Skip to main content

การศึกษามรณะ ตอนที่ 2

กรณีเด็กมัธยมปลายรายหนึ่งฆ่าตัวตายเพราะเกรดไม่ถึง 3   มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ   ทำให้ทราบว่านักเรียนบ้านเราเป็นเหยื่อของการศึกษาอย่างไร


 


ตามข่าวแจ้งว่าเด็กประสบปัญหาเรื่องไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ทำรายงาน       หมดเงินค่ากวดวิชาไปเป็นแสนแล้วก็ยังไม่สามารถสอบเข้าสถาบันที่ต้องการ          และผู้ปกครองตั้งรางวัลรถจักรยานยนต์หากสอบได้ดีตามที่กำหนด


 


เรื่องคอมพิวเตอร์กับเด็กนักเรียนเป็นเรื่องที่มีตัวอย่างแปลกๆให้ได้เห็นได้ยินอยู่เสมอ      ครั้งนี้เป็นอีกกรณีที่คอมพิวเตอร์ก่อปัญหา


 


บ้านเรามีเด็กนักเรียน 3 กลุ่ม   กลุ่มหนึ่งเครียดเพราะไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้   กลุ่มที่สองฉลาดน้อยลงเรื่อยๆเพราะมีคอมพิวเตอร์ใช้        เหลือเพียงกลุ่มที่สามจำนวนเล็กน้อยที่รู้จักใช้คอมพิวเตอร์พัฒนาตนเอง


 


เรื่องแปลกๆเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ได้เห็นและได้ยินจะเป็นทำนองนี้


 


นักเรียนใช้สีวาดรูปประกอบรายงานส่งครู   ปรากฏว่าได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อนที่ใช้คลิปอาร์ตสำเร็จรูปประกอบรายงานส่งครู   


 


นักเรียนเขียน   วาดรูป   และตกแต่งปกรายงานด้วยมือและสี     ปรากฏว่าถูกสั่งให้กลับมาใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ "สวยๆ"


 


สำหรับเด็กที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้  พวกเขาแก้ปัญหาได้ 3 วิธีคือ  ออกจากบ้านไปใช้เครื่องที่อินเตอร์เน็ตคาเฟ่หรือร้านเกม    หรือไม่ก็ไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนซึ่งมักจะเสีย ช้า   และต้องเข้าคิว     หรือไม่ก็ไปทำรายงานบ้านเพื่อนที่มีคอมพิวเตอร์


 


จะเห็นว่าหากการมีคอมพิวเตอร์แปลว่าสามารถทำหน้าปกหรือหารูปประกอบสวยๆได้    การไม่มีคอมพิวเตอร์แล้วเครียดจึงเป็นความเครียดที่ไม่จำเป็นเอาเสียเลย


 


วิธีทำเนื้อหารายงานของเด็กยุคคอมพิวเตอร์ก็แปลกๆ   เช่น  ครูสั่งให้ทำรายงานเรื่อง ลอยกระทง      เด็กๆจะเข้าไปที่กูเกิ้ล      คีย์คำว่าลอยกระทง     หาเว็บไซต์ที่มีหัวข้อครบ   กล่าวคือมีประวัตินางนพมาศ    มีความสำคัญของเทศกาลลอยกระทง    มีวิธีทำกระทง    ลองอ่านผ่านๆแล้วก็ก็อปปี้แล้วก็เพสต์ไปส่งครูได้เลย     ไม่มีความจำเป็นต้องอ่านเนื้อหาที่ได้มาให้ละเอียด    ไม่ต้องทำอะไรอีกนอกจากนี้


 


จะเห็นว่าเด็กที่มีคอมพิวเตอร์ใช้และใช้เพียงเท่านี้ก็น่าจะฉลาดน้อยลงเรื่อยๆในเวลาไม่นาน


 


เท่าที่ทราบมีเด็กเพียงส่วนน้อยที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้คุ้มค่า  เด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้คุ้มค่ามักเป็นเด็กที่ใฝ่รู้   กระหายความรู้   เสพติดความรู้   กล่าวคือมีแรงผลักดันตนเองให้พุ่งเข้าใส่เสิร์ชเอ็นจิ้นทั้งหลาย     เมื่อไปถึงเว็บไซต์หนึ่งก็ลิงค์ไปยังเว็บไซต์อื่นให้แน่ใจว่าข้อมูลเชื่อถือได้    ถูกต้อง   ตรงกัน   และมีเอกสารอ้างอิง  


 


หากจำเป็น    เด็กกลุ่มนี้จะลุกจากคอมพิวเตอร์ไปห้องสมุดเพื่อหาหนังสือจริงๆอ่านต่อ  ความใฝ่รู้ด้วยตนเองนี้ย่อมมิใช่เกิดจากความอยากได้รายงานสวยๆส่งครูเพื่อเอาคะแนนดีๆแต่เพียงอย่างเดียว    แต่เกิดจากความสุขที่ได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ


 


ผมไม่คิดว่าลักษณะนิสัยเช่นนี้จะถูกปลูกฝังได้ด้วยคอมพิวเตอร์     แต่น่าจะถูกปลูกฝังด้วยการศึกษาที่มีความสุข      ได้ผ่านการเรียนรู้ด้วยการค้นหาข้อมูลในสภาวะแวดล้อมจริงๆมาก่อน     จนกระทั่งการค้นหาความรู้กลายเป็นความสุขชนิดหนึ่ง    จากนั้นจึงจะเริ่มนั่งที่คอมพิวเตอร์แล้วใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า


 


ทราบมาว่าอาจารย์หลายท่านเริ่มเห็นข้อเสียของการทำรายงานสวยๆด้วยคอมพิวเตอร์กันแล้ว      และเริ่มส่งเสริมให้เด็กทำรายงานด้วยมือและปากกา


 


อย่างไรก็ตาม     ประเด็นมิใช่เพียงเรื่องจะใช้คอมพิวเตอร์หรือใช้มือ   ประเด็นที่แท้คือ สอนให้เด็กเรียนรู้วิธีค้นหาข้อมูลอย่างมีความสุข