Skip to main content

อาชญากรรมทางความคิดตอน 7

คอลัมน์/ชุมชน

เจอกันอีกแล้วตามสัญญาที่ให้ไว้ ( แม้จะนานไปหน่อย) มาคุยกันต่อเลยดีกว่า


คราวที่แล้ว ผู้เขียนเขียนถึงข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพของชาวประมงที่มีต่อสะพานเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ แต่ความกังวลของชาวประมงไม่ได้มีเท่านี้ ยัง มี ข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่จะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างสะพานเส้นนี้


เพราะหากเกิดเสาตอม่อสะพานจำนวนมากไปปักขวางทางการไหลเวียนของน้ำในทะเล จะทำให้กระแสการไหลของน้ำเปลี่ยนไปไหม ? หากเปลี่ยนไป เส้นทางการเดินทางเข้ามาเจริญพันธุ์ของสัตว์น้ำวัยอ่อนจะเป็นอย่างไร ? การเปลี่ยนไปของกระแสน้ำจะส่งผลกระทบกับดอนหอยหลอดหรือไม่ ? ควันจากรถยนต์จำนวนมากที่จะจมลงไปสะสมอยู่ที่ผิวดินใต้ทะเล จะส่งผลกระทบต่อน้ำ / ดิน และความปลอดภัยในการบริโภคสัตว์ทะเลหรือไม่? เสียงและการสั่นสะเทือนของเสาตอม่อสะพานจะทำให้สัตว์น้ำหนีหายไปจากบริเวณนี้หรือเปล่า ?


ข้อกังวลเหล่านี้ไม่ใช่ข้อกังวลที่เกินจริง แต่อยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์ และภูมิปัญญาของชาวประมง เพราะในอดีต ยามที่ชาวประมงต้องดำน้ำลงไปใต้ทะเล วิธีป้องกันไม่ให้ปลาฉลามหรือปลาใหญ่ชนิดต่าง ๆ ที่อาจเข้ามาทำร้าย ชาวประมงจะนำเหล็กสองอันลงไปด้วย เมื่อน้ำมากระทบ เสียงเหล็กที่กระทบกันจะกังวาลไปไกลมาก ช่วยทำให้ชาวประมงปลอดภัยจากสัตว์ร้ายใต้ทะเล อีกทั้งเสียงจะทำให้ปลาใหญ่ไม่กล้าเข้าใกล้ ซึ่งหากเกิดแรงสั่นสะเทือนจากเสาสะพาน ใครจะเป็นผู้รับประกันว่าทะเลบริเวณนี้จะเป็นเหมือนเดิม


ข้อกังวลเหล่านี้ไม่เคยมีคำตอบที่ชัดเจนจากเวที มีแต่คำตอบอ้อม ๆ แอ้ม ๆ เพื่อเอาตัวรอดเป็นคราว ๆ ไป อาจารย์ที่ลงมาทำเวที บอกพวกเราว่าข้อกังวลของพวกเราน่าสนใจ แต่อาจารย์ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ขอเอากลับไปปรึกษากันก่อน แต่ไม่รู้ไปปรึกษากันอย่างไร ไม่นานนักรัฐบาลทักษิณหนึ่ง ก็อนุมัติงบประมันเป็นงบผูกพันหลายหมื่น เพื่อดำเนินการสร้างสะพาน


พวกเราชาวบ้านก็ได้แต่ทุกข์ระทมอยู่กับข้อกังวลของตัวเอง เพราะรัฐบาลไม่เคยสนใจที่จะตอบ ไม่ใส่ใจที่จะฟัง ข้อกังวลของชาวบ้านด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะเรามีผู้บริหารประเทศที่ฉลาด จนทำให้ทุกความเห็นของชาวบ้าน เป็นความคิดเห็นที่โง่หมด เพราะนายกฯ ชอบออกมาพูดว่า ชาวบ้านไม่รู้จริงแล้วชอบพูด กลัวกันไปเองเกินกว่าเหตุ ( ซึ่งก็คือ ชาวบ้านโง่นั่นแหล่ะ)


เมื่อชาวบ้านไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ซ้ำยังถูกหาว่าโง่ ก็ต้องโกรธเป็นเรื่องธรรมดา การต่อสู้ในรูปแบบของชาวบ้านจึงเริ่มขึ้นด้วยการช่วยกันหาข้อมูล เพื่อนำมาแสดงต่อสาธารณชน ทั้งเอกสาร ทั้งแผนที่การเคลื่อนไหวของดินในรอบ 50 ปี แม้การหาข้อมูลจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ชาวบ้านก็พร้อมที่จะเหนื่อย ( ต้องสู้กับคนที่เราเลือกเขามาเป็นตัวแทนเราเอง) ไม่ว่าจะมีเวทีที่ไหนพวกเขาก็จะพากันไปแสดงความคิดเห็น พร้อมแสดงข้อมูล เพื่อให้ฝ่ายรัฐหันมาดูเหตุผลของชาวบ้านบ้าง เพราะเราเชื่อว่าการต่อสู้ที่ถูกต้องมันต้องสู้กันด้วยข้อมูล อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชาวบ้านต้องเผชิญแม้จะมีข้อมูล แต่ชาวบ้านไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ดังนั้น การต่อสู้จึงไม่ได้จบแค่ที่ข้อมูล แต่จบที่อำนาจ


 ผลจากที่ชาวบ้านได้ร่วมกันเสาะหาข้อมูล ทำให้ทราบว่า พื้นที่แหลมผักเบี้ยจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่แห่งเดียวในโลกที่มีความมหัศจรรย์ซ่อนอยู่


 มหัศจรรย์อย่างไร โปรดรอติดตามตอนต่อไป รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่