มาม่าในชามตราไก่
คอลัมน์/ชุมชน
1
ถนนบ้านนอกมีแต่ฝุ่นเพราะยังเป็นดินลูกรัง
ลมแล้งพัดมาและหอบฝุ่นปลิวสูงขึ้นทาใบกล้วย ใบกล้วยฉีกแล่งตามแรงลมพัด ฉันเดินจูงมือเด็กหญิงผมเปีย เตาะแตะ เตาะแตะ มุ่งสู่บ้านใหญ่ที่มีกะละมังสังกะสีครอบเสาไม้ไผ่สูงพ้นหลังคา นั่นล่ะ เสาทีวีบ้านนอก
เสียงดนตรีคุ้นหูแว่วมา เป็นสัญญาณว่ารายการโปรดกำลังเริ่มแล้ว เด็กผมเปียจ้ำเท้าเร็วขึ้น มือป้อมๆ กระตุกชายเสื้อถี่ๆ
"เร็วพี่ เดี๋ยวไปไม่ทันตอนเริ่มเรื่อง"
ในบ้านใหญ่ บนไม้กระดานปูชิดเรียบลื่น เด็กเล็กหญิงชายนับสิบนั่งเรียงแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย ตาวาวจ้องกล่องสี่เหลี่ยมอย่างตื่นเต้น
เด็กผมเปียนั่งลง ตาวาวไม่แพ้ใคร ฉันนั่งลงข้างๆ เบื่อเล็กน้อยที่ต้องมาเป็นเพื่อนน้องดูทีวีทุกวันอาทิตย์ แต่ทำไงได้ นี่เป็นสิ่งที่พ่อแม่มอบหมาย
2
อาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า
พ่อแม่ยังไม่กลับจากธุระนอกบ้าน หมูหมากาไก่ส่งเสียงเซ็งแซ่ หมูก็หิว คนก็หิว ไก่ก็ร้อง หงุดหงิดรำคาญเหลือแสน แต่พอเหลียวมองเด็กผมเปียเสื้อแดง เห็นนั่งตาแดงๆ บนขั้นบันไดครัวก็อดใจอ่อนไม่ได้
"หิวหรือ"
ฉันถามน้อง ทั้งที่ไม่ต้องถามก็แทบจะได้ยินเสียงท้องร้องลั่นโครกคราก
"ทำไมกินเก่งจังเรา"
ฉันทำเสียงดุ เป็นพี่ก็ดีอย่างนี้แหละ เอกสิทธิ์เล็กๆ น้อยๆ
"รอเดี๋ยวก็แล้วกัน จะทำกับข้าวให้กิน"
ฉันเกลียดการก่อไฟที่สุด โดยเฉพาะการก่อด้วยฟืนในเตาอั้งโล่ ใครอยากชำนาญด้านนี้ก็เชิญเถอะ กว่าจะจุดสนน้ำมันวางเป็นเชื้อไฟ รอให้ไฟติด รอจนไฟลุก แต่ก็นั่นแหละ ขอพูดอีกที จะทำไงได้
ในที่สุดไฟก็ติด เอาละ ฉันเริ่มสนุก ลากกระทะลงมาจากฝา หยิบไข่จากรัง (สดน่าดู) มา 2 ฟอง ตอกไข่คนไว้ เทน้ำมันลงไป ได้ที่แล้วก็เทไข่ลง เสียงดังฉ่า!
"เอาฟูๆ เลยนะ"
ฉันหันไปบอกเด็กผมเปีย แต่เสี้ยววินาทีที่ตวัดตะหลิว อ้ายไข่ไม่รักดีก็กระเด็นออกนอกกระทะ สลบเหมือดบนพื้นที่มีแต่ฝุ่นและรอยตีนไก่
เด็กผมเปียหน้าเหยเกฉันยืนถือตะหลิวค้าง หงุดหงิดอยากด่าทั้งกระทะทั้งไข่ แต่เห็นน้ำใสๆ คลอเบ้าตาก็ใจอ่อนอีกตามเคย
3
"เป็นไง"
ฉันถามเด็กผมเปีย ที่ตอนนี้นั่งก้มหน้าสาวเส้นมาม่าแบบเอาเป็นเอาตาย
"อร่อย"
เธอยังมีหน้าหันมายิ้ม แก้มแดงเพราะความเผ็ด เหงื่อออกท่วมหัว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง คงไม่รู้หรอกว่าฉันใส่พริกไปเยอะ หวังว่าเธอจะกินช้าๆ เพราะฉันกินเผ็ดได้มากกว่า :-)
ในชามตราไก่ใบโต มีเส้นมาม่าล่องลอยหยิบมือหนึ่ง (ก็มาม่า 1 ซอง) นอกนั้นคือก้านและใบเขียวอื๋อของผักบุ้งท้องนา ฉันอุตส่าห์ไปเด็ดมาตั้งกะละมัง หวังดีกลัวเธอกินไม่อิ่ม
แต่เธอไม่ทันอิ่ม ฉันก็เป็นฝ่ายอิ่มเสียก่อน เมื่อเห็นมือป้อมๆ พยายามใช้ช้อนควานหาเส้นหยักๆ ยาวๆ กลางทุ่งผักบุ้งต้ม
"เอามานี่มา"
ฉันคว้าชามตักผักบุ้งทิ้ง ตักพริกออก นึกในใจว่าถ้าพรุ่งนี้มีของอร่อยๆ กิน ฉันจะกินให้น้อยหน่อย
4
วันนี้เด็กคนนั้นตัดผมเปียทิ้งแล้ว
เธอคงมีโอกาสลิ้มรสไข่เจียวแสนวิเศษนับครั้งไม่ถ้วนตามใจต้องการ มาม่าหรือก็คืออาหารสำเร็จรูปหาซื้อง่ายดาย แถมไร้คุณค่าอาหารอีกด้วย นอกจากจะเติมเอาเอง แต่กระนั้น ต้องโอชารส กว่ามาม่าในทุ่งผักบุ้งแน่นอน
ฉันได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากห้องของเธอ ดนตรีดังแว่ว สลับเสียงพรมนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ด
เธอบอกว่าวันนี้กำลังเขียนหนังสือ นอกเหนือจากงานประจำจะทำหนังสือและโปสการ์ดทำมืออีกด้วย ฉันก็ได้แต่เอาใจช่วย ขอให้หนังสือของเธอขายดี
เธอบอกว่า
"ขายดีไม่ดี ได้เขียนออกมาก็มีความสุขมากแล้ว"
ฉันก็เลยบอกเธอไปว่าดีแล้ว เพราะถ้าวันไหนฉันทำกับข้าวให้เธอกินอีก อร่อยไม่อร่อยก็ขอให้คิดว่าใจจริงแล้วฉันอยากให้เธอกินอร่อยมากๆ
เพราะเวลาเธอกินอะไรอร่อยมากๆ เธอจะลืมตัวลืมตาย ดูมีแรงบันดาลใจท่วมท้น
เขาว่าคนเขียนหนังสือควรมีแรงบันดาลใจบ่อยๆ ว่าแล้วเย็นนี้กลับมากินข้าวบ้าน
นะน้องนะ :-)
......
ปล.
สวัสดีเด็กๆ ทุกคนด้วยค่ะ ขอให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่สุขภาพดีและจิตใจแข็งแรง
อ้อ! และ อาทิตย์นี้ชมภาพ (ถ่าย) แบบแอบสแตรกกันนะคะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
|
|
|
|
|
|
|
|