Skip to main content

สอนหลานให้อ่านอังกฤษ ตอนที่ 1

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


เริ่มต้น


 


ถ้าเราลองถามเด็กนักเรียนที่ไปเรียนพิเศษหรือกวดวิชาในตอนเย็นหรือวันเสาร์อาทิตย์ว่าเรียนวิชาอะไรบ้าง  ผมแน่ใจว่าวิชาหนึ่งที่เป็นคำตอบของเด็กส่วนมากก็คือ ภาษาอังกฤษ  หากเอาคำถามเดียวกันนี้ไปถามพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลาย ผมก็แน่ใจว่าจะได้คำตอบเหมือนกัน


 


ใครที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองมีเงินจ่ายค่าเรียนพิเศษให้   ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอินตรอกหรืออินเตอร์ ก็ถือว่าโชคดีมากหรือโชคดีมากยกกำลังมากๆ    ส่วนคนที่ไม่มีเงินก็นั่งดูเขาไปก่อนแล้วกัน พร้อมกับเอาน้ำแข็งประคบตาเอาไว้เพื่อช่วยให้ตาเย็นลงบ้าง


           


คนที่พอมีเงินนั้นไม่มีปัญหา เพราะทำอะไรไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว ส่วนคนที่กระเป๋าไม่ให้แต่ใจรัก อยากให้ลูกหลานรู้ภาษาอังกฤษจะทำอย่างไรดีครับ  การจะอ้อนวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยบอกเลขเด็ดเพื่อถูกหวยสักสิบล้าน จะได้มีเงินส่งลูกหลานไปชุบตัวที่เมืองนอก ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องรออีกนาน นานเกินกว่าจะรอได้ เพราะมีลูกช้างเข้าคิวรออยู่ยาวเหลือเกิน  แต่หากคุณผู้อ่านเห็นด้วยกับพุทธสุภาษิตที่ว่า  "ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน"  ก็ต้องคิดช่วยตัวเองให้มากขึ้น


 


การจะให้ลูกหลานสนใจใฝ่รู้ขนขวายอยากเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเรื่องที่ไกลความจริงยิ่งกว่าความฝัน  เด็กก็คือเด็กครับ ยังไร้เดียงสา หรือยังไม่รู้ประสา หรือยังไม่รู้ภาษา ใช่ไหมครับ?  พวกเขายังไม่เห็นว่ามีอะไรที่สำคัญและน่าสนใจยิ่งไปกว่าการเล่น


 


สำหรับคุณผู้อ่านที่คิดจะสอนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมให้ลูกหลาน   บทความนี้เป็นประสบการณ์ของผมที่อยากจะนำมาแบ่งปัน และหากมีประสบการณ์และ/หรือแนวคิดอื่นเพิ่มเติม ก็จะทำให้ผมได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นและอาจนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง    ผมแน่ใจว่าคุณผู้อ่านต้องเคยเรียนภาษาอังกฤษมาระดับหนึ่ง  หมายความว่ามีความรู้ภาษาอังกฤษบ้าง   และพอที่จะช่วยสอนหรือแนะนำลูกหลานตัวน้อยๆ  ให้เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมได้ครับ


 


ผมขอย้ำนะครับ นี่เป็นการเล่าประสบการณ์ผ่านข้อเขียนเพื่อสู่กันอ่านเท่านั้น  ไม่ใช่คำแนะนำที่เอาไปทำแล้วจะได้ผลทันที  เป็นเพียงการเปิดประเด็นเท่านั้นครับสำหรับคนคอเดียวกัน


 


ผมขอทำความเข้าใจในบางประเด็นก่อนนะครับ    คำว่าสอนในที่นี้เป็นการสอนเสริมนอกเหนือจากที่เด็กเรียนตามปกติในโรงเรียน   ผมยังยอมรับว่าโรงเรียนมีบทบาทมากที่สุดในการเรียนการสอน   และคำว่าสอนในที่นี้มีความหมายกว้างกว่าการสอนที่เราๆ ท่านๆ เคยพบหรือเห็นในโรงเรียน   เพราะรวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ผมกำหนดให้หลานต้องทำ โดยที่ผมอาจจะอยู่ดูแลในบางครั้ง   แต่มักจะปล่อยให้พวกเขาทำกิจกรรมต่างๆ  เอง  แล้วมาตรวจสอบในภายหลัง      ทั้งหมดนี้อยู่ในสภาพที่มีทรัพยากรจำกัดครับ พูดง่ายๆ  ก็คือ สอนแบบคนจนที่อาศัยของฟรีเป็นส่วนใหญ่


 


ส่วนคำว่าอ่านอังกฤษก็หมายถึงเรียนภาษาอังกฤษนั่นเอง   แต่เน้นการอ่านมากกว่าทักษะอย่างอื่น  และคำว่าผมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงผมคนเดียวนะครับ   ในบางครั้งเมียผมก็มีส่วนด้วย   เพียงแต่เพื่อความสะดวกและต้องการให้กระชับเท่านั้นเอง


 


เหตุที่ผมต้องสอนหลานให้อ่านอังกฤษก็เป็นเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมาย    เนื่องจากเมื่อสักสองปีที่แล้วมีหลานชายสองคนมาอยู่ด้วยคือ พงศ์ศิริ และพงศ์พศิน  ต่อมา  เมื่อปลายปี ’47 พวกเรามีเหตุต้องไปที่ประเทศสหรัฐฯ เป็นเวลาหนึ่งปี   เจ้าหลานน้อยทั้งสองคนจึงต้องตามไปเข้าโรงเรียนที่นั่น  และต้องพัฒนาภาษาอังกฤษให้เร็วที่สุดเพื่อเอาตัวให้รอด    เนื่องจากไม่ใช่ภาษาแม่ที่เคยใช้ และยังไปเข้าเรียนช้ากว่าปกติร่วมสองเดือน  นี่แหละครับคือสาเหตุความจำเป็นที่คงจะแตกต่างจากของผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่ต้องสอนภาษาอังกฤษให้ลูกหลาน


 


เจ้าหลานน้อยทั้งสองคนเคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนแถวบ้านนอกของกรุงเทพฯ มาก่อน จึงได้เรียนภาษาอังกฤษมาบ้าง  แต่เมื่อย้ายมาอยู่โรงเรียนวัดในจังหวัดชายแดน แม้จะเป็นโรงเรียนในอำเภอเมืองก็เถอะ รู้สึกว่าจะไม่มีวิชาภาษาอังกฤษเป็นเรื่องเป็นราว เพราะตอนนั้นพวกเขาอยู่ ป.4 กับ 2 ครับ   ภาษาอังกฤษจึงคงจะไม่ใช่วิชาบังคับในระดับประถมนี้