Skip to main content

เด็กๆ มีสิทธิได้รับการป้องกันมิให้อับอาย

 


 


นักการเมืองคนหนึ่ง  ตำรวจคนหนึ่ง   นายแพทย์คนหนึ่ง  มารดาคนหนึ่ง  และเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง  รวม 5 คนปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนบนจอทีวีตอนเช้าวันหนึ่ง


 


เด็กผู้หญิงคือเหยื่อของการถูกทำร้าย   


 


ตอนแรกเธอเป็นเหยื่อของการถูกทำร้าย    ตอนหลังเธอเป็นเหยื่อของการกระทำรุนแรงต่อเด็กและสตรี     ตอนแรกผู้กระทำคือคนร้าย    ตอนหลังผู้กระทำคือสื่อ


 


เช้าวันที่หนึ่งหลังเกิดเหตุ   ทีวีแพร่ภาพคนทั้ง 5 ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าใครเป็นใคร   เด็กหญิงมีผ้าพันแผลคลุมใบหน้าไว้ประมาณครึ่งหนึ่ง   ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งบวมช้ำจนผิดรูปผิดร่าง   กล้องจับภาพใบหน้าเด็กหญิงชัดๆโดยไม่มีความพยายามที่จะปิดบัง   แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เห็นใบหน้าแท้จริงของเธอเพราะใบหน้านั้นบวมและฟกช้ำอย่างมาก   แต่นั่นมิใช่ประเด็น


 


ประเด็นคือเราปล่อยให้เกิดการแพร่ภาพเหยื่อออกหน้าจอโทรทัศน์ไปทั้งประเทศ  ทั้งๆที่เหยื่อเป็นเด็กและสตรีที่ควรได้รับความคุ้มครอง


 


สำนึกเรื่องการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของเด็กและสตรีที่ถูกกระทำรุนแรง  ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือทางเพศนั้นควรอยู่ในใจของทุกคนตลอดเวลาและพร้อมใช้ทันทีเมื่อถึงเวลา


 


นั่นคือนักการเมืองท่านนั้นควรทราบว่าไม่ควรปล่อยให้สื่อถ่ายภาพ 


ตำรวจท่านนั้นควรทราบว่าไม่ควรปล่อยให้สื่อถ่ายภาพ 


นายแพทย์ท่านนั้นควรทราบว่าไม่ควรปล่อยให้สื่อถ่ายภาพ 


สื่อด้วยกันเองควรทราบว่าไม่ควรปล่อยให้สื่อถ่ายภาพ  และสื่อควรทราบว่าตนเองไม่ควรถ่ายภาพ


 


เมื่อเกิดการถ่ายภาพขึ้นแล้ว   ใครต่อใครที่สามารถสกัดมิให้ภาพใบหน้าของเด็กแพร่ภาพออกโทรทัศน์ควรทราบว่าเด็กๆมีสิทธิได้รับการป้องกันมิให้อับอาย    เพราะฉะนั้นไม่ควรแพร่ภาพ    แม้จะแพร่ภาพแล้วปล่อยเบลอก็ไม่ควร


 


การถ่ายภาพควรเป็นหน้าที่ของตำรวจเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย    ตามกฎหมายต้องมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์อยู่กับเด็กในขั้นตอนสอบสวน    บางทีนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์อาจจะต้องอยู่กับเด็กตั้งแต่มีการรับแจ้งเหตุเพื่อป้องกันมิให้เกิดการถ่ายภาพโดยไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตามกฎหมาย     เพราะนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์จะเป็นกลุ่มวิชาชีพที่มีสำนึกเรื่องนี้ตลอดเวลา


 


เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน    ถ้าเป็นเราเองถูกละเมิด   เรายินดีให้ถูกแพร่ภาพหรือไม่    คำตอบคือไม่   เราต้องการการปกปิดข้อมูลอย่างสิ้นเชิงหรือไม่   คำตอบคือใช่  คนทุกคนต้องการให้จับคนร้ายได้    แต่ก็ต้องการให้ปกปิดข้อมูลของตนเองอย่างสิ้นเชิงด้วย


 


แน่นอนว่าคนในละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงจะทราบเรื่องไม่มากก็น้อย   แต่การปกปิดตนเองอย่างสิ้นเชิงย่อมทำให้จำกัดวงความอับอายได้ง่ายขึ้น


 


แต่กรณีของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อครั้งนี้มิใช่    การแพร่ภาพใบหน้าคุณแม่อย่างชัดเจนทำให้ความอับอายกระจายออกไปมากกว่าบ้านใกล้เรือนเคียงทันที


 


ประเด็นสำคัญคือ ณ ตอนนี้เด็กยังไม่ได้รู้สึกอับอายอะไรมากนัก  เพราะกำลังช็อค   เจ็บแผล  สับสน  มึนงง   จับต้นชนปลายไม่ถูก  แม้ว่าเด็กจะมีสติสัมปชัญญะดี  ตอบคำถามได้ครบถ้วน  แต่เด็กยังไม่เป็นตัวของตัวเอง  และยังไม่ทราบว่าชีวิตจะดำเนินไปอย่างไร


 


ความอับอายจะตามมาในอีกประมาณสองสัปดาห์ถึงสามเดือนนับจากนี้   และจะรุนแรงมากกว่าที่ควรจะเป็นเมื่อทราบว่าวันเกิดเหตุภาพของเธอถูกแพร่ออกไปกว้างขวางเพียงใด


 


วันที่สองหลังเกิดเหตุ   ทีวีบางช่องปล่อยเบลอภาพของเธอที่ใบหน้า  บางช่องทั้งร่างกาย  บางช่องยังคงจับภาพใบหน้าอย่างชัดเจนและไม่ปล่อยเบลอเลย  


 


ถัดจากภาพเป็นเรื่องของเสียง   เสียงโอดครวญดังลั่นจอโทรทัศน์อย่างเจ็บปวดนั้นมีประโยชน์อะไร   สื่อต้องการให้สังคมได้ยินเสียงเหล่านั้นเพื่ออะไร  เพื่อให้พ่อแม่สอนลูกให้ระวังตัว    เพื่อกระตุ้นความโกรธแค้นของสังคม   หรือเพื่ออะไร


 


คนเราเวลาเจ็บปวดมีสิทธิส่งเสียง   แต่ก็มีสิทธิได้รับการป้องกันศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ด้วย     โรงพยาบาลเป็นพื้นที่ที่อนุญาตให้คนๆ หนึ่งส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดได้โดยไม่สูญเสียศักดิ์ศรี    แต่หลังจากนั้นคนทุกคนอยากลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น   อยากลืมว่าตนเองเคยร้องครวญครางขณะที่ผู้ป่วยเตียงข้างๆกลับนอนเงียบกัดฟันอดทนความเจ็บปวดได้    เสียงแสดงความเจ็บปวดนั้นยามเกิดขึ้นผิดที่ผิดทางจะนำมาซึ่งความอับอายในภายหลัง


 


ถัดจากเสียงเป็นเรื่องคำบรรยาย   คำบรรยายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ "พื้นที่ปกปิด" นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากถึงมากที่สุด   ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม   เด็กมีสิทธิได้รับการป้องกันมิให้คนทั้งประเทศทราบว่าพื้นที่ปกปิดมีลักษณะเป็นอย่างไร   ไม่ว่าภยันตรายนั้นจะรุนแรงมากน้อยเพียงใดก็ตาม     ความรุนแรงมิได้ตัดสินกันที่กายภาพแต่เพียงอย่างเดียว     แต่ตัดสินกันที่ความอับอายในภายหลังด้วย


 


การป้องกันการกระทำรุนแรงต่อเด็กและสตรียังเป็นเรื่องอ่อนหัดมากในบ้านเรา   สำนึกช้าหรือไม่สำนึกเอาเสียเลย   วิชาชีพทุกกระบวนการต้องว่องไวกว่าเดิม    ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ  แพทย์  นักการเมือง  และสื่อ     อย่าลืมว่าเหยื่อและแม่เป็นผู้ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร   เราคนทำงานจึงต้องเป็นผู้รู้และทำงานให้สมกับความเป็นมืออาชีพมากกว่าที่เป็นอยู่