอเมริกาได้เริ่มต้นปฏิบัติการลับในการร่วมมือกับขบวนการก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรง (ตารางที่ 1) เพื่อการโค่นล้มสหภาพโซเวียตรัสเซีย
"ประธานาธิบดีสหรัฐกับการสนับสนุนการก่อการร้าย"
ประธานาธิบดี บทบาท แหล่งข้อมูลอ้างอิง
นายจิมมี่ คาร์เตอร์ พ.ศ.2522 ลงนามคำสั่งให้เริ่มปฏิบัติการลับ สัมภาษณ์นาย ซบิกนิว
เพื่อสนับสนุนการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน บราชินสกี้ อดีตที่ปรึกษาด้าน
6 เดือนก่อนหน้าที่รัสเซียจะตัดสินใจเข้า ความมั่นคงแห่งชาติของ
แทรกแซง ประธานาธิบดีคาร์เตอร์
นิตยสาร Nouvel ,
15-21/01/2541
นายโรนัลด์ เรแกน เซ็นคำสั่งเลขที่ 166 อนุมัติให้ขยายปฏิบัติการลับ นสพ. วอชิงตันโพสต์ ฉบับ
เพื่อสนับสนุนเครือข่ายนักรบอิสลามในสงคราม 19/07/2535
โซเวียต-อาฟกาน
นายจอร์จ - ให้ปฏิบัติการลับสนับสนุนเครือข่ายนักรบ นสพ.วอลสตรีท เจอร์นัล
ดับเบิลยู บุช อิสลามต่อไป 27/09/2544
-สนับสนุนโครงการอิหร่าน-คอนทรา โดยแอบ www.salon.com ,
ขายอาวุธให้อิหร่านและนำกำไรไป สนับสนุนกลุ่ม 19/11/2544
ก่อการร้ายคอนทราในประเทศนิคารากัว
-เริ่มทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตระกูลบินลาเดน นิตยสารฟอเรน โพลิซีอินโฟกัส
ผ่านกลุ่มลงทุนคาร์ลัย 30/4/2545
นายาบิล คลินตัน ออกคำสั่งให้กองทัพสหรัฐปฏิบัติการร่วมกับกลุ่ม คณะกรรมการพรรครีพับลิกัน
ก่อการร้ายอัลไคดาในสงครามบอสเนีย รวมทั้ง รัฐสภาสหรัฐ พศ.2540
สนับสนุนกลุ่มกองทัพปลดแอกโคโซโว ซึ่งก็ได้
รับการสนับสนุนจากกลุ่มอัลไคดา
ที่มา: "Expose The Links Between AlQueda and Bush Administration" โดย Michel Chossudovsky 15/3/2546, www.globalresearch.ca
นอกจากนี้ ตลอดมาทางการสหรัฐยังได้ให้การสนับสนุนทางทหารอย่างเปิดเผยกับบรรดาประเทศที่สหรัฐเองระบุว่า มีส่วนในการสนับสนุนการก่อการร้ายอีกด้วย
จากรายชื่อในกลุ่มประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการรายทั้งหมด 18 ประเทศที่ระบุอยู่ในรายงานประจำปี 2544 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ รัฐบาลสหรัฐเองให้การสนับสนุนทางทหารถึง 16 ประเทศ (1)
ในรายงานประจำเดือนกันยายน 2545 ของสำนักงานบัญชีกลางกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า จากปี พ.ศ.2534-43 สหรัฐให้งบสนับสนุนทางทหารแก่ประเทศในแถบตะวันออกกลางถึงกว่า 3 ล้านล้านบาท โดยมีซาอุดิอารเบียเป็นผู้ได้รับงบช่วยเหลือมากที่สุดในโลกหรือกว่า 1.3 ล้านล้านบาท มากกว่าที่สหรัฐให้กับอิสราเอลถึง 5 เท่า (2)
แต่ทั้งนี้ ซาอุดิอารเบียกลับถูกทางการสหรัฐกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนขบวนการก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงกลุ่มอัลไคดา และเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 11 กันยา แม้ภายหลังรัฐบาลสหรัฐจะยอมยุติข้อกล่าวหานี้แล้วด้วยเหตุผลทางการเมือง
ตัวกลาง : เคล็ดลับของสหรัฐในการสนับสนุนการก่อการร้าย
เพื่อมิให้ปฏิบัติการลับของสหรัฐในการเกื้อหนุนเครือข่ายก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงเป็นที่ล่วงรู้ สหรัฐจึงจำเป็นต้องทำการผ่าน "ตัวกลาง (GO BETWEEN)" อีกทีหนึ่ง หากความลับนี้เกิดรั่วไหล สหรัฐก็สามารถปฏิเสธข้อกล่าวหาได้โดย "ตัดตอน" เฉพาะข้อมูลและหลักฐานที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับตัวกลางออกไป เพื่อให้เข้าใจว่าตัวกลางเท่านั้นคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนการก่อการร้าย
นายวิลเลียม เคซี อดีตผู้บัญชาการหน่วยงานซีไอเอ ในยุครัฐบาลเรแกน ยอมรับว่าเขาเองเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับตุรกี ปากีสถาน และซาอุดิอารเบีย ในการร่วมมือสนับสนุนเครือข่ายก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรง
ตามข้อตกลงนี้ สหรัฐ ปากีสถาน ตุรกีและซาอุดิอารเบีย จะร่วมกันให้การสนับสนุนผ่านหน่วยงานข่าวกรองปากีสถานหรือ ไอเอสไอ และอีกส่วนผ่านเครือข่ายองค์กรศาสนานิกายวาฮาบีที่มีอยู่ทั่วโลก (3) หรืออีกนัยหนึ่ง สหรัฐใช้ ไอเอสไอและวาฮาบีเป็นตัวกลางนั่นเอง
อัลไคดาไม่เกี่ยวข้องกับสหรัฐแล้วจริงหรือ?
"เป็นความจริงที่สหรัฐและชาติพันธมิตรเคยให้ความสนับสนุนเครือข่ายก่อการร้ายมุสลิมและกลุ่มอัลไคดา แต่เมื่อสงครามเย็นยุติลง พวกเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นฝ่ายต่อต้านสหรัฐ" นี่ คือคำอธิบายที่สื่อกระแสหลักทั่วโลกใช้อธิบายเหตุผลในการก่อการร้ายชองกลุ่มอัลไคดา นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 11 กันยาเป็นต้นมา
ทว่า มีข้อมูลหลักฐานอยู่มากมายที่ส่อว่า แท้จริงแม้จนถึงปัจจุบันโครงข่ายการให้การสนับสนุนเครือข่ายผู้ก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงที่สหรัฐและพันธมิตรได้สร้างขึ้นยังคงดำรงอยู่ และสหรัฐก็ยังคงอาศัยโครงข่ายนี้สนับสนุนเครือข่ายก่อการร้ายเหล่านี้อยู่เช่นเดิม อาทิ
หนึ่ง สถานีโทรทัศน์ ซีบีเอสของสหรัฐโดยนายแดน แรเทอร์ ได้รายงานว่าในวันที่ 10 กันยายน 2544 เพียงหนึ่งวันก่อนเหตุวินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรด นายบิน ลาเดนได้เข้ารับการบำบัดด้วยเครื่องฟอกไตในโรงพยาบาลของกองทัพอากาศปากีสถานในเมืองราวันบินดี (4)
ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร ของผรั่งเศสได้ลงข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวภายในหน่วยงานไอเอสไอ ในช่วงวันที่ 4-14 กรกฎาคม ปี 2544 สองเดือนก่อนเกิดเหตุ 11 กันยา นายบิน ลาเดนได้เข้ารับการผ่าตัดในโรงพยาบาลอเมริกัน ณ เมือง ดูไบประทศอาหรับ เอมิเรตส์
ในช่วง 10 วันที่เขาพักรักษาตัวอยู่นั้น ได้มีเครือญาติในตระกูลบินลาเดน บุคคลสำคัญจาก ซาอุดิอาราเบียและอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ ซีไอเอประจำดูไบ ได้ข้าพบนายบิน ลาเดน (5)
หากข่าวทั้งสองชิ้นนี้มีมูลความจริง เป็นไปได้หรือที่ทางการสหรัฐจะไม่ทราบถึงที่อยู่ของนายบินลาเดน เหตุใดจึงไม่เข้าจับกุม ทั้งๆที่ก่อนหน้าสหรัฐได้ตั้งรางวัลนำจับตัวเขาเป็นจำนวนหลายล้านเหรียญสหรัฐ ในข้อหาเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดกงสุลสหรัฐ 2 แห่งในอัฟริกาตะวันออกเมื่อปี 2531 (6)
สอง สถานีโทรทัศน์เอบีซี ของสหรัฐได้เสนอข่าวว่า เอฟบีไอพบว่า ก่อนเหตุการณ์ 11 กันยา ไม่กี่เดือน ได้มีการโอนเงินจำนวนอย่างต่ำ สี่ล้านาบาท จากธนาคารในปากีสถานไปยังบัญชีของนายมูฮัมหมัด อัททา หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายในการก่อวินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรด การโอนเงินนี้เป็นไปตามคำสั่งของนายพล มามูด อัคหมัด หัวหน้าหน่วยงานไอเอสไอ ของปากีสถาน ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันอีกครั้งโดย สำนักข่าว เอเอฟพี ของฝรั่งเศส (7)
สิ่งที่ผิดสังเกตคือ ในวันที่ 4 กันยายน หนึ่งอาทิตย์ก่อนเหตุการณ์ 11 กันยา นายพล อัคหมัด ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าพบและปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซีไอเอ อย่างเป็นทางการตามธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติมาโดยตลอด และในวันที่ 12-13 กันยายน หนึ่งวันหลังเหตุการณ์วินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรด นายพล อัคหมัด ก็ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือในการปราบปรามการก่อการร้ายร่วมกับนายริชาด อาร์มีเทจ รองเลขาธิการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ และยังได้เข้าพบนายพล คอลิน พาวเวล เลขาธิการกระทรวงกลาโหมเป็นการส่วนตัวอีกด้วย (8)
เป็นไปได้หรือ ที่ทางการสหรัฐไม่ทราบระแคะระคายมาก่อนหน้านี้เลยว่า บุคคลสำคัญที่เป็นถึงหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรองปากีสถาน หน่วยงานที่สหรัฐเป็นตัวตั้งตัวตีในการก่อตั้ง อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกันมาเป็นเวลานาน และให้ความไว้วางใจถึงกับขอให้ร่วมมือในการปราบปรามการก่อการร้าย จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการก่อการร้ายที่มุ่งทำลายสหรัฐ
สาม จวบจนวันนี้ เครือข่ายองค์กรศาสนานิกายวาฮาบีของซาอุดิอารเบียยังคงให้การสนับสนุนสหรัฐดังที่เป็นมา ในบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อัลคุด อัล อาราบี ที่เพิ่งตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษ ฉบับวันที่ 14 พฤศจิกายน ศกนี้ อ้างถึงคำวินิจฉัยสูงสุดทางศาสนา หรือฟัดวา ที่ประกาศห้ามมิให้มุสลิมนิกายวาฮาบีทำการสู้รบกับกองทัพสหรัฐในอิรัก และเตือนระวังชาวซาอุดิอารเบีย มิให้หลงผิดเชื่อคำหลอกลวงเพื่อไปร่วมรบกับพี่น้องมุสลิมในอิรัก (9)
ดอลลาร์และน้ำมัน: เหตุผลในการทำสงครามกับการก่อการร้าย
ความลับของพลังอำนาจทั้งปวงของสหรัฐนั้น ขึ้นอยู่กับการที่เงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักสกุลเดียวที่ทุกประเทศจำเป็นต้องใช้สำรองเป็นเงินตราต่างประเทศ เพื่อเตรียมไว้ใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการจากประเทศอื่นที่แทบทั้งหมดต้องใช้เงินดอลลาร์ ทั้งนี้โดยมีน้ำมันเป็นสินค้าที่จำเป็นที่สุดซึ่งแทบทุกประเทศจำเป็นต้องนำเข้า หรืออีกนัยหนึ่ง นานาประเทศต้องขายสินค้าเพื่อแลกเป็นดอลลาร์ เพราะถ้าไม่มีดอลลาร์ก็ซื้ออะไรไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดซื้อน้ำมันไม่ได้
บนความจำเป็นนี้เอง สหรัฐจึงสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพื่อใช้จ่ายและพัฒนาเศรษฐกิจของตนได้ด้วยการขายพันธบัตรสกุลดอลลาร์ที่มีสหรัฐเท่านั้นเป็นผู้ผูกขาดการผลิต ให้กับบรรดาประเทศต่างๆที่ปราศจากทางเลือก ทั้งนี้ด้วยราคาที่สูงเกินจริง และโดยไม่ต้องมีการแยแสกับภาวการณ์ขาดดุลการค้าระหว่างประทศ หรือภาระหนี้สินต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะเมื่อถึงเวลาครบกำหนดชำระเงิน สหรัฐก็เพียงแต่ขายพันธบัตรดอลลาร์ที่ผู้ซื้อจำเป็นต้องซื้อเพิ่มเติมอีกเช่นนี้ไม่มีวันสิ้นสุด หรืออีกนัยหนึ่งอำนาจของสหรัฐอยู่ที่ความสามารถในการหมุนหนี้นั่นเอง
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า น้ำมันคือปัจจัยที่สำคัญสูงสุดสำหรับทุกประเทศ แต่ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมันมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ด้วยเหตุผล 2 ประการ
ประการแรก คือ ตราบใดที่น้ำมันยังคงซื้อขายเป็นดอลลาร์ การค้าขายาแทบทั้งหมดของโลกก็ยังต้องเป็นดอลลาร์ อำนาจผูกชาดสหรัฐเหนือเศรษฐกิจโลกก็จะคงดำรงอยู่ต่อไป
ประเด็นที่สอง สหรัฐเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันเป็นอันดับหนึ่งของโลก ด้วยประชากรเพียง 5 % ของโลก สหรัฐบริโภคน้ำมันถึง 25 % ของการบริโภครวมของโลก และเพราะสหรัฐเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมันเพียง 3% ของโลก สหรัฐจึงต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันถึง 60%ของการบริโภคในประเทศ (10)
ยูโร: ผู้ท้าชิงที่สหรัฐเกรงกลัว
การริเริ่มสกุลเงินยูโรในปี 2542 เงินสกุลใหม่ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของสหภาพยุโรปเพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจากสกุลเงินดอลลาร์ เหตุการณ์นี้ มิเพียงแต่จะเป็นการท้าทายอำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐเท่านั้น ยังอาจจะนำไปสู่จุดจบของการเป็นมหาอำนาจสายเดี่ยวทั้งทางเศรษฐกิจและทางทหารของสหรัฐอีกด้วย เพราะเมื่อใดที่ประชาคมโลกปรับเปลี่ยนไปใช้เงินสกุลยูโรในการซื้อขายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันแล้ว ประเทศต่าง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นเงินดอลลาร์อีกต่อไป ที่น่าวิตกที่สุดคือไม่จำเป็นต้องซื้อพันธบัตรหรือลงทุนในสกุลดอลลาร์อีกต่อไป
หากสหรัฐไม่สามารถจะขายพันธบัตรหรือดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้อย่างต่ำวันละ 56,000 ล้านบาทต่อวัน เพื่อมาแก้ไขภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 20 ล้านล้านบาทต่อปีได้ ดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อนั้นสหรัฐก็จะกลายเป็นลูกหนี้เอนพีแอลรายใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ด้วยภาระหนี้ต่างประเทศมูลค่ากว่า 150 ล้านล้านบาท11 และต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก เช่นเดียวกับที่เกิดกับอาร์เจนตินาในปี 2544 ดังเช่นที่นายพอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของโลกได้ทำนายไว้
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ สหรัฐจึงจำเป็นต้องทำสงครามเพื่อบังคับให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกยังคงต้องพึ่งพาดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักต่อไปให้จงได้