Skip to main content

ขาลงของสนธิ 2 : การปฏิสนธิระหว่างนักแสดงและผู้ชม

คอลัมน์/ชุมชน



รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 4 ซึ่งตรงกับวันที่ 14 ตุลาคม วันสำคัญทางประวัติศาสตร์ จัดอย่างยิ่งใหญ่ในหอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีผู้ชมอย่างเนืองแน่นจนล้นออกมาหน้าหอประชุม


 


บทความสั้นชิ้นนี้ เป็นการรายงานการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วมในปรากฎการณ์ที่ไม่ค่อยจะมีสาระอะไรเลยในครั้งนี้  พร้อมทั้งเสียดสีสอดแทรกทัศนคติและมุมมองที่เต็มไปด้วยอคติ (แปลว่าไม่เป็นกลาง) ตามสไตล์ของผู้เขียนทั้งหมดทั้งปวงก็เพื่อต่อต้าน "วิธีการแบบสนธิ"  ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตราย


            


1


 


ประมาณ 3 โมงครึ่ง ก่อนที่จะถึงเวลาอันระทึกใจที่จะได้พบกับการแสดงของสนธิ  ลิ้มทองกุล และคุณสโรชา  ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 4  ก็มีการอุ่นเครื่องด้วยคอนเสิร์ตของวงคาราวานน้อย และคาราวานเต็มวง


 


ผมรู้สึกประทับใจมากกับความสามารถทางดนตรีของเด็กๆ 3 คนจากวงคาราวานน้อย ต้องขอชมเชยพ่อแม่ของเด็กและคนที่ฝึกซ้อมให้ที่ดึงศักยภาพของเด็กออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมือกลองตัวกะเปี๊ยก หรือมือเบส (ที่เล่นทั้งเบสและกีตาร์) น่ารักน่าประทับใจจริงๆ กับเด็กน้อยทั้ง 3 คนที่ฉายแววความสามารถและอาจสืบทอดตำนานของคาราวานไว้ต่อไป


 


ต่อมา ก็ตามด้วยคาราวานชุดใหญ่ คาราวานก็ยังคงเป็นคาราวานครับ น้าหงา น้าหว่อง ยังเสียงดีและเต็มที่เหมือนเดิม  เลือกเล่นแต่เพลงที่สำคัญ ๆ


 


ตอนแรก ผมยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมคาราวานจึงมาเล่นเปิดงานให้กับรายการโฆษณาชวนเชื่ออย่างเมืองไทยรายสัปดาห์  แต่น้าหงาก็ฉลาดครับ ไม่พูดอะไรเลย นอกจากพูดถึง 14 ตุลาคมเล็กน้อย นอกนั้นก็เล่นเพลงเพราะๆ  อย่างเดียว


                                                             


2


 


ความเพลิดเพลินของผมจบสิ้นอย่างเด็ดขาด เมื่อสนธิ ลิ้มทองกุล มาปรากฏตัว พร้อมด้วยคุณสโรชา ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดกร๊าดราวกับคนสติแตกของผู้ชมในหอประชุม  ผู้ชายวัยกลางคนที่นั่งข้างหลังผมเปล่งเสียงร้องน่าสมเพชราวกับเห็นผี


 


สนธิ และคุณสโรชา ใส่เสื้อสีเหลืองที่เขียนข้อความว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง"  ขอเล่านิดหน่อยว่า ในงานนี้มีการขายเสื้อที่เขียนข้อความว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง"  โดยมีให้เลือก 2 สี คือสีขาวกับสีเหลือง  ในราคาตัวละ 150 บาท หะแรก ผมคิดว่าแจกฟรี เพราะเห็นคนกลุ้มรุมกันใหญ่  แต่แล้วก็  "ขายครับ  ขาย"


 


ผมมานั่งฟังในครั้งนี้ ก็เพราะอยากจะได้ยินได้ฟังข้อมูลลึกหรือการให้เหตุผลที่น่ารับฟังของสนธิ แต่ก็เปล่าทั้งเพ  สนธิเริ่มด้วยการประชดประชันคุณวิษณุ  เครืองาม ที่ให้สัมภาษณ์ตอบโต้หลวงตามหาบัว (ผมจะกลับมาวิพากษ์พระรูปนี้ในโอกาสต่อไป)  ประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้ที่สนธิเหน็บแนม ประชดประชันไปเรื่อย ๆ จนผมหมดความอดทนและเดินออกมาจากหอประชุม


 


ผมคิดว่า คนที่มีสามัญสำนึกครบถ้วนคงไม่สามารถทนฟังสนธิพูดพล่ามจนน้ำหมากกระเด็นอยู่ได้ โดยไม่หงุดหงิดรำคาญใจ  ผมเกือบจะอ้วกแตกอยู่รอมร่อหากไม่ชิงลุกขึ้นมาเสียก่อน


 


ฟังสนธิพูดประชดคุณวิษณุ  เครืองาม และยกยอปอปั้นหลวงตามหาบัวแล้ว  ผมสงสัยมาจนถึงบัดนี้ว่า สนธิ "เชื่อในสิ่งที่ตนเองพูด" หรือไม่? เวลาสนธิพูด (หรือเขียน) ยกย่องท่านนายกฯ  หรือแก้ตัวให้ท่านนายกฯ สมัยที่ยังเลียก้นกันอยู่ สนธิเชื่อในสิ่งที่ตนเองพูดหรือไม่? เวลาสนธิกล่าวอ้างเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ของตนเองนั้น สนธิศรัทธาในสถาบันกษัตริย์จริงหรือไม่? เพราะคนที่ศรัทธาสถาบันกษัตริย์อย่างแท้จริงไม่มีใครเขาทำแบบสนธิหรอก


 


ต้องสารภาพว่าผมฟังสนธิพูดด้วยความทรมานอย่างหาใดเปรียบ  นอกจากลีลาการพูดแบบ "กูถูกเสมอ" ของสนธิแล้ว  ผู้ชมในหอประชุมก็เป็นอะไรที่เหลือทนจริงๆ  คงจะเป็นดั่งสำนวนไทยที่ว่า "ฝนตกขี้หมูไหล …"  คนพวกนี้ถึงได้มารวมตัวกัน


 


พวกเขาพากันตบมือโห่ร้องเวลาสนธิพูดถูกใจ ชายวัยกลางคนที่นั่งข้างหลังผมเปล่งเสียงตะโกนอย่างน่ารำคาญอยู่ตลอดเวลาว่า "ถูกต้องๆ ๆ ๆ  "


 


คู่รักคู่หนึ่งที่นั่งทางด้านขวามือของผมจับมือกันแน่นเมื่อรู้สึกมันส์ไปกับคำพูดของสนธิ แต่ที่เด็ดที่สุดเห็นจะเป็นหญิงสาวที่นั่งข้างผมทางด้านซ้าย บอกว่าเธอทำงานอยู่ที่ กกต. เธอบอกว่าเธอมางานนี้เพราะวันนี้เป็นวันที่ 14 ตุลาคม และเพราะไม่ชอบทักษิณนิดหน่อย


 


เห็นได้ชัดว่า เธอมีอารมณ์ร่วมกับการแสดงของสนธิอย่างมาก เพราะทุกครั้งที่สนธิ  พูดถูกใจ เธอจะชูกำปั้น ผมสังเกตเห็นว่าปลายเท้าเธอเกร็งเหมือนคนเป็นลมบ้าหมู  พอเหลือบไปมองใบหน้าของเธอก็พบว่ามันบิดเบี้ยวอย่างประหลาด  (ในขณะที่สนธิ ก็พูดจนน้ำหมากกระเด็นไปเรื่อย ๆ)  เธอมีอาการกระตุกเบา ๆ  2 ครั้ง แล้วในที่สุดเธอก็ผ่อนหายใจยาวอย่างมีความสุขราวกับยกเอาน้ำหนักของโลกใบนี้ที่ทับอยู่บนตัวเธอออกไป


 


3


 


สนธิ  ลิ้มทองกุล มีวิธีพูดและการใช้ภาษาที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเมามันและมีอารมณ์ร่วมไปกับเขา แต่วิธีพูดอย่างนี้ของสนธิ   ไม่น่าจะเรียกว่าฉลาด  เพราะมันเป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่ออกฤทธิ์เพียงชั่วครู่ชั่วยาม และแน่นอนว่าผู้ชมที่นั่งดูนั่งฟังสนธิพูดย่อมไม่ได้อะไรติดสมองไป นอกจากความมันส์รวมหมู่ราคาถูก


 


รุ่นน้องของผมคนหนึ่งซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์อยู่ที่ มอ. บอกว่า "ฟังสนธิแบบสนุกสนานไม่ได้ เพราะจะหลงคล้อยตาม ติดตามฟังมาหลายครั้งแล้ว มาฟังหนนี้นึกว่าจะได้ข้อมูลอะไรใหม่ แต่ก็ไม่มี  ต่อไปคิดว่าจะไม่ไปฟังอีกแล้ว    ตอนที่เขาพูดที่คณะนิติศาสตร์ เขาด่าว่า รัฐธรรมนูญบ้า แต่เวลาที่เขาเขียนในผู้จัดการโดยใช้ชื่อว่า เซี่ยงเส้าหลง หรือเวลาเป็นคดีความกับใคร เขาก็อ้างถึงรัฐธรรมนูญ มาตรานั้น มาตรานี้ ไม่ขาดปากราวกับว่ารัฐธรรมนูญศักดิ์สิทธิ์เสียเต็มประดา"


 


ผมอยากจะเสนอว่าการแสดงของสนธิในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เป็นการต่อต้านการใช้ปัญญาของผู้ชม      ผู้ชมจะรู้สึกอึดอัดหากพยายามคิดตามหรือพยายามเรียบเรียงความเป็นเหตุเป็นผล   เพราะไม่มีเหตุผลหรือไม่มีอะไรให้คิดตามได้เลย มีแต่เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกล้วน ๆ จริง ๆ


 


สติปัญญาจะถูกทำลายหรือถูกวางยาไปในช่วงระยะที่กำลังชมการแสดงของสนธิอยู่ แต่นอกจากสติปัญญาจะถูกทำให้ด้านชาไปแล้ว การใช้สามัญสำนึกของปัจเจกบุคคลยังถูกขัดขวางอีกด้วย มีแต่สำนึกแบบ "ม็อบ"


 


ผมไม่คิดว่าคนที่ไปชมการแสดงของสนธิจะมีใครโง่หรือฉลาดไปกว่าใคร  แต่คนเมื่อมันมารวมตัวกันเป็นปริมาณมากๆ  คุณภาพของสติปัญญากลับเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ  พร้อมที่จะเฮ พร้อมจะโห่ พร้อมที่จะมีความสุขกับคำพูดที่ไม่เป็นเรื่องเป็นราวได้ตลอดเวลา


 


หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 30 นาที ผมจึงได้ตระหนักว่ากำลังตกอยู่ในวงล้อมของลัทธิอันตรายอย่างแท้จริง มีแต่คนแปลกหน้า (ทั้งที่หลายคนผมก็รู้จัก) ผมไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าผมแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการแสดงของสนธิออกมาจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็โชคดีที่ผมพาตัวเองออกมาจากลัทธิประหลาดนี้เสียก่อน


 


4


 


ใครอยากไปชมการแสดงของสนธิในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร   เพื่อบริโภคความบันเทิงสาธารณ์แบบไม่ต้องคิดและไม่ต้องเสียตังค์ หลังจากเลิกงานประจำ ในวันที่ 14 ตุลาคม วันสำคัญทางประวัติศาสตร์   ก็คงจะบรรลุวัตถุประสงค์