Skip to main content

บทสนทนาในค่ำวันหนึ่ง

คอลัมน์/ชุมชน


"นี่เธอย้ายบ้านอีกแล้วเหรอ"


- ฮื่อ ใช่แล้ว


"ทำไมน่ะ เป็นไร ชอบย้ายบ้าน แปลกจริงเชียว"


- หนุกดี


"จะบ้าหรือไง" (ทำหน้าแปลกๆ) "รู้หรือเปล่า ย้ายแต่ละทีมีแต่เรื่องเสียเงิน"


- หนนี้จ่ายน้อย


"นั่นแหละ ไงๆ ก็ต้องจ่าย แล้วทำไมเธอไม่ซื้อบ้าน"


- ไม่มีเงิน ไม่ถูกใจ ไม่รู้จะอยู่ไหนแน่ ยังไม่แน่ใจในอนาคต


"โห อะไรของเธอ" (ทำหน้ากลุ้ม) "แล้วพ่อเธอรู้ยัง ว่าลูกเร่ร่อนไปมาตลอดเวลา"


- รู้บ้างไม่รู้บ้าง วันก่อนพ่อเพิ่งโทรมาว่าบ้านถูกน้ำซัดเสียหายเยอะ คงต้องรื้อแล้วซ่อมใหม่


"เห็นไหม คนเขานะ ขอแค่มีที่อยู่อาศัย ซุกหัวนอน ไม่มีใครว่างมานั่งย้ายบ้านเล่นแบบเธอหรอก


- ไม่ได้ย้ายเล่นๆ ย้ายจริง                                   


 


"ถามจริง คิดจะอยู่เชียงใหม่ไปอีกนานหรือเปล่า


- ยังไม่รู้


"อ่ะ กวนอีกแระ เธอคิดว่าตัวเองเป็นผีตองเหลืองหรือเปล่า


- บรรพบุรุษฉันเป็นขมุ อพยพมาจากหลวงพระบาง


 


(ทำหน้ากลุ้มใหม่) "ถามจริง ถ้าไม่มีงานเขียนหนังสือเธอจะทำอะไร


- (นิ่งคิด) อืม ทำนามั้ง แต่ทำจริงๆ คงไม่ได้หรอก โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ชีวิตภาคเกษตรไม่ได้สวยงามอย่างในนิยาย มันก็ไม่ได้สวยงามมาแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละ ไม่งั้นฉันไม่อยากเป็นนักเขียนหรอก


"พูดเป็นนิทาน แหม ไม่อยากเป็นชาวนาเลยมาเป็นนักเขียน"


- เป็นชาวนาเหนื่อยมาก (เริ่มรำพึง) ฉันเคยยืนกลางทุ่งข้าว เดือนธันวาคมนี้แหละ แดดร้อนเปรี้ยงๆ หัวจะแตก มองดูภูเขาที่ล้อมเป็นวงกลมแล้วคิดว่า ข้ามพ้นไปเป็นอะไร


"เป็นไรดีล่ะ"


- ก็เป็นภูเขาอีกชั้นไง (ยิ้ม) ฉันเคยเดินตั้งหลายกิโล ข้ามดอยไปเกี่ยวข้าวอีกดอย เหนื่อยโคดๆ ออกเจ็ดโมง ถึงแปดโมง สี่โมงเย็นเลิกงาน เดินกลับบ้านอีกชั่วโมง ได้สามสิบบาท แถมยังต้องไล่จับปูใส่ชามยำผักกาดดองด้วย


"จับทำไม"


- มีคนอุตริอยากกินปูน้อยกับยำผักกาดดอง เจ้าภาพเขายกมาเป็นกะละมัง มันโยนปูเด็กๆ ลงไปไต่กันยั้วเยี้ย เจอพริกเผ็ดๆ ดิ้นกระแด่วๆ ปีนขึ้นปีนลงชุลมุนวุ่นวาย กินข้าวไปปวดหัวโคดๆ


"5555 ขำกลิ้ง"


- แต่ชีวิตจริงไม่ขำหรอกนะ มันเหนื่อย เลยคิดว่าชีวิตทางภาคเกษตรไม่รุ่ง อยากไปเป็นอย่างอื่น


"คิกๆ แล้วไปเป็นไรจ๊ะ"


- ก็กรรมกรมั่ง ขายของมั่ง ทำนู่นทำนี่ ขายหวยก็เคย ขายน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ ขายถุงก๊อบแก๊บในตลาด ขายอาหารทะเลสด ช่วยร้านอาหารตามสั่ง เฝ้าห้องน้ำในกาด ทำงานบ้านด้วย รับซักรีด ทอดกล้วยแขกขาย


"เหอ ทำไมทำเยอะขนาดนั้น"


- เยอะกว่านี้อีก บางครั้ง คนเราก็อยู่ในจุดที่ไม่สามารถเลือกอะไรได้มาก


 


"แต่ฉันเห็นเธอช่างเลือกมากเลยนะ"


- เมื่อมีโอกาสเลือกฉันก็จะเลือกไง วันก่อน เพิ่งคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึง ท่านพูดอย่างนึงที่ฉันเข้าใจมากๆ ท่านบอกว่า ‘ที่แม่เป็นอยู่อย่างนี้ เพราะชีวิตแม่มีทางเลือกมาโดยตลอด คนเราแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ เท่านั้นแหละ คนที่มีทางเลือก กับคนที่ไม่มีทางเลือก’


"อืมมม"


- การเลือกได้ และได้เลือก เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตคนเรา แต่อีกอย่างที่สำคัญคือการแยกแยะ


"ยังไง?"


- แยกว่าอะไรควรเลือก อะไรไม่ควรเลือกไง


"อ๋อ แต่เราจะรู้ได้ไง (ทำหน้าคิดอีก) ว่าเราเลือกผิดหรือถูก นั่นสินะ จะรู้ได้ไง


- เราก็จะไม่รู้จนกว่าจะได้เลือกไปแล้ว ถึงมีคนบอกว่า เราจะต้องรับผิดชอบต่อทุกๆ อย่างที่เราเลือกเอง


"แต่ในการเลือกนั้น มันไม่เพียวนินา อย่างเช่น ฉันอยากเลือกเรียนศิลปะ แต่ทางบ้านอยากให้เรียนบัญชี ฉันพยายามประนีประนอม แต่ลงท้ายเราทะเลาะกันบ้านเกือบแตก ต่างคนต่างยืนยันในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ผู้ใหญ่ก็เอาประสบการณ์เก่าๆ มาสอนเรา ฉันก็อยากเปิดโลกสมัยใหม่ให้พ่อแม่เห็น สุดท้าย ฉันถูกส่งตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วก็ไม่ได้อะไรกลับมา นอกจากดีกรี


- ก็นั่นไง บางครั้ง ชีวิตก็เลือกไม่ได้ แต่ทุกครั้งเมื่อมีโอกาสเลือก ขอให้เลือกโดยสติสัมปชัญญะที่ดีที่สุด แล้วเมื่อเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้เชื่อมั่นที่จะฝ่าไป


"แหม พูดเป็นละคร แต่ก็ทำให้ฉันนึกออกนะ ชีวิตที่ไม่มีทางเลือกมันเป็นยังไง คิดดูสิ ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่ง ฉันเคยไม่มีทางเลือก หรือไม่สามารถเลือกได้


- แต่เธอก็โชคดี ที่เลี้ยวกลับมาได้จากทางที่เธอไม่ชอบ มีคนอีกมาก อยากไป อยากเป็น อยากพ้น อยากได้อยากมี แต่ไม่มี ไม่ได้ ไม่สามารถ


"คนด้อยโอกาสนะเหรอ"


- ใช่แล้ว


"แล้วทุกวันนี้ เธอคิดว่าตัวเองอยู่จุดไหนแล้ว พอใจกับชีวิตตัวเองหรือยัง


- ก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรดีที่สุด แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายจนเกินไป ฉันชอบชีวิตฉันเอง ชอบที่มันลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็ไปได้ ไม่ฝันถึงอะไรที่สูงส่งมาก มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ มีเงินใช้ ไม่เป็นภาระใคร ช่วยเหลือตัวเองได้ ช่วยเหลือคนอื่นได้บ้าง จุนเจือกันไป กำลังดี


 


"กลัวความลำบากหรือเปล่า"


(คิด) – ไม่กลัวนะ ไม่รู้สิ กลัวนิดหน่อย กลัวการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วไม่มีเงินรักษามากกว่า กลัวคนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะเรา ตอนนี้ฉันเลยคิดไว้ก่อนว่าฉันเป็นโรคร้ายอยู่


- หือ? ไม่เข้าใจ


"ฉันคุยกับเพื่อนที่น่ารักคนนึง เธอบอกว่า เธอจะคิดเสมอว่าตัวเองกำลังเป็นมะเร็ง ไม่ต้องรอให้เป็นจริงๆ หรอก เพราะจะได้ระมัดระวัง ดูแลตัวเอง แต่ก็ไม่ต้องประสาทมากกับชีวิต ถึงสุดท้าย ถ้าเราเป็นโรคร้ายอะไรจริงๆ ก็ต้องพยายามยอมรับมัน อยู่กับมัน เพราะไง สุดท้ายไม่แก่ก็ตาย ไงคนเราก็ตายด้วยแหละ


"ฟังดูดีนะ อืมมม (จ้องหน้า) แต่ถามจริงๆ เธอก็ดูพอใจกับชีวิตดี มีความสุขดี มีงานมีการทำ ทำอะไรนะ


- ออกแบบดีไซน์


"แหม ดูเริ่ดหรูนะยะ ไม่อยากทำนา เลยมาเป็นนักเขียนและกราฟิคดีไซเนอร์


- ไม่เริ่ดหรูอะไรหรอก แค่ฉันทำได้เท่านั้นเอง ใครๆ ก็ทำได้ ถ้ามีเวลาศึกษา เรียนรู้มัน


"ฉันทำไม่ได้"


- ก็เธอไม่ชอบมันมากพอไง เธอชอบอย่างอื่น เธอจึงเลือกทำอย่างอื่น แต่พูดจริงๆ แล้ว ฉันไม่ได้ชอบมันมากหรอกงานออกแบบทั้งหลายเนี่ย มันเป็นงานตลกดี


"ตลกยังไง"


- หลายครั้งมันทำให้ฉันตั้งคำถามกับชีวิต กับโลกนี้ มันเหมือนกับ...แต่ละวัน เราจะอยู่ในยุคสมัยของแสงสีเสียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องการการชักจูงใจ การปลอบประโลม การตื่นเต้นหวือหวา การหลอกล่อ การอะไรต่อมิอะไรต่างๆ นานาที่เสกสรรขึ้นจากอากาศ จากการสื่อสารผ่านเครือข่ายสารพัดสารพัน เราวิ่งๆๆๆ ตามเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ มากมาย ซึ่งสุดท้าย เราก็แค่กลับมากินข้าว พักผ่อน นอน ขับถ่าย อยู่กับปัจจัย 4


"....................."


- ฉันว่าชีวิตฉันตลกดีนะ ครั้งหนึ่งฉันทำงานในภาคคนใช้แรงงาน อยู่กับดินกินกับทราย หามดินเป็นเข่งๆ รับจ้างขนฟืนก็เคย อยู่กับของที่มันจับต้องได้ ออกแรงจนเหงื่อหยดติ๋งๆ ผ้าชื้นขึ้นราซักแทบไม่ทัน มาตอนนี้ ฉันกลับมานั่งอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นวันๆ ทำงานบนจอแบนบางเฉียบ อยู่กับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่ก็มีจริง


 


 


"แล้วเธอชอบไหมล่ะ"


- ก็ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง เหมือนที่เคยเป็นมา


"แล้วเธอชอบทำอะไรที่สุด"


- เขียนหนังสือ


"เพราะอะไรเหรอ"


- งานเขียนเป็นส่วนหนึ่งของอิสรภาพ ฉันพอใจอย่างยิ่ง ตราบใดที่ฉันยังมีความสามารถที่จะเขียน มีเวลา มีมือ มีอุปกรณ์ และดีมากๆ เมื่อมีคนอ่านสิ่งที่ฉันเขียนด้วย


"เธอคิดว่ามันมีคุณค่าพอไหม บางที เธออาจเขียนอะไรที่ไร้สาระก็ได้นะ"


- คนอ่านฉลาดเสมอ (หัวเราะเบาๆ) ความมีสาระกับความไร้สาระมันแบ่งกันยากมาก ฉันมีความสุขและความพอใจที่ฉันได้เขียน ส่วนคนอ่าน...ถ้าเขาไม่ชอบ เขาก็เลิกอ่าน เท่านั้นเอง


"เธอเสียใจไหม ถ้าจะไม่มีคนอ่านในสิ่งที่เธอเขียน"


- ไม่เสียใจ แต่ฉันจะคิดว่า ทำอย่างไร เขาถึงจะมาอ่านสิ่งที่ฉันเขียนอีกบ้าง ฉันอยากให้เขาสนใจสิ่งที่ฉันพูดบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี แต่จะเชื่อไม่เชื่อ ชอบไม่ชอบ อีกเรื่องนึง


"เฮ้อ คุยกับเธอนี่เหนื่อยไงไม่รู้...แต่บ้านเธอก็น่ารักดีนะ มีสวนน้อยๆ ด้วย จัดบ้านสวยเชียว"


- จัดตามมีตามเกิด ไม่ได้ซื้ออะไรมาก ข้าวของก็หามาทีละอย่างสองอย่าง ส่วนมากเป็นของราคาถูก ฉันแค่วางมันให้เข้าที่เฉย"


 


 


"เธอจะรักบ้านหลังนี้ไหม"


- รักสิ ฉันรักบ้านทุกหลังที่ฉันอยู่


"แล้วเธอจะย้ายอีกไหม"


- อาจเป็นไปได้


(ยังทำหน้ามึนงงต่อไป) "เฮ้อ คนเรา"


- ก็นี่แหละคนเรา (หัวเราะเสียงดัง).


 


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------