เมื่อฟองสบู่อสังหากำลังก่อตัวขึ้นทั่วโลก

ในสหรัฐอเมริกาเกิดสถานการณ์ของภัยธรรมชาติพายุเฮอริเคน "แคทรีนา" ถล่มในนิวออรีนส์และหลายเมืองในแถบใกล้เคียงกัน  ทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อชาวเมือง  ความอดอยาก อาหารส่งมาไม่ทันเหตุการณ์ เกิดโจรกรรมบ้านเรือนและทรัพย์สิน โดยการฉวยโอกาสจากสถานการณ์สับสนอลหม่าน ผู้คนไร้บ้านพักอาศัย ทางราชการไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที จนชาวเมืองร้องถึงทำเนียบขาวว่าดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยล่าช้า เหตุการณ์ครั้งนี้ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช บอกว่าร้ายแรงกว่าสึนามิหลายเท่า

ความผันผวนของสถานการณ์โลกจากความไม่ปลอดภัยในชีวิต  มีด้วยกันหลายครั้งภายในไม่กี่ปีติดๆ กัน เป็นสัญญาณของความไม่แน่นอนในปัจจัยลบของการลงทุน ของนักลงทุน เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจอเมริกาสามารถโตได้เพราะการลงทุนในตลาดหุ้นและหลักทรัพย์ เมื่อ อลัน  กรีนสแปน ออกมาแถลงข่าวว่า ธุรกิจหลักทรัพย์กำลังจะก่อให้เกิดปัจจัยราคาที่แพงเกินจริง  โดยมูลค่าของหลักทรัพย์กำลังจะเกิดฟองสบู่ (Bubble Assets) เมื่อมูลค่าการใช้งาน (Used Value) มีราคาน้อยกว่ามูลค่าแลกเปลี่ยน (Exchange Value) มาก ทำให้เกิดการแสวงหาส่วนต่างที่เกินจริงขึ้นมาทำให้เกิด การเก็งกำไร (Speculation) เกิดขึ้น และสัญญาณนี้ไม่ใช่แค่ในอเมริกาแต่กำลังจะก่อตัวขึ้นทั่วโลก

ในเซี่ยงไฮ้ราคาที่อยู่อาศัยในย่านธุรกิจแพงขึ้นเท่าตัวจาก 5 – 7 ปีที่แล้ว ในซิดนีย์มูลค่าอพาร์ทเมนต์ ห้องชุดราคาสูงขึ้นจนเห็นได้ชัด นักธุรกิจและนักเก็งกำไรด้านอสังหาริมทรัพย์กำลังง่วนอยู่กับการติดตามสถานการณ์ของการก่อสร้างตามแหล่งทำเลดี จนต้องเก็บที่ดินไว้ใน LAND  BANK

การเฟื่องฟูของธุรกิจหลักทรัพย์นั้น เป็นผลพลอยได้มาจากกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในกองทุนความเสี่ยง (Hedge  Fund)ได้รับกำไรมหาศาลของตลาดน้ำมันล่วงหน้า จึงถ่ายเทเงินทุนออกไปซื้อ ทองคำ, เงินตรา และที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดการกระเตื้องขึ้นของราคาหลักทรัพย์ และฟองสบู่กำลังจะก่อตัวกระ เพื่อมขึ้นจากลูกเล็กๆ ........ใหญ่ขึ้นๆ.....

ธรรมชาติของการเกิดฟองสบู่นั้นมักเป็นไปภายใต้สภาวะความเจริญเติบโตมากๆ จนกระทั่งต้องสลายฟองไปเองตามธรรมชาติของมัน รัฐบาลในประเทศต่างๆ จึงพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เกิดสภาวะฟองสบู่แตก หรือควบคุมไม่ให้ฟองสบู่โตมากจนกระทั่งอันตรายไปทั่วระบบ เช่น อลัน  กรีน สแปน เพิ่มดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และตรวจสอบธุรกรรมของบริษัทหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิด

รัฐบาลจีนชื่นชมยินดีต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศอย่างมาก  การผลิตภายใต้วัตถุดิบที่แพงขึ้นมาก ทำให้จีนจะต้องปรับตัวสูงขึ้นมาจากเดิม เพราะยิ่งผลิตมากมูลค่ากำไรต่ำลง เศรษฐกิจของโลกไม่มีความสมดุล เนื่องจากความผันผวนจากการลงทุน เช่น จีนมีเงินทุนสำรองมาก และได้ดุลการค้ามาก แต่การลงทุนกลับไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในอเมริกา ซึ่งผลตอบแทนไม่มากนัก แต่อเมริกากลับควบคุมตนเองไม่ได้ในดุลการค้า ซึ่งขาดดุลจีนมหาศาล นโยบายของรัฐบาลอเมริกา ถูกโจมตีจากวิชาการ เช่น พอล  ครุกแมน (Paul  krugman) , นอรม  ชอมสกี้ (Norm  Chomsky) ว่าอเมริกาหลอกลวงโลก และหลอกลวงอเมริกันชน ด้วยกันเอง กรณีรัฐใช้เงินในงบประมาณต่อต้านการก่อการร้ายที่จอมปลอม เพื่อการเป็น รัฐบรรษัทนิยม หรือ ระบบทุนนิยมบรรษัท เป็นมหาอำนาจที่กุมเศรษฐกิจและการเมืองควบคุมกิจการของ อุตสาหกรรมต้นน้ำของโลก (Upstream) เช่น น้ำมัน "ถ้าฟองสบู่จะเกิดอีกสักครั้งคงจะต้องทำนายว่าจะเป็นประเทศใดกันระหว่างจีนหรืออเมริกา"