Skip to main content

คณะแสงดาวศรัทธามั่น ตอน ท้ายที่สุดไม่ใช่สุดท้าย

คอลัมน์/ชุมชน









หมู่บ้านนี้มีมอแกลนเกือบทั้งหมด คนไทยหรือแฉมมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่พวกเขาต้องเลือกแฉมเป็นผู้ใหญ่บ้าน เพราะว่าแฉมมีรถกระบะจำเป็นต้องพึ่งพา โดยเฉพาะเมื่อเจ็บไข้ต้องไปโรงพยาบาล


 


พวกเขาเลือกผู้ใหญ่ที่มีรถยนต์  คล้าย ๆ พวกเราเลือกนายกรัฐมนตรีเพราะมีดาวเทียม เราต้องพึ่งพาดาวเทียมของเขาสำหรับยิงโทรศัพท์มือถือ


 


ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีหนุ่มมอแกลนใช้โทรศัพท์มือถือบ้างเหมือนกัน ไฟฟ้าก็เพิ่งเข้ามาใหม่ ๆ มีหนุ่มมอแกลนบางคนบอกว่า เขาไม่คิดจะใช้ไฟฟ้าเพราะไม่รู้จะใช้ทำไม และยืนยันว่าจะหาปลาเท่านั้น ไม่ออกไปรับจ้างข้างนอก


 


ตู้เย็นใหม่ ๆ ก็เพิ่งเข้ามา 1 ตู้  วันแรกที่เรามาถึง หนุ่มคนหนึ่งไปซื้อหมูมาให้ เมื่อเราไม่กิน เขาก็บอกว่าจะเอาไปฝากตู้เย็นไว้ เช้าวันต่อมาเขามาบอกว่า เราอย่ากินเลยนะหมู มันไม่สดไม่ดีแล้ว น้ำแข็งเกาะจนแข็ง ฉันรีบบอกตกลงไม่กินและบอกว่าของทะเลดีกว่า


 


หมูชาวมอแกลนกับหมูชาวเขาตัวเหมือนกัน น่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ตัวดำปากแหลม ขนหนา เขาเรียกว่าหมูขี้พร้า เขาเลี้ยงแบบปล่อยเดินไปเรื่อย หมู ไก่ หมา แมว เด็ก ผู้ใหญ่อยู่รวมกัน บ้านหลังเล็กไม่มีรั้วรอบขอบชิด


 


รถคันใหม่เพิ่งซื้อมา เป็นรถเก่าผุพัง แต่วิ่งได้ดี ขนมะพร้าวไปขายเอง  รับพี่น้องทั้งหมู่บ้านและรับแขกที่มาเยือน


 


วันนี้รถคันนี้จะมารับเราเพื่อส่งกลับบ้าน


 


พ่อเฒ่าแห่งท้องทะเลอายุใกล้จะแปดสิบ เอาปูดำมาให้ก่อนเราจะเดินทางกลับ เป็นปูดำที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็น เรียกว่าปูยักษ์ก็ได้ ตัวใหญ่ขนาดว่าวางลงบนจานกิโลใหญ่กว่าจานนั้น ก้ามของมันขนาดกำปั้น


 


เรารอรถแดงกลับมาจากขนมะพร้าว บัดนี้ปูยักษ์ถูกจับใส่กระสอบป่านเรียบร้อยแล้วพร้อมที่จะหิ้วขึ้นรถกระบะสีแดง ที่จะนำพวกเราออกจากพังงาสู่ภูเก็ต นัดรวมกลุ่มกันที่นั่น เพื่อนนักเขียนปักษ์ใต้จะเลี้ยงส่งกลับเมืองเหนือในคืนนี้


 


ทันทีที่มาถึงกันพร้อมหน้า ปูยักษ์ในกระสอบก็ถูกจัดการที่ร้านอาหารริมทะเลที่เกาะสิเหร่  หญิงสาวที่รับคำสั่งไม่ได้ตื่นเต้นอะไร คงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอ


 


 


 


กวีแสงดาวของเราใจอ่อนบอกว่า  เอาไปปล่อยดีกว่า ฉันขยิบตาให้กวีหยุดพูด มันเป็นอาหารของพวกเขา ปู ปลา กุ้งหอย คืออาหาร  เราไม่ได้เอาไปทิ้งไปขว้าง เป็นน้ำใจของผู้เฒ่า รับไว้ก่อน






 "ครึ่งหนึ่งผัดพริกไทยดำนะคะ  ส่วนอีกครึ่งหนึ่งแบ่ง ส่วนหนึ่งอบวุ้นเส้น อีกส่วนหนึ่ง นึ่งเฉย ๆ กินกับน้ำจิ้ม" เธอทวนคำสั่งและเดินหายเข้าไป


 


ของฝากจากพี่น้องมอแกลนยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ ความหวัง            


 


เมล็ดพันธ์แห่งความหวังถูกเพาะลงในใจของกันและกันแล้ว  ก่อนเดินทางกลับหนุ่มมอแกลนคนหนึ่งพูดว่า                           


 


 "วันก่อนผมได้ยินอ้ายแสงดาวพูดว่า สู้เพื่อความเป็นธรรมจะไม่โดดเดี่ยว ผมก็คิดนะ มันจริงเหรอ ตอนนี้เรากำลังกลัวบ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำที่จะรุกเข้ามา จะทำให้เราไม่มีน้ำดื่ม เพราะที่นี่เราดื่มน้ำบ่อ น้ำบ่อยังสะอาด แต่ถ้าบ่อกุ้งขยายมาเรื่อย ๆ เราจะทำอย่างไร"


 


จริงของเขา ถ้าไม่มีน้ำดื่มจะทำอย่างไร เพราะตั้งแต่เรามาอยู่ที่นี่ เราไม่ได้ซื้อน้ำดื่มเลยสักขวด ดื่มน้ำบ่อที่สะอาด


 


นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แต่เป็นเรื่องของชีวิต   ฉันรู้สึกเศร้า


 


ท้ายที่สุดเราก็กำลังเดินทางกลับบ้านที่เมืองเหนือ


 


เมื่อกลับไปถึงเมืองเหนือ หากใครถามว่า นักเขียนเดินทางไปที่นั่นทำไม


ฉันก็จะบอกว่า "ไปเพื่อบอกรัก" เหมือนที่แสงดาวศรัทธามั่นอ่านบทกวีทุกครั้งก็จะมีคำว่า ไอเลิฟยูต่อท้าย  และไพฑูรย์ พรหมวิจิตร เดินทางไปกับความฝันเสมอ


 


ชีวิตของมนุษย์เล็กกระจ้อยร่อย และสั้นนัก


นักเขียนเป็นส่วนที่เล็กเหลือเกิน เล็กเกินกว่าที่ใครจะฝากความหวังไว้ได้


 


ฉันรู้สึกละอาย


 


*********************


 


หมายเหตุ :  แฉม (มอแกลนเรียกคนไทยว่า แฉม)