ฤดูฝน เธอ และการกลับบ้าน
คอลัมน์/ชุมชน
ฝนเอย
พรูสายคล้ายดั่งดอกไม้ร่วง..
ในหยาดเม็ดใส
และเย็น
ฉันใคร่สัมผัสเธอ
ฤดูกาลแห่งความเงียบ
ที่ฉันแอบปิดจังหวะดนตรี
ให้เสียงฝนพรำเข้ามาแทนที่ยามดึก..
ยามดึก
ฉันลืมตาในความเงียบ....รู้สึกถึงความเย็นจากผนังไม้สีน้ำตาลในบ้านหลังเก่า
ความเย็นของฤดูฝน....ทำให้คนเราหลับสบายมากขึ้น..
นอกเสียจากว่า เราเลือกจะไม่หลับตาลงเท่านั้น..
ในความเงียบนั้น..ฉันใคร่อยากเปิดไฟ....
ในแสงไฟ....ฉันนึกถึงสมบัติส่วนตัวที่เก็บเอาไว้ในบ้านหลังนี้ กล่องกระดาษเล็กๆ
ซึ่งบรรจุจดหมาย, สมุดบันทึก,รูปถ่ายสมัยเด็กๆ และรูปถ่ายของ "เธอ"
สมัยที่เราเรียนชั้นอนุบาลและประถมด้วยกัน
หน้าตาเธอไม่เปลี่ยน..มีแต่รูปร่าง ทรงผม เสื้อผ้า การแต่งตัว..ที่ทำให้ฉันตระหนักว่า..
เราไม่ได้คุยกันนานแล้วจริงๆ ฉันพินิจถึงรูปถ่ายใบหนึ่ง เธอสวมเสื้อสีแดง
ตัวที่เธอใส่ตอนเจอกัน เมื่อฉันกลับบ้านครั้งที่แล้ว
......................................................
ตอนนั้นเป็นเดือนธันวาคม
เสียงมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านดั่งลั่นและเอิกเกริก
รูปร่างสูงใหญ่ เลื่อนมาหยุดตรงบันได..เธอตะโกนเรียกชื่อฉันเสียงดัง จนพ่อตกใจ
เฉิดชาย เพื่อนรักของฉัน..เธอซื้อมอเตอร์ไซค์คันใหม่ ทันสมัย ปราดเปรียวเหมาะกับเธอ..
มีเด็กเล็กๆ คนหนึ่งนั่งซ้อนท้าย เด็กสาวตัวน้อยๆ ค่อยๆ ไต่ลงมา..ยกมือประกบไหว้ ชวนให้อยากหยิกแก้ม..
เธอบอกว่าเป็นลูกสาว แล้วก็หัวเราะเสียงดัง ทำเอาคนในบ้านหัวเราะตาม
เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเธอยังไม่เจอคนในฝัน...และไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้ง
คนข้างบ้าน โพล่งเสียงถามเธอออกไปว่า
มีแฟนกับเขาหรือยัง และหน้าอกของเธอเป็นเป็นซิลิโคนหรือว่าเป็นยกทรง
ฉันรู้สึกละอายใจอย่างบอกไม่ถูก.. เฉิดชายยิ้มเจื่อนๆ และเลี่ยงคำถาม
มีเสียงหัวเราะ ขบขันในมุมมองที่ตลก แต่นั่นไม่ใช่สำหรับฉันและสำหรับเธอ
ฉันจึงเปลี่ยนคำถาม เรื่องพ่อแม่เธอ...หมาและแมว เพื่อนเก่าคนอื่นๆ ใครแต่งงานบ้าง และไปอยู่ที่ไหนกัน
เธอดูชอบใจที่จะเริ่มต้นเล่าเรื่องเหล่านั้นอย่างออกรส และรอยยิ้มก็ปรากฏแต้มใบหน้า
เราจากกันนานเกินไปหรือเปล่า..
เธอจะรู้ไหม กลับมาเยี่ยมบ้านคราวนี้.. ฉันรู้สึกประหม่า เก้อเขิน..ไม่กล้าสบตาเธอ
ฉันอยากขอโทษที่เอี้ยวตัวหลบอ้อมกอดของเธอ..เมื่อครู่ ..และฉันก็ใจหายกับรอยยิ้มหม่นๆ วูบหนึ่งที่แต้มหน้า
ฉันแค่คิดว่า..เราไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไปแล้ว..เราคงจะทำอย่างนั้นไม่ได้....
ฉันพาเธอเดินเลี่ยงขึ้นไปนั่งเล่นบนบ้าน..หาขนมให้เธอกิน
และแอบพินิจมองเธอ..
ผมของเธอย้อมเป็นสีแดง..เธอลูบมันแล้วจับสะบัดไปข้างหลัง..
ผมผ่านการดัดและย้อมดูเสียได้ง่าย...เธอบอกว่าอยากจะบำรุงผม..ด้วยครีมดีๆ ที่สั่งจากแคทตาล็อกฝรั่ง
เธอแกะลิ้นจี่สีสดแล้วยื่นมาให้ พร้อมบอกให้ฉันรีบชิมเสีย
ฉันรับมันมาจากนิ้วมือของเธอที่เรียวยาว..เล็บสีชมพูและผิวขาวนั้นเป็นสีเดียวกับใบหน้า
"เราอยากไปอยู่กรุงเทพฯ"
"อืม..อยากไปทำอะไรล่ะ"
"ไม่รู้สิ..อยากเรียนต่อ และก็ทำงาน.."
"ไม่อยากทำงานที่นี่เหรอ"
"ไม่มีงานที่อยากทำ"
"อืม แล้วจะไปทำงานอะไรล่ะ"
"จำเพลินได้ไหม..เพลินมันไปทำงานที่พัทยา เห็นบอกว่ารายได้ดี และก็งานสนุกด้วย"
"ที่อัลคาซ่าร์น่ะเหรอ" ฉันถามเสียงสูงและเลิกคิ้ว
"อืม..เราเห็นเขาประกวดมิสอัลคาซ่าร์นะ สวยๆทั้งนั้นเลย อยากไปอยู่อย่างนั้นบ้าง คงได้แค่ฝันล่ะ"
"อืม............"
ฉันรับฟังแล้วเงียบไป..เธอดูหงอยๆ ที่ฉันไม่ยินดียินร้ายกับเธอ
ฉันเคยมีความคิดว่า..งานที่มีคุณค่าคืองานที่เราได้ใช้ความคิดอย่างที่เราเรียนมา
หรืองานที่ทำเพื่อสังคมและคนอื่น โดยลืมไปอีกข้อหนึ่ง งานที่มีคุณค่าคืองานที่คนทำมีความสุขแท้จริงกับมัน
ท้ายสุด เธอก็สรุปไปว่าฉันไม่สนับสนุนเธอ .แล้วทำหน้าสลด
เธออยากให้ฉันพาไปพัทยา เมื่อฉันลังเล เธอได้แต่ตอบเบาๆ ว่าไม่เป็นไร...
ฉันยังอยู่บ้านหลายวัน เธอรบเร้าให้พาไปโรงเรียนเพื่อเยี่ยมครู เธอกลัวเขาไม่ต้อนรับ
เธออยากไปเยี่ยมเพื่อนคนอื่นๆ แต่กลัวพวกเขาจะจำเธอไม่ได้
เธอยังหัวเราะเวลาที่เล่า ไม่เห็นแม้แต่เงาของน้ำตา แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความเหงาที่อยู่ข้างใน
..
ยามดึก
ฉันลืมตาในความเงียบ....รู้สึกถึงความเย็นจากผนังไม้สีน้ำตาลในบ้านหลังเก่า
ฉันหลับตาไม่ลง..ทันทีที่พ่อเล่าเรื่องของเธอจบ.....
คืนจันทร์แรมที่เสื้อสีแดงของเธอกระจายอยู่ตามพื้นดิน..
ถนนสีเทานั้นเปียกชื้นไปด้วยฝน..และชำระเลือดสีแดงของเธอ
ให้จางไปกับฟางข้าวสีเหลืองริมทาง..และหาตัวคนผิดที่ฆ่าเธอไม่ได้
ฉันอดคิดไม่ได้ว่า เพราะฉันหรือเปล่า ถึงทำให้เธอต้องอยู่ที่นี่..แทนการมีชีวิตอยู่ที่พัทยา
ที่นี่...ซึ่งไม่มีใครรักในสิ่งที่เธอเป็น เพื่อนบางคนที่ไม่กล้าทักเธอในงานเลี้ยง
ผู้ชายของเธอที่ไม่เคยพาไปบ้าน อย่างมากก็เดินเลี่ยงเมื่อใครพูดไม่ดีกับเธอ
จวบจนใครที่ตัดสินและพาเธอจากไป
ฉันอยากร้องไห้..และก็ร้องไห้..ถ้าเพียงเธอจะได้ยิน..ฉันเพียงแต่อยากบอกว่า..
ฉันจะนั่งอยู่ข้างๆเธอ..ลูบหลังมือเธอเบาๆ..จับหัวจับไหล่ และยินดีจะกอดเธออีกสักครั้ง
และหลายๆครั้งเท่าที่เธออยากกอด
"มั่นใจในการมีชีวิตอยู่เถิด..เฉิดชาย"
ฉันได้แต่เก็บคำพูดที่คิดเอาไว้..อยู่เงียบๆข้างใน.. ปล่อยให้เสียงเม็ดฝนโรยตัวกระทบหน้าต่าง
เย็นเยียบ..และกระทบหัวใจให้ตื่น..แข่งกับเสียงร้องไห้ของตัวเอง
.................................