Skip to main content

ขอบคุณความยากจน

คอลัมน์/ชุมชน

"ขอบคุณความยากจนที่ช่วยให้รอด"


 


เป็นคำภาวนาขอบคุณที่จริงใจที่สุดแล้ว เพราะในคำขอบคุณนั้นไม่ได้หวังสิ่งใด ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะยากจนต่อไป หรือขอให้ความยากจนอยู่คู่กับตัวเอง ซึ่งต่างจากขอบคุณความสุข เพราะในใจใครนั้นก็จะต้องบอกว่าขอให้ความสุขอยู่กับเราเถิด


 


หลานชายคนเล็กวัยอนุบาลไปเรียนโรงเรียนคริสต์ ทุกเย็นเขาจะกลับมาขอบคุณพระเจ้า เขาจะพูดเป็นทำนองเพลงว่า ขอขอบคุณ ขอบคุณเพระเจ้าที่ช่วยให้รอด…


 


แต่สำหรับฉันขอบคุณความยากจน  ครั้งแรกที่นึกขอบคุณในช่วงที่ย้ายมาอยู่เชียงใหม่ ไปเช่าบ้านในซอยลึก เดินเข้าออกประมาณ 2 กิโลเมตร  


 


การไปไหนมาไหนที่ต้องเดิน ถือว่าเป็นเรื่องพิเศษ ใครๆก็มองเพราะว่าไม่มีใครเขาเดินกันแล้ว  เขาก็มีรถกันทั้งนั้น แรก ๆ ก็จะถูกถามว่าทำไมเดิน เราก็บอกไปแบบขำ ๆ ว่า เดินออกกำลัง บางครั้งก็บอกตามจริงว่าไม่มีรถหรือไม่ก็แค่ยิ้ม ๆ  บางคนใจดีหยุดรถให้ไปด้วย แต่เราต้องยืนยันในทางเดินและยอมรับในความขัดสน จึงเดินต่อไป และบอกตัวเองว่า มนุษย์สง่างามเมื่อเดินอยู่บนขาตัวเอง เป็นการปลอบใจตัวเอง บางครั้งก็เดินทางลัดผ่านทุ่งนา ผ่านกองฟางที่เขาเพาะเห็ด แวะดูดอกไม้ข้างทาง คุยกับชาวบ้าน


 


ที่ขอบคุณอย่างยิ่งเพราะว่า อาการเจ็บหัวเข่า พร้อมกับก้อนเนื้อขนาดหัวแม่มือที่ปูดขึ้นมาที่หัวเข่าหายไป มันหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ทั้งที่ก่อนหน้าจะย้ายจากกรุงเทพฯ ไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ กับสะพานที่นวลฉวีถูกทิ้งลงไป  หมอบอกว่า ไม่หายหรอกจะเป็น ๆ หายๆ แต่ถ้าผ่าตัดก็อาจจะหายหรืออาจจะเดินไม่ได้ไปเลย ฉันเลือกเอาเป็น ๆ หาย พร้อมกับรับยาสีสวยมา 1 ถุง กินไปสองเม็ดก็วางทิ้งขว้างไว้จนลืม


 


มันหายหลังจากการเปลี่ยนวิถีชีวิตเพียง 5-6 เดือน ขอบคุณเหลือเกินความยากจนขัดสน ในครั้งนั้น


 


และฉันขอบคุณความยากจนอย่างจริงใจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไปยืนดูแม่น้ำปิง ล้นฝั่งในวันที่น้ำท่วมเชียงใหม่ และพบว่าบ้านที่เราหมายตาว่าจะเช่าริมแม่น้ำปิง หายไปทั้งหลัง


 


บ้านหลังเล็กที่อยู่ริมแม่น้ำปิงหลังนั้นด้านหน้าติดถนนซอย  ด้านหลังเป็นหาดทรายกว้างติดแม่น้ำ ออกไปนั่งเล่นได้สบาย เราแวะเวียนไปดูอยู่เสมอ เมื่อคนเช่าคนเก่าออกไปเราก็รีบไปขอเช่า โชคดีที่เรามีเงินไม่พอสำหรับเช่าบ้านริมน้ำที่ใคร ๆ ก็ต้องการ อีกทั้งบ้านเก่าต้องซ่อมแซมและเจ้าของให้เราซ่อมเองด้วย  เราไม่มีพอทั้งค่าเช่าและค่าซ่อม ไม่อย่างนั้นเราจะหายไปกับแม่น้ำ


 


หลังจากหายไปกับแม่น้ำเราก็จะมีประวัติเป็นส่วนหนึ่งในการบุกรุกแม่น้ำปิงด้วย เพราะวันหนึ่งได้   คุยกับแม่เฒ่าคนหนึ่งที่เชียงดาว ซึ่งเป็นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมาก แกบอกว่า


 


 "คนมันเง้า (โง่)  ไปสร้างบ้านริมน้ำเกินไป  รีสอร์ตติดริมแม่น้ำก็บอกแล้วว่ามันอันตราย วันดีคืนใดใครจะรู้ว่าน้ำมันจะมา มันขึ้นแค่ไหน คนโบราณเขารู้ว่าริมน้ำที่น้ำท่วมถึงเป็นที่ของน้ำ ถึงแม้ว่าปีนี้ปีไหนน้ำไม่ท่วมก็ต้องถือว่าเป็นที่ของน้ำ น้ำมันจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ มันมามันก็ไหลไป แต่นี่พอน้ำมามันไม่ไหล มันไหลไม่ได้มันไปติด ไปขวางทางน้ำไว้ มันก็เลยทำให้เดือดร้อนกันไปทั่ว"


 


นับว่าโชคดีจริง ๆ แม่เฒ่า    โชคดีที่ยากจน ต้องแอบขอบคุณความยากจน


 


แม้ว่าจะสวนทางกับแนวความคิดในการพัฒนาของท่านนายกฯทักษิณ ที่จะขจัดสิ้นความยากจนหรือว่าให้เชียงใหม่เป็นนครแห่งความมั่งคั่งก็ตามเถอะ


 


แม่เฒ่าคนเดิมบอกฉันว่า   ถ้าเรายอมรับในความยากจน ไม่รังเกียจ ไม่พยายามผลักไสให้มันออกไปจากเราเร็วเกินไปเราก็จะอยู่ได้ แต่ถ้าเรารีบร้อนผลักไสความยากจนที่อยู่กับเรามานาน เราก็หลุดพ้นจากความยากจน แต่กลายเป็นสิ้นเนื้อประดาตัวไม่มีแม้แต่ความจนและศักดิ์ศรี  เหมือนที่เมืองเชียงใหม่กำลังจะเป็นอยู่เดียวนี้ สุดท้ายแล้ว คือลานครูบาศรีวิชัย ข่าวว่าเขาจะทำเป็นที่บันเทิง 


 


จริงของแม่เฒ่าแห่งหุบเขา


 


เป็นบทสุดท้ายจริง ๆ สำหรับคนเชียงใหม่แล้ว หากว่าปกป้องลานครูบาศรีวิชัยและดอยสุเทพไว้ไม่ได้ก็คงต้องยอมสิ้นนะ แม่เฒ่านะ