Skip to main content

เมื่อไหร่จะถึง..ฝั่งฝัน

คอลัมน์/ชุมชน








พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของฉัน ..


 


วันหยุดที่ฉันไม่อยากจะหยุดสักเท่าไหร่ ทำไมเหรอ? ก็เพราะฉันเบื่อที่จะอยู่บ้านเฉยๆนะซิ แต่จะให้ออกไปเที่ยวก็คงไม่สนุก เพราะบรรดาเพื่อนสนิททั้งหลายไม่มีใครว่างกันเลย ส่วนไอ้ที่คิดจะนัดหนุ่มสักคนไปเที่ยวด้วยกัน ฉันก็กล้าๆกลัวๆที่จะชวนเขา เห็นทีคงต้องอยู่เหงาๆที่บ้านคนเดียว


 


ไม่เป็นไรนา..ก็อยากอยู่เป็นโสดเองทำไม ไอ้ตอนที่มีคนมาขออยู่ด้วยช่วยกันหาร(ค่าใช้จ่าย) ฉันก็มัวแต่คิดโน่นคิดนี่ คิดมากซะไม่มี พออีตอนนี้นึกอยากมีใครเหมือนคนไม่โสดมั่ง  แล้วใครละจะรอ(เจ้าสาวกลัวฝน) จริงไหม?


 


เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ยังไงฉันก็อยู่บ้านคนเดียว หางานทำดีกว่า  คิดได้อย่างนี้ฉันก็ตรงไปที่ลังใส่หนังสือใบโต ตั้งแต่ขนมันมาจากบ้านนอก จำได้ว่าไม่เคยเปิดออก เพราะข้างกล่องเขียนไว้ว่า "หนังสือเรียนมหาลัย" ก็ฉันอีกนั่นแหละที่เขียนเอาไว้ ตั้งใจจะเก็บไว้ที่บ้าน แต่ตอนที่โทรบอกพ่อให้ส่งของมาให้ ดันบอกให้พ่อเอาของที่เก็บใส่ลังทั้งหมดส่งมาด้วย (ตัวเองส่งสารผิดเองจะโทษใครได้ละ) เอาเหอะ..ไหน ๆ มันก็ตามมาถึงกรุงเทพแล้ว เปิดดูสักหน่อยแล้วกัน


 


เอ้อ..มันก็ไม่มีอะไรนอกจากคู่มือ หนังสือ ตำราเรียนคอมพิวเตอร์ที่ไม่อัพเดทสักเท่าไหร่แล้ว และก็สมุดบันทึกเล่มฟ้าหนาเตอะ..


 


 สมุดบันทึกเล่มนี้จำได้ว่าฉันซื้อมันเมื่อตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง และก็เริ่มใช้มันบันทึกเรื่องราวของตัวเองในรั้วมหาลัยตั้งแต่นั้นมา


 


ฉันเปิดดูหน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก และที่หน้าสุดท้าย ลงวันที่ 19 มีนาคม 2546 มีข้อความตอนหนึ่งฉันเขียนว่า..


 


"ในที่สุดข้าพเจ้าก็เรียนจบสมดั่งที่รอคอย แต่ทว่า ข้าพเจ้ากลับรู้สึกเฉยๆกับความสำเร็จที่เพิ่งจะได้รับ ทั้งที่ควรจะดีใจ หรือเพราะตอนนี้คนที่สำคัญสุดในชีวิตของข้าพเจ้าเขาไม่อยู่แล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จะบอกความภาคภูมิใจอันนี้กับใครดี หรือที่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกดีใจ อาจเป็นเพราะรู้ว่าถึงเรียนจบแล้ว หากไม่มีงานทำมันก็เหมือนไม่สำเร็จอยู่ดี เพราะฉะนั้นสำหรับข้าพเจ้าการมีงานทำดีๆต่างหากที่เป็นตัววัดผลสัมฤทธิ์ของความสำเร็จที่แท้จริง"


 


และในกระดาษหน้าเดียวกันนี้ ฉันก็บันทึกในตอนท้ายว่า..


 


" เมื่อไหร่ข้าพเจ้าจะถึงฝั่งฝันสักทีนะ ทำไมยิ่งไขว่คว้า ยิ่งเห็นว่ามันห่างไกลออกไปทุกที"


 


อ่านถึงตรงนี้ ฉันรู้สึกว่าไอ้ประโยคที่เขียนว่า " เมื่อไหร่ข้าพเจ้าจะถึงฝั่งฝันสักทีนะ" มันดูเหมือน ณ ตอนนั้น ฉันยังเป็นคนที่มีความฝันและก็มีความหวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถทำความฝันนั้นให้เป็นจริงได้


 


แล้วตอนนี้ นานเท่าไหร่แล้วละ..ที่ฉันไม่เคยถามตัวเองเลย ไม่ใช่เพราะฉันลืมไปแล้วหรือ? ว่าตัวเองเคยฝันอะไรไว้  แต่งานที่รัดตัว เวลาที่มีน้อย ตลอดจนการแข่งขันและดิ้นรนเพื่อความเป็นอยู่ของชีวิตที่ดีกว่าในด้านสังคมและวัตถุนิยม มันได้ทำให้ฝันที่สวยงามของฉันได้หายไปเสียแล้วจริงๆ


 


ฉันทำความฝันหายไป แล้วยังจะตามหาอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตไม่เจอ แต่ก็ช่างเหอะ.. ฉันคงไม่ใช่คนเดียวในโลกสักหน่อย  ที่กำลังมีสภาพแบบนี้ อย่างน้อยคนใกล้ตัวฉัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท ผู้ร่วมงาน หรือคนรู้จักอีกหลายคน เขาก็ไม่ได้มีวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากฉันเลย


 


แล้วฉันควรจะทำอย่างไรดี? กับความฝันที่หายไป ..


กลับไปตามหามันดีไหม หรือจะฝันเอาใหม่ตอนนี้เลย แต่...เอ..พรุ่งนี้ฉันมีเวลาว่างทั้งวันนี่นา งั้นค่อยฝันวันพรุ่งนี้แล้วกันนะ ..


เอ้อ! แล้วถ้าฉันเป็นแบบนี้  ฉันจะถึงฝั่งฝันเมื่อไหร่นะ..(ก็แม้แต่ความฝัน ฉันยังผัดวันประกันพรุ่งเลย)