Skip to main content

โรงเรียนของเด็กชายน้อย

คอลัมน์/ชุมชน



 


ผมเขียนแต่เรื่องพลังงานลง "ประชาไท" มาหลายชิ้นแล้ว ดู "เรตติ้ง" แล้วขึ้นช้ามาก เทียบกันไม่ได้เลยกับของ "หลวงพี่กิตติศักดิ์" วันนี้ผมจึงขอเปลี่ยนเรื่องมั่ง ถ้ายอดไม่เพิ่มอีกก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรนะ  แล้วแต่ท่าน บก.ประชาไทก็แล้วกัน


 


วันนี้เอาเรื่องการศึกษา เผื่อว่าจะมีโอกาสเข้าหูรัฐมนตรีกระทรวงนี้มั่ง หรือไม่ก็เพื่อแฟนประชาไทเองก็แล้วกัน (ทางใครทางมัน ตามแนวคิดของคุณวิลาส)


 


เรื่องนี้ผมถอดความมาจากเรื่อง "The Little Boy"  ซึ่งเขียนโดย Helen E. Buckley ในหนังสือเรื่อง "Chicken Soup for the Soul"  เพื่อให้ได้อรรถรสต้องขอความกรุณาจากกองบรรณาธิการว่าโปรดเรียงประโยคให้ได้ตามที่ได้พิมพ์ ดังนี้




วันหนึ่งเด็กชายน้อยไปโรงเรียน
ในขณะที่เขายังเล็กมาก
ในความรู้สึกของเขาแล้วโรงเรียนช่างใหญ่โตเหลือเกิน
แต่เมื่อเขาสามารถหาทางเดินไปห้องเรียนได้ด้วยตนเอง
มันทำให้เขามีความสุข และรู้สึกว่าโรงเรียนไม่ได้ใหญ่โตอีกต่อไปแล้ว

เช้าวันหนึ่ง
ในขณะที่เด็กชายน้อยอยู่ในห้องเรียน
คุณครูบอกว่า
"วันนี้เราจะมาวาดรูปกัน"
"ดีจัง!" เด็กชายน้อยคิด เพราะเขาชอบวาดรูปอยู่แล้ว
เขาสามารถวาดรูปได้หลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็นสิงห์โต เสือ ไก่ และวัว
รถไฟและเรือ
ทันใดนั้นเขาก็หยิบกล่องดินสอออกมาและลงมือวาด
แต่คุณครูบอกว่า
"รอเดี๋ยวนะ ยังไม่ถึงเวลาที่จะวาด"
เมื่อคุณครูรอจนกว่าทุกคนในชั้นเรียนพร้อมแล้ว

"เอาละ ต่อไปนี้" คุณครูเริ่มอธิบาย
"เรากำลังจะวาดรูปดอกไม้"
"ดีจังเลย!"เด็กชายน้อยคิด
เพราะเขาชอบวาดรูปดอกไม้อยู่แล้ว
เด็กชายน้อยก็วาดรูปดอกไม้สวยๆ
ด้วยดินสอสีชมพู สีส้มและสีน้ำเงิน

แต่คุณครูก็บอกว่า
"รอก่อน เดี๋ยวครูจะทำให้ดูว่าวาดอย่างไร"
จากนั้นครูก็เริ่มวาดดอกไม้บนกระดานดำ
เป็นดอกสีแดงมีก้านและใบเป็นสีเขียว
"อย่างนี้นะ" คุณครูพูดพลางชี้พลาง
"เอาละนะ นักเรียนเริ่มเลยจ๊ะ"

เด็กชายน้อยมองไปที่ดอกไม้ของคุณครู แล้วก็มองไปที่รูปของตนเอง
เขารู้สึกว่าเขาชอบดอกไม้ของตนเองมากกว่าของคุณครู
แต่น้อยก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เก็บรูปของตนเองไว้
แล้วก็ลงมือวาดรูปตามแบบของคุณครู
คือเป็นดอกสีแดงมีก้านและใบเป็นสีเขียว
อีกวันหนึ่งต่อมา
"วันนี้เราจะปั้นดินน้ำมันกันนะนักเรียน" คุณครูประกาศ
"ดีจังนะ" เด็กชายน้อยได้แต่คิด และเขาก็ชอบด้วย
เด็กชายน้อยสามารถปั้นได้สารพัดสิ่ง
งู ช้าง หนู รถยนต์และรถบรรทุก
เขาจึงเริ่มคลึง ดึง หยิก ดินน้ำมัน
แต่คุณครูประกาศว่า
"รอเดี๋ยว ยังไม่ถึงเวลาเริ่มต้น"
เมื่อคุณครูรอจนกว่าทุกคนในชั้นเรียนพร้อมแล้ว

"เอาละ เรากำลังจะปั้นจานสักใบ" คุณครูคนเดิมพูด
"ดีจังนะ" เด็กชายน้อยได้แต่คิด
และเขาก็ชอบปั้นจานเสียด้วยซิ
และเขาก็ปั้นด้วยรูปทรงและขนาดต่างๆ

"รอก่อน ครูจะทำให้ดู"
คุณครูก็ลงมือปั้นรูปจานก้นลึก
"นี่ไง เอาพวกเธอลงมือได้เลยนะ"

เด็กชายน้อยมองดูจานของคุณแล้วก็ย้อนมาดูของตนเอง
เขารู้สึกชอบผลงานของตนเองมากกว่า
แต่เขาก็ไม่พูดอะไร

ไม่นานต่อมา
เด็กชายน้อยก็ได้เรียนรู้ การรอคอย
การจ้องดูแบบ
และทำสิ่งต่างๆให้เหมือนกับของคุณครู
และอีกไม่นาน
เขาก็ไม่ทำอะไรตามแบบที่ตนเองคิดอีกต่อไป

ต่อมาอีกไม่นานครอบครัวของเด็กชายน้อยก็ย้ายไปเมืองอื่น
น้อยต้องย้ายโรงเรียน

ในวันแรกของโรงเรียนใหม่
"วันนี้เราจะวาดรูปกัน" คุณครูประกาศ
"ดีจัง" น้อยคิด
แล้วเขาก็นั่งรอฟังคำสั่งของคุณครู
เพื่อให้คุณครูบอกว่าจะทำอะไร
แต่คุณครูก็ไม่บอกอะไรเลย
ได้แต่เดินรอบๆห้องเรียน

เมื่อคุณครูมาถึงโต๊ะของเด็กชายน้อย
"เธอไม่อยากวาดรูปเหรอคะ" คุณครูถาม
"อยากวาดครับ แต่จะวาดรูปอะไรครับ" น้อยถาม
"ครูไม่รู้หรอกจนกว่าหนูจะวาดเสร็จ" ครูตอบ
"ผมจะวาดอย่างไรครับ" เด็กชายถามซ้ำ
"อะไรก็ได้ที่เธอชอบ" ครูตอบ
"สีอะไรก็ได้หรือครับ"
"ถ้าทุกคนวาดรูปเหมือนกันและด้วยสีที่เหมือนกัน
แล้วครูจะรู้ได้อย่างไรละว่าแต่ละชิ้นเป็นผลงานของใคร" คุณครูถาม
"ผมไม่ทราบครับ" น้อยตอบ
และแล้วน้อยก็ลงมือวาดรูปดอกไม้
ด้วยสีชมพู สีส้มและสีน้ำเงิน
น้อยรู้สึกชอบโรงเรียนนี้มาก


เรื่องที่ผมถอดความก็มีแค่นี้แหละครับ
ผมคิดว่าผู้อ่านส่วนใหญ่ที่มีอายุเกิน 40 ปี ถ้าจะวาดรูปแล้วละก็ คงจะวาดรูปต้นมะพร้าว มีภูเขา 2 ลูก มีดวงอาทิตย์แล้วก็นก 2-3 ตัวบินผ่านมา
สมองของเราต่างก็ถูกปลูกฝังมาเหมือนกันเปี๊ยบเลย จำได้ไหมครับ