Skip to main content

ผู้หญิงท้องได้

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


ติดตามข่าวคราวบ้านเมืองมาก็นาน เห็นว่ามีข่าวอยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ต่อสังคมเลย แต่กลับขายได้ หรือถูกนำมาขายอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ เรื่องของดารา "ท้องก่อนแต่ง" สังเกตกันไหมว่า หากมีดาราคนไหนประกาศแต่งงานแล้วละก็ จะต้องถูกจับตาและนับเดือนกันทันทีว่า คลอดเดือนไหน โดยที่ก็ไม่รู้จะนับกันไปทำไม


 


                                                    


         


 


น่าแปลกไหม ที่แม้ว่าโลกจะก้าวไปไกลขนาดไหนก็ตาม และก็รู้กันดีว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ต้องมีพิธีกรรม (หมายถึงการแต่งงาน) ก่อนนั้นแทบจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับสังคมไทย แต่การท้องก่อนแต่งก็กลับเป็นเรื่องที่ถูกจัดว่า เรื่องเสื่อมเสียและน่าละอายอยู่ ผู้ใหญ่ไทยส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้วิธีการสอนให้เด็กท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทองอยู่ได้ว่า เกิดเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว โดยคนที่ถูกสอนนั้นก็หารู้ไม่ว่าแบบไหนถึงเรียกรักนวลสงวนตัว หรือสงวนไว้ทำอะไร แล้วถ้าไม่สงวนแล้วนอกจากชาวบ้านจะนินทาบ้างประปรายแล้วอะไรจะเกิดขึ้นหรือ


 


แต่การฝังหัวเอาไว้ว่า ให้รักนวลสงวนตัวนี่เองที่ทำให้ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องตั้งท้องด้วยแล้วถูกตัดสินว่าเป็นหญิงไม่ดี ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำมาหากินหาเลี้ยงครอบครัว หรือจะทำนุบำรุงศาสนา หรือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แค่ไหนก็ตาม  แต่การท้องก่อนแต่งกลายเป็นเรื่องของการทำผิดที่ร้ายแรงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นดาราทำก็ยิ่งเป็นเรื่องเสื่อมเสียมากกว่าคนทั่วไป เพราะเป็นไปตามสูตรที่อ้างว่า ดาราเป็นคนของประชาชนจึงจำเป็นที่จะต้องทำตัวอย่างที่ดีให้กับสังคม


 


จึงเป็นเหตุให้ผู้คนเลยต้องจับตามองดาราทั้งหลายเมื่อประกาศแต่งงานว่าจะท้องก่อนแต่หรือเปล่า เพื่อจะได้สะใจว่า เชอะ! ที่แท้ก็ไม่เห็นเป็นคนดีเลย หรือไม่เช่นนั้นก็ทำท่าตื่นเต้นตกใจกันเกิดเหตุว่า ต้าย! ......ท้องหรือ แล้วเมื่อมีข่าวเรื่องดาราท้องก่อนแต่งกันมากๆผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็เกรงว่าเยาวชนจะเอาอย่างอีก ดูแล้วก็น่าสงสารเยาวชนไทยที่ถูกมองว่าคิดอะไรเองไม่เป็น คอยแต่จะเอาอย่างดาราอย่าเดียว และยิ่งสงสารดารา ค่าที่ถูกมองว่าไม่ใช่คนธรรมดา กลายเป็นนางฟ้า เทวดาที่ทำผิดไม่ได้ แม้จะอยู่วัยเดียวกับเยาวชนก็ตาม


 


มีประเด็นนำเสนอในที่นี้อยู่สัก 2-3 ประการก็คือ ประการแรกคือ อยากจะเรียกร้องให้คนไทยทั้งหลายช่วยหันมาอยู่บนความเป็นจริงกันหน่อยเถอะว่า "ผู้หญิงท้องได้"   ดังนั้น จึงไม่ควร "ตื่นเต้น" หรือ "ตกใจ"  หากใครจะท้องก่อนแต่ง แต่ควรจะตกใจถ้าผู้หญิงไม่รู้ว่าไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมาแล้วสามารถตั้งท้องได้ และจะต้องตกใจมากด้วย หากผู้หญิงที่อายุอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ที่มีอายุมากพอสมควร รวมทั้งมีการศึกษาอีกต่างหาก แต่ตั้งท้องแล้วไม่รู้ว่าตัวเองท้อง เพราะนั่นแสดงว่าสังคมเราเป็นสังคมอวิชชาอย่างสิ้นเชิงกล่าวคือ เป็นสังคมที่ขาดความรู้อย่างยิ่ง เพราะแม้กระทั่งการกำเนิดซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่กับตัวและพื้นฐานที่สุด  เราก็ยังไม่รู้กันเลย


 


ประการต่อมาที่อยากจะขอร้องก็คือ เลิกการรณรงค์แบบนกแก้วนกขุนทองเสียทีเถิดว่า ให้ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว เพราะเป็นการรณรงค์ที่รังแต่จะทำให้ผู้หญิงไม่รู้จักแม้กระทั่งเนื้อตัวและร่างกายของตนเอง  ตามไม่เท่าทันพัฒนาการ หรือระบบการทำงานของร่างกายของตนเอง จนเป็นเหตุให้จะป้องกันหรือจะแก้ไขปัญหาที่เกิดกับตัวเอง ล้วนเป็นไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทั้งสิ้น


 


แต่ในทางกลับกันควรจะให้ทุกคนทั้งผู้หญิงและผู้ชายนั้นรู้ว่า ผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือ เริ่มตั้งแต่มีประจำเดือนแล้ว หากไปมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันจะสามารถตั้งท้องได้ นอกจากนั้นสิ่งที่ต้องเน้นมากๆ คือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร  อันหมายถึงสรีระและวุฒิภาวะยังไม่พร้อมที่จะรับและรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น ว่าจะมีปัญหาใดๆ ตามมาบ้าง เช่น  ปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับอวัยวะภายใน รวมไปถึงการเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ และความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปีกมดลูก ปากมดลูก หรืออะไรต่างๆ  เป็นต้น เพราะคงป่วยการที่จะบอกว่าผิดศีลธรรมในยุคนี้ แต่ต้องบอกถึงผลที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากว่า เพื่อให้เยาชนสามารถจะยั้งคิดก่อนที่จะตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ แทนการบอกว่าให้รักนวลสงวนตัว


 


นอกจากนั้น ควรอย่างยิ่งที่จะสอนให้ทั้งหญิงและชายควรจะเตรียมพร้อมที่จะรับสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา หลังจากที่ได้มีเพศสัมพันธ์ไปแล้วทั้งกรณีของผลกระทบที่เป็นทางกายและทางจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นเรื่องการรับผิดชอบที่ผู้ชายที่จะมีต่อผู้หญิง และต่อการกระทำของตนเอง  เลิกคำพูดที่ว่าเป็นผู้ชายไม่มีอะไรจะเสียหาย แต่ควรจะบอกว่า ผู้ชายที่ไม่รู้จักรับผิดชอบก็จัดเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ความที่สุด


 


ดังนั้น จึงถึงเวลาที่จะต้องยินดีกับผู้หญิงที่รู้ว่า ตนเองมีความพร้อมที่จะมีลูกและจะเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นเป็นคนมีคุณภาพต่อไปได้ แล้วเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะมีลูก ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะผ่านพิธีกรรมบอกกล่าวกับสังคมหรือเข้าพิธีสมรสหรือไม่ก็ตาม ไม่ควรจะต้องให้มาเป็นประเด็นอีกต่อไป อีกทั้ง ควรจะให้กำลังใจหากผู้หญิงใดพร้อมที่จะเลี้ยงลูกเพียงลำพังโดยที่ไม่มีพ่อหรือผู้ชายมาร่วมรับผิดชอบเลี้ยงด้วย ไม่ควรซ้ำเติมว่า "ไม่มีพ่อ" แต่ก็ควรจะยินดีด้วยอย่างยิ่งหากครอบครัวใดจะมีความพร้อมสมบูรณ์ทั้งพ่อแม่ ที่ยืนยันว่าจะร่วมกันดูแลเด็กให้ปลอดภัยและเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ


 


สุดท้าย เลิกยัดเยียดให้ดาราหรือนักแสดงทั้งหลายต้องรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าผู้บริหารประเทศเสียที  เพราะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าตั้งแต่เรื่องเล็กจนถึงเรื่องใหญ่ ทางการก็มักจะใช้ดารา เรื่องจะให้ทำดีหรือห้ามทำชั่วก็มาบอกให้ดารามาเป็นตัวอย่าง ตั้งแต่เป็นพรีเซนเตอร์เรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ต่อต้านยาเสพติด หรือวัฒนธรรม แม้กระทั่งจะกตัญญูต่อพ่อแม่ก็ยังให้ดารามาเป็นตัวอย่าง โดยการอ้างว่า เนื่องจากดารามีอิทธิพลต่อวัยรุ่น ในขณะที่ผู้มีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองกลับทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยากจะให้วัยรุ่นทำอยู่ตลอดเวลา เช่น อยากให้เด็กซื่อสัตย์ แต่ผู้ใหญ่ก็โกงกินกันมากมาย อยากให้เด็กประหยัด แต่ผู้ใหญ่ก็ใช้เฉพาะของนำเข้า ใช้รถราคาแพง กินน้ำมันเต็มที่ เป็นต้น


 


ทว่า จริงๆ สังคมเราต้องการเป็นแค่นี้จริงๆ หรือ เป็นแบบดาราๆ คือมายาไปวันๆ  ทั้งที่จริงๆ แล้วควรหันมาคิดว่า จะทำอย่างไรให้วัยรุ่นทั้งหลายฉลาดพอที่จะรู้ว่า ดาราก็เป็นแค่คนหนึ่งคนที่หลงไปติดอยู่ในภาพมายา ส่วนชีวิตจริงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน และทำอย่างไรถึงจะให้เด็กเป็นตัวของตัวเองได้โดยเท่าทันระบบการตลาดที่กำลังหลอกล่อให้เด็กหลงระเริงตามไปวันๆ และหันมาสร้างความรู้ที่ถูกต้องและสอนให้เด็กคิดเองได้และวิเคราะห์จะดีกว่า   จะได้ไม่ต้องตกใจกันอีกว่า ดาราคนนั้นคนนี้ "ท้องก่อนแต่ง" อีกแล้ว