Skip to main content

คณะแสงดาวศรัทธามั่น ตอน อยู่ให้เพื่อนบายใจ

คอลัมน์/ชุมชน

 "มอแกลนก็ต้องเป็นมอแกลน เรามีภาษาพูดของเราเอง เราต้องพูดภาษาเรา ต้องยืนยัน ต้องมีค่ามีศักดิ์ศรี มีศรัทธา"  อ้ายแสงดาวว่า


 


"แต่เขาไม่ยอมรับเรา ที่โรงเรียนเด็ก ๆ ก็ไม่ได้พูดมอแกลน ถูกห้ามไม่ให้พูด ไปไหนก็ไม่กล้าบอกเขา เมื่อก่อนหนังสือเขาก็ไม่ให้เรียน ให้นับถือศาสนาพุทธ แต่เมื่อตายไปขอให้พระมาสวดพระก็ไม่มา"


 


"ถ้ายินยอมถ้ายอมแพ้ ใครก็ช่วยอะไรไม่ได้ อ้ายก็ช่วยไม่ได้ ไปโรงเรียนพูดภาษาไทย แต่กลับมาบ้านต้องให้ลูกหลานเราพูดมอแกลน พูดกับเพื่อนที่โรงเรียนก็พูดมอแกลน ไม่อย่างนั้นใครก็ช่วยไม่ได้  อ้ายช่วยไม่ได้จริง ถ้าไม่นับถือตัวเอง"


อ้ายแสงดาวขึ้นเสียงดังอย่างน่ากลัว ฉันรู้สึกใจหายใจคว่ำกลัวพี่น้องมอแกลนจะโกรธและเสียใจ


 


"ผมก็ไม่ลืมหรอกว่าเป็นมอแกลน" เขาพูดเสียงอ่อน ๆ "บรรพบุรุษผมก็ต่อสู้มาเป็นพันปี อะไรยอมได้เราก็ยอม  จึงถูกหาว่าโง่  เมื่อก่อนถูกขู่ว่า ไม่ใช่คนไทยและเดี๋ยวจะให้ทางการมาจัดการ  ถ้าเขาขู่อย่างนี้ก็ต้องยอมโง่"


 


"ถึงเราจะพูดภาษากลาง และเป็นไทยใหม่ เขาก็ไม่ยอมรับอยู่ดี แล้วเราก็จะสะสมความแค้น ความน้อยเนื้อน้อยใจ แต่ถ้าเรายืนยัน เขาก็ต้องยอมรับเรา เรายืนยันหรือเปล่า" อ้ายแสงดาวสรุป


 


"จี เข้าใจไหม จีอยู่นครศรีธรรมราช" เขาหันมาถามฉัน ฉันพยักหน้าให้เขายืนยันว่าเข้าใจจริง ๆ


 


"ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีเหตุที่มา คนเราต้องศรัทธาต่อกัน เชื่อมั่นต่อกัน ความหมายที่อ้ายแสงดาวว่าเป็นเช่นนั้น ความคิดของจีนะ จีว่าพวกเรามอแกลนต้องเข้าใจพวกแฉม ต้องเข้าใจเขาเหมือนกัน เขาถูกปลูกฝังมาอย่างนั้น บางคนเขาไม่รู้ความจริง"


 


"ใช่แล้วจี ต้องเป็นพันนันแหละ บรรพบุรุษผมต่ำต้อย"


"แล้วน้องคิดว่า ตายายเราเขารู้สึกพันนันเหอ พวกเรานี่แหละรู้สึก ตายายพวกเรา เขาก็ไม่ได้รู้สึก เขาก็อยู่ของเขาไป ที่เขาหนีให้พ้น ๆ เขารำคาญ เขาอยากอยู่อย่างสงบ เขาไม่ได้ต่ำต้อย เขาไม่ได้โง่ พวกที่เป็น "มอแกน" อยู่ติดทะเล เขาก็รู้แล้วว่าคลื่นมันมา ทะเลมีปัญหาแน่  เขาถึงหนีได้ วิ่งขึ้นเขาทัน พวกเราแข็งแรงด้วยวิ่งขึ้นเขาทัน"


 


"ตอนจีอยู่คอน จีเคยเห็นใช่หม้ายที่พวกมอแกลนออกไปขอของทำบุญ นั่นแหละพวกเขาไม่รู้ว่าเราไม่อยากขอ แต่มันจำเป็นต้องขอ เราต้องขอมาทำบุญให้ตายายเรา เพราะว่าถือกันมาว่าตายายเราเป็นคนขอมาก่อน เราก็เลยต้องออกไปขอของที่พวกจีทำบุญเดือนเอามาทำบุญให้ตายายเราต่ออีกทีหนึ่ง"


 


"ออ…จีเพิ่งรู้ แล้วไม่บอก แต่แม่จีใจดี ไม่ใช่แค่พวกมอแกลน เมื่อก่อนพวกที่อยู่ชายเลทำปลา ทำเคย เขากะเอาปลาเค็มปลาแห้ง เอาเคย มาให้มาแลกกับพร้าวกับสาร บ้านจีเอามากองไว้หน้าบ้านเลยแหละ ใครเอาไปเท่าใดก็เอาไป แต่ที่ไม่มีของมาฝากมาแลก มาขอไปเฉย ๆ กะได้"


 


"บอกแล้วจีเหอเขาไม่ฟัง เขาว่ามาขอกะเอาไป ให้ไปให้พ้น ๆ"


"เออ ไม่รู้ ปัญหาบางทีมันเกิดขึ้นเพราะไม่รู้  ไม่ฟัง แล้วไม่เจ้าใจ"


 


"เรื่องทำบุญ เรื่องแก้เหมย ไหว้ตายาย ไม่ทำไม่ได้ มีบางคนได้ผัวคนที่อื่น ไม่ทำไหร่สักอย่างเดียว ตายายก็ไม่ไหว้ ตอนหลังอยู่ไม่ได้ อยู่ไม่ติด มันร้อนอกร้อนใจ ต้องกลับมาทำตามเดิม ลองดีหลายคนแล้ว"


 


"จีก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง  ถ้าจีอยู่ที่นี้ คลื่นสึนามิมาจีตายเลย เพราะว่าพอน้ำแห้งจีก็ลงไปดูน้ำแห้ง พอคลื่นมาจีก็ไม่มีแรงวิ่ง จีกินแต่ของเลว ๆ จนอ้วนแต่ว่าไม่ใช่ไม่แข็งแรง"


 


"จีกลับมาอยู่บ้านตะ มาอยู่นี้กะได้" สาวหนึ่งชวนอย่างจริงจัง


"ผัวจีเอากะเอามากัน หาปลาให้กินเองนิ" เฒ่ามอแกลนวัยใกล้จะแปดสิบพูดเสียงดัง


"พวกจีเป็นแฉมพวกแรกที่มากินข้าวมานอนที่บ้านเรา" หนุ่มมอแกนว่า


 


"เห็นว่าตอนแรกกลัวพวกจีกินนอนไม่ได้ แต่ตอนนี้กลัวว่าพวกจีอีกินหมด" ฉันพูดแกล้งอำ แต่พวกเขาจริงจัง ถามว่าใครว่าใครว่า


"ม่าย ม่าย จีพูดเล่น"


 "พูดไหรพันนัน อย่าคิดพันนัน จียังกินปลาได้ไม่กี่ชาติเลย มาบ้านเราแล้วบายใจ ไม่ต้องไหร พวกจีบายใจ เราบายใจกะพอแล้ว"


 


ข้างนอกฝนโปรยปรายลงมา นอนฟังเสียงสายฝนหล่นลงมากระทบสังกะสี จริงของพ่อเฒ่าชีวิตแค่บายใจ เพื่อนบายใจเราบายใจ


 


เป็นคำถามของโลกได้เลยว่า "เราจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ให้อยู่กันอย่างบายใจ"


 


                                   


หมายเหตุ


ปลาบางชาติ คือปลาบางชนิด


 "เพื่อนบายใจเราบายใจ" อยู่ให้สบายใจและให้คนอื่นสบายใจด้วย (เพื่อนในความหมายของคนหมู่มาก)