Skip to main content

จดหมายถึงพ่อ

คอลัมน์/ชุมชน

 


15 กันยายน 2548


กรุงเทพ  เมืองฟ้าอมร


 


กราบเท้าพ่อที่เคารพรักของลูก


 


พ่อเป็นไงบ้างครับ  สบายดีไหม หลายเดือนแล้วที่ผมไม่ได้โทรไปขอเงินพ่อ ภูมิใจไหมครับ ที่ผมเลี้ยงตัวเองได้แล้ว  นี่ถ้าพ่อรู้นะว่าตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่.. พ่อต้องคิดไม่ถึงแน่ๆครับ  ว่าไอ้ลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนี้จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนดีกับเขาได้ ผมไม่บอกดีกว่าครับ เพราะเดือนหน้าผมจะกลับบ้านแล้ว ให้พ่อเห็นเองดีกว่า..


 


พ่อครับ ที่บ้านเราเป็นไงบ้าง ปู่ยังกินเหล้าทุกวันเลยใช่ไหม และคงเมาเละให้พ่ออุ้มไปนอนอีกซิครับ น้องหลันละครับพ่อ มันมีลูกกี่คนแล้ว  ครั้งสุดท้ายผมจำได้ว่ามันกำลังท้องหลานคนที่สามให้พ่อ  เอ่อ..พ่อครับ  น้องนิ่มมีคนมาขอแล้วยัง ถ้ายัง..พ่อดูๆให้ผมหน่อยซิ คราวนี้ถ้าผมกลับไปป้าแย้มแกคงยินดีที่จะได้ผมเป็นเขยแน่ พ่อไม่ต้องกลัวนะว่าจะหน้าแตกเหมือนคราวก่อน ผมมั่นใจครับ


 


พ่อครับ ผมกลับบ้านคราวนี้ตั้งใจจะไม่กลับมากรุงเทพอีกแล้ว ที่ดินที่พ่อบอกว่าจะยกให้แปลงที่ติดภูเขานั้น ผมขอเลยนะครับ หลันมันคงไม่ว่าอะไร ถ้ามันไม่ยอมพ่อบอกไปเลยว่าผมจะยกที่ที่เป็นสวนยางของผมที่อยู่ข้างบ้านย่าให้มันแทน แต่ที่ดินเปล่าสามสิบไร่นั่นผมขอจริงๆ ผมจะเอาไว้ปลูกความฝันครับ พ่ออาจจะหาว่าผมเพี้ยน นึกบ้าอะไรขึ้นมาอีก แต่ครั้งนี้ผมตั้งใจจริงๆครับ


 


พ่อเคยสงสัยใช่ไหมว่า อดีตนักศึกษารามฯที่ต้องเรียนถึงหกปีจึงจะได้ปริญญาตรีอย่างผม จบแล้วจะทำอะไรได้ ตัวผมเองก็เคยสงสัยครับ ว่าชีวิตที่ห่วยๆนี้จะเอาดีกะเขาได้ไหม แต่ตอนนี้ผมไม่สงสัยอีกแล้วครับพ่อ เพราะผมรู้แล้วว่าตัวเองมีศักยภาพขนาดไหน มีคุณค่าอย่างไร ผมเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะมี จะเป็น อะไรๆ ที่เป็นที่ยอมรับของคนอื่นๆได้ ผมอยากให้พ่อเห็นผมตอนนี้จังเลยครับ


 


คิดถึงแม่นะครับพ่อ ชีวิตผมไม่เคยทำอะไรให้แกได้ชื่นใจสักครั้ง ซ้ำยังจะสร้างปัญหาให้ต้องคอยสะสางแก้ไขตลอดชีวิตของแม่ที่มีผมเป็นลูก ผมเสียใจครับ ที่เพิ่งจะมาคิดได้เอาตอนที่แกไม่อยู่เสียแล้ว  มันคงไม่สายไปใช่ไหมครับ..


 


ความจริงแล้วผมมีหลายเรื่องที่อยากจะเล่าให้พ่อฟัง แต่ไม่รู้ว่าพ่อจะเมื่อยตาหรือเปล่า.. จดหมายฉบับแรกในชีวิตของผม มันช่างยาวเสียเหลือเกิน พ่อก็รู้นี่ว่าผมพูดไม่เก่ง พ่อยังว่าผมนะมีดีตรงที่เป็นคนไม่เถียงพ่อเถียงแม่ ทำผิดก็เฉย ไม่ผิดก็เฉย เสียจนหลังๆมา(ตอนที่ผมโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว) พ่อจึงต้องเอาหวายลง ให้ผมร้องเสียบ้าง  เพราะคงจะเซ็งและทนกับอาการดื้อเงียบของผมไม่ไหวนั่นเอง


 


ยิ่งเขียนต่อเดี๋ยวผมก็จะเล่าให้พ่อฟังหมด ไม่มีอะไรเหลือให้พ่อแปลกใจเป็นแน่ งั้นผมขอเขียนถึงพ่อแค่นี้ก่อนนะครับ


 


เอ่อ ..เกือบลืมไปครับ พ่อยังจำคำพูดของตัวเองได้ไหม ไอ้ประโยคที่เคยท้ากับผมไว้นะ วันนี้ผมทำได้ตามที่พูดแล้วนะ เพราะฉะนั้นพ่อก็ต้องรักษาคำพูดของตัวเองด้วย เตรียมตัดชุดสีกากีให้ผมตอนนี้เลยกลับไป ..ผมจะได้มีใส่ไปรายงานตัว


 


 


ด้วยรักและเคารพยิ่งเหนือสิ่งใด


บ่าวนุ้ยของพ่อ