Skip to main content

ใจหายในลานครูบา

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


 


1


 


สิงหาคม 2530


 


อากาศเย็นมากเหลือเกิน เมื่อฉันลงมาสุดปลายถนน พ้นเขตภูเขาแล้ว อีกไม่กี่กิโลเมตรจะเข้าเขตเมือง แสงไฟในนครกำลังต้อนรับผู้มาเยือน โอ้ อาคันตุกะ เพียงแต่ถ้าเธอมีเงินเท่านั้น


สรรพสิ่งจะเป็นของเธอ 


 


แต่สำหรับคนจนและจร ในเสื้อคลุมทรุดโทรม กระเป๋าเปื้อนฝุ่น แม้แต่รองเท้ายังสึกกร่อนและแบบบางใกล้เคียงกระดาษ


สิ่งใดจะเป็นของเธอ?


 


2


 


มีเงาตะคุ่มหนึ่ง อยู่ตรงนั้น


ควันขาวลอยอ้อยอิ่ง กลิ่นคุ้นจมูก แต่ก็แปลกจมูกในคราวเดียวกัน


ดวงดอกไม้ยังสดใหม่ แม้ไร้กลิ่นหอม


ผู้คนมาแล้วไป


ไปแล้วมา


 


ฉันเห็นใบหน้าหม่นหมอง


ใบหน้ากังวล


ใบหน้าแสดงความศรัทธา


ใบหน้าสงบสำรวมลึกซึ้ง


ใบหน้าเบิกบาน ผ่องใส


ฯลฯ


 


แต่ที่เหมือนกันจนน่าประหลาดใจคือ ทุกๆ ใบหน้าเหล่านั้น


แสดงความเชื่อมั่นต่อบางสิ่งบางอย่างอันลับเร้น


สูงล้ำ


เกินกระทั่งคำพูดพรรณนา


 


3


 


ฉันเฝ้ามองผู้คนเหล่านั้น คนแล้วคนเล่า พวกเขามาแล้วไป


ไปแล้วมา


เกินจะนับเสียงฝีเท้าซึ่งก้าวใกล้ และจากไป


กระทั่งคนซามากแล้ว นานพอที่จะกล้าหาญเข้าใกล้


เงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่จ้องความเวิ้งว้างในห้วงอากาศ


 


สีของผ้าก่ำงาม


มีความอัศจรรย์ใด แฝงฝังในที่นี้


ณ รูปปั้นที่ไร้ซึ่งชีวิต หรือดวงวิญญาณ


หรือนี้ต่างหาก ทิพยสถาน


ไม่เกี่ยวกับความแคบ ลึก ยาว สูง


แม้แต่กาลเวลา


 


 "ครูบาสรีวิจัย"


สำเนียงพื้นถิ่นแว่วอยู่ใกล้ๆ


 "เป็นศูนย์รวมจิตใจคนล้านนา เปิ้นแป๋งทางขึ้นดอยสุเทพ ถือศีลถือธรรม สู้อำนาจอันบ่เป็นธรรม เป็นตนบุญตัวแท้ ถูกรังแกรังควานก็ยืนหยัดสู้ ในทางสันติธรรม"


 


คนจรนิ่งคิดชั่วอึดใจ ยกมือไหว้สา


...ขอพรครูบา ให้ฉันมีจิตใจที่แข็งแรง ผ่านพ้นคืนนี้ ยามนี้ สู่ทิศทางสว่าง มีอิสระ มีทัศนวิสัย อยู่ในความมั่งคั่งอย่าหลงเหลิง ตกต่ำอย่าอ่อนแอ แม้นชีวิตพลิกผันขึ้นลง จงเป็นประดุจส่วนหนึ่งของครูบาเจ้า สงบแต่มีพลัง...


 


ยังจำได้ กลิ่นหอมดอกไม้พลันลอยละล่อง ควันธูปวนเวียนดั่งเดิม


จิตใจพลันแจ่มใส พ้นเขตภูเขาไปเป็นนครแห่งความมั่งคั่ง


ฉันจะมั่งคั่ง ด้วยแสงอาทิตย์แรกแห่งวัน


 


4


 


ตุลาคม 2548


ฉันยังมีชีวิตอยู่ กลับมาอีกครั้ง ณ ลานกว้าง ซึ่งดูแคบเล็กลงไปมากเมื่อเทียบกับภาพในอดีต


มีดวงไฟมากมายกว่าครั้งกระโน้น


กลิ่นธูป ควันเทียน ผู้คน ฯลฯ ยิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าซึ่งไม่แตกต่างจากเดิม


สุข ทุกข์ กังวล หม่นหมอง ฯลฯ นี้กระมังมนุษย์ ถึงที่สุด ชีวิตก็เป็นเช่นกระแสน้ำ


มีขึ้นและลง


ลงและขึ้น


 


แดดแรกยังสุกใส อ่อนแรงลงเมื่อบ่ายเยือน


รูปปั้นสงบงาม ท่านจะรู้ไหมนะ ลมสายใดนำพาฉันไป และลมสายใด นำฉันกลับมา


แต่ว่า…..


 


มีคนบอกว่า เขาจะปรับลานครูบาฯ ให้เป็นคอมเพล็กซ์และสถานีรถรางเบา"


 "แต๊กา"


"แต๊ก่ะ"


 


ใจหายวูบ


ลมสายไหน ที่พัดฉันปลิวคว้างอย่างเร็วและลอยไปกับความโศกสลดต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


กะทันหัน.


 


หมายเหตุ


ปี 2530 ฉันขึ้นไปทำงานขายกาแฟบนภูพิงค์  นานๆ ถึงจะได้กลับลงมาสักครั้ง คืนที่ตัดสินใจออกจากงานอย่างถาวรโดยยังไม่มีที่ไป  เป็นครั้งแรกที่ได้ไหว้ครูบา (ไม่เคยมีโอกาสแวะเลย) และเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน  ก่อนไปอยู่ที่อื่น


 


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------