Skip to main content

ไปเดทกันไหม

คอลัมน์/ชุมชน



จิรกาล


 


คติพจน์ประจำตัวคุณคืออะไร


 


สำหรับนายไบรอัน เฮิร์ซลิงเกอร์แล้ว เขาได้แรงบันดาลใจจากคำพูดของดรูว์ แบร์รี่มอร์ที่ว่า "ถ้าไม่กล้าเสี่ยง ก็นับว่าเกิดมาเสียเปล่า"


 


ดูเหมือนว่าคำพูดนี้จะช่วยผลักดันเขาได้เยอะทีเดียว เพราะมันทำให้เขา- - อดีตนักเรียนสาขาภาพยนตร์โนเนม - - ได้มีหนังของตัวเอง ได้แสดงนำ แถมยังได้ทั้งกล่องและเงินจากหนังเรื่องนี้อีกด้วย


 


หนังเรื่องที่ว่านี้คือ  "My Date with Drew"


 


 



 


www.thezreview.co.uk/.../ m/mydatewithdrew.jpg


 


 


"My Date with Drew" เป็นหนังสารคดีที่ไบรอัน เฮิร์ซลิงเกอร์, จอน กันน์ และเบรตต์ วินน์ ช่วยกันสร้างขึ้นภายใต้งบประมาณ 1,100 ดอลลาร์ที่ไบรอันได้มาจากเกมโชว์


 


แค่ 1,100 ดอลลาร์จะพอทำหนังจริงหรือ


 


พวกเขาวางแผนใช้เงินส่วนหนึ่งซื้อกล้องดิจิตัลวิดีโอจากร้านเซอร์กิตซิตี้  ซึ่งให้คืนสินค้าได้หากไม่พอใจภายใน 30 วันโดยไม่ถามเหตุผล! นั่นเท่ากับว่าพวกเขาไม่ต้องเสียค่าอุปกรณ์การถ่ายทำเลย แต่...ก็ต้องถ่ายทำให้เสร็จใน 30 วันนะ


 


แล้วเนื้อเรื่องล่ะ


 


ไบรอันหลงรักดรูว์ แบร์รี่มอร์มาตั้งแต่เห็นเธอในหนังเรื่อง E.T.เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เพื่อนๆ จึงเชียร์ให้เขาขอเธอเดท วินน์บอกเขาว่า ถ้าโชคดี ไบรอันก็จะได้เดทกับดรูว์ แต่ถ้าไม่ อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ทำหนังด้วยกัน


 


ไบรอันตอบตกลง เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นสารคดีที่เกี่ยวกับการขอดรูว์ แบร์รี่มอร์เดท…ภายใน 30 วัน


 


จะว่าไป นี่อาจเป็นพรหมลิขิตก็ได้ เพราะคำตอบสุดท้ายที่ทำให้ไบรอันได้เงินรางวัลจากเกมโชว์ก็คือ "ดรูว์ แบร์รี่มอร์"


 


อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า หนังเรื่องนี้อาจต้องใช้โชคช่วยล้วนๆ เสียแล้ว เพราะการที่คนธรรมดาอย่างไบรอันจะขอเดทกับดาราฮอลลีวูดคนดังอย่างดรูว์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เอาแค่โอกาสที่จะได้เจอเธอก็น้อยเต็มที


 


พวกเขาตัดสินใจใช้ "Six Degrees of Separation" ในการเข้าถึงดรูว์ นั่นคือ ความเชื่อที่ว่า คนเราจะเชื่อมโยงถึงกันภายใน 6 ต่อ หมายความว่า พวกเขาต้องหาใครสักคนที่รู้จักใครสักคนที่รู้จักใครสักคนที่รู้จักใครสักคนที่รู้จักกับดรูว์ (เอ่อ ไม่ได้พิมพ์ผิดนะคะ)


 


ระหว่างกำลังหาคนที่จะรู้จักใครสักคนฯ ที่ว่านั้น  ไบรอันก็ตระเวนถามความเห็นจากคนรอบข้างไปด้วย  สิ่งที่เขาได้กลับมามีทั้งเสียงสนับสนุน (ซึ่งแอบมีแววตาไม่เชื่อว่าจะทำได้อยู่นิดๆ) และเสียงคัดค้านความคิดที่แตกต่างของเขา


 


การทำตามความฝันก็นับว่ายากแล้ว แต่การต้องฟังเสียงคนรอบข้างด้วยดูจะลำบากยิ่งกว่า ถ้าเป็นเสียงเห็นด้วยก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเสียงบั่นทอนคงต้องเอามานั่งคิดต่อว่า จริงอย่างที่เขาว่าไหม  หรือว่าจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นแรงผลักดันเราให้ไปต่อได้อย่างไร


 


ขณะที่นั่งดูไบรอันหาทางขอเดทกับดรูว์ไปเรื่อยๆ  ฉันพบว่า แม้ว่าฉันจะไม่ได้คลั่งไคล้ดรูว์ แบร์รี่มอร์ แต่ฉันก็ติดตามไบรอันตระเวนไปทั่วเพื่อหาคนที่จะรู้จักกับใคร...ที่จะรู้จักกับดรูว์ เขาเป็นเหมือนตัวแทนทำตามความฝัน  ถ้าเขาทำสำเร็จ ก็ดูราวกับว่าฉันจะได้เดทกับดรูว์ไปด้วยเสียอย่างนั้น นั่นคงเพราะเขาเป็นตัวละครที่เป็นคนธรรมดาเหมือนอย่างเราๆ ที่กำลังทำในสิ่งที่ฝันไว้มานานแล้วล่ะมั้ง


 


ขอเปลี่ยนคำถามที่เคยถามไว้ได้ไหมคะ


"คุณได้ทำอย่างที่ฝันไว้หรือยังคะ"