Skip to main content

ฤดูกาลของฉัน

คอลัมน์/ชุมชน







1


 


อากาศเริ่มหนาวแล้ว หลังจากหมกมุ่นอยู่กับงานออกแบบและจัดรูปเล่มหนังสือเกือบสองอาทิตย์เต็มๆ เงยหน้าดูฟ้าอีกครั้ง พบว่าพายุกำลังจะมา (ฮา)


 


2


 


ฟ้าครึ้มทีเดียว อย่างวันนี้ ขณะกำลังเขียนอยู่นี้ นาฬิกาในคอมพิวเตอร์บอกเวลา 16.48 แต่มองผ่านกระจกหน้าต่างออกไป แสงจืดจางลงอย่างรวดเร็ว เงาดำแผ่ปกคลุมสิ่งต่างๆ ใบไม้ไหวเบา แต่ไอเย็นที่ผ่านมาโดนผิว บอกให้รู้ว่า อากาศกำลังปรวนแปร


                                         


3


 


น้ำจะท่วมอีกหรือเปล่า   คำถามแว้บมาเข้ามาในใจ บ้านใหม่เพิ่งย้ายมาอยู่ ฝนจะรั่วไหม มีรอยน้ำซึมนิดๆ ใต้เพดาน คิดพลางวิตกกังวลเล็กน้อย ขณะเดียวกันอีกใจก็นึกถึงคำพูดของแม่ "อยู่ใต้ฟ้า อย่ากลัวฝน" และ "ฝนฟ้าเป็นเรื่องธรรมชาติ"


 


4


 


นั่นสินะ ธรรมชาติ คือสิ่งที่เคลื่อนไหวในวงจรฤดูกาล มีคำเตือนจากทางการออกมาแล้วว่า ต้น พ.ย. นี้ อากาศทางเหนือจะเริ่มหนาวเย็น ให้เตรียมเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้ากันหนาว ตลอดจนระวังไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นได้ ในอีกแว้บของความรู้สึก ใจลอยกลับไปหาอดีต ไฟกองใหญ่บนลานบ้าน เหมยหมอกปกคลุม เสียงเปรี๊ยะปร๊ะของกิ่งไม้โดนความร้อน กลิ่นของใบไม้แห้ง (แต่ชื้นหมอก) เหล่านั้นล่องลอยเข้ามาในความทรงจำ


 


5


 


คิดถึง


 


6


 


ละสายตาออกห่างมอนิเตอร์ เหลียวกลับไปมองอัลบั้มรูปบนชั้นหนังสือ มีภาพมากมายที่เคยถ่ายเก็บไว้ในฤดูหนาว ฤดูฝน ฤดูร้อน และในฤดูแล้งอีกด้วย ทุกครั้งที่กลับบ้าน (และหายืมกล้องถ่ายรูปไปได้) บางคราว


โฟกัสห่วยมาก ออกมาบุบเบลอ รางเลือน แต่บรรยากาศกับรอยยิ้มของผู้คนในภาพ สลักตรึงใจ สวยเหลือเกิน


 


7


 


ฝนตกลงมาแล้วจนได้ จากเบาๆ ค่อยแรงขึ้น วิ่งไปปิดประตูหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะชะโงกดูเทียนญี่ปุ่นใต้ชายคา กลีบขาวถูกน้ำชะแรง กระจัดกระจายเหมือนดาวบนดิน กุหลาบคลี่บานเพื่อที่จะร่วง


 


8


 


เหมือนความรักหรือไร ?


 


9


 


กลับมาเปิดกล่องในคอมพิวเตอร์ พบภาพจำนวนมากมายอัดซ้อนแน่นขนัด ฉันสังเกตว่า นอกจากภาพผู้คนทั่วไปแล้ว ฉันยังเฝ้าถ่ายรูปท้องฟ้า ดอกหญ้า ถนน เมฆ พระอาทิตย์ ฯลฯ สิ่งต่างๆ ที่เรียกว่า "ธรรมชาติ"หรือประกอบกันเป็นทัศนียภาพ ซึ่งเพื่อนบางคนค่อนอย่างเอ็นดูว่า


 


"นี่หรือ เอาไปทำโปสการ์ดขาย มันธรรมดาไปหน่อยนะ"


 


10


 


เอาภาพมาฝากค่ะ เป็นชุดโปสการ์ดที่ฉันทำเอง ถ่ายภาพเอง เขียนกลอนประกอบ (ทุกชิ้นเป็นร่างแรกและร่างเดียว เขียนขณะที่ถ่ายภาพเสร็จ ถ้า 1 ภาพนั้นเสมือนใบหน้าจำเพาะ บทกลอนซึ่งอยู่ถัดมา คงเป็นคู่รักที่เติบโตมาด้วยกัน


 


11


 


อ่านฤดูกาลของฉันดูนะคะ :-)


 


…………………


 


 










สุดถนนเดินทางระหว่างชีวิต


ประทับใจในมิตร สนิทเสมอ


สุดขอบฟ้าฝั่งฝัน วันล้า เธอ


ยังเหมือนวันแรกเจอ คือแรงใจ


(ถนนกลับบ้าน ปี 47)


 


 










แม้อาทิตย์จะดับลงลับโลก


หรือทุกข์โศกคลุมรอบอยู่รอบด้าน


เธอยังเป็นหนึ่งใจ ในชั่วกาล


เป็นความรัก ความหวาน ความมั่นใจ


 (

ถนนกลับเข้าเมือง ปีเดียวกัน)


 


 










เหมือนแดดสวยสาดแสงลงแต่งโลก


รักเธอคลายทุกข์โศก โลกแห่งฉัน


เป็นมวลเมฆเสกฟ้า งามตาวัน


ห่มห้อมหัวใจฉัน หอมหวานนัก


 

(ทุ่งนาเมืองพร้าว ฤดูฝน)


 

 


 










อยากให้เธอมาเห็นลมเล่นหลอก


อย่างเย้าหยอกดอกหญ้าว่าหวั่นไหว


ระบัดเอน ระเนนนิด ก็ชิดไป


หรือจะเหมือนหัวใจ ยามไกลกัน


 

(ดอกหญ้าบนทางขี่จักรยาน ห้วยตึงเฒ่า)


 

 


 













อาจจะเป็นเก้าอี้ที่ว่างเปล่า


โดยเงียบเหงาในห้องที่หมองหม่น


หากในมุมลับเร้นเป็นท่วมท้น


ด้วยอารมณ์หลากล้น คิดถึงเธอ


 

(ห้องทำงาน บ้านหลังแรกในเชียงใหม่ ชั้นหนังสือมีคนให้ยืมมา )


 


 


 










หากเมฆคือนาฏกรรมของท้องฟ้า


ประกายตาฉันคือภาพทอทาบฉาย


จูบแรกจากตะวัน พรรณราย


อยากให้เหมือนจูบสุดท้าย ระหว่างเรา


 

(ยามเช้าที่แม่ริม ไปขี่จักรยานครั้งแรก)



 


 













บางทีใต้พื้นผิวอันลับเร้น


อาจจะเป็นที่ซ่อนความอ่อนไหว


ภายนอกทำกล้าแกร่งเพียงแสร้งไป


ด้วยภายในห่วงหาอาวรณ์เธอ


(ร้านกาแฟชื่อ เธอ แถวหลังมอ ตั้งใจจะถ่ายมด แต่โฟกัสได้เงาไม้)



 


 













เพียงพระจันทร์เสี้ยวเดียวอันเปลี่ยวเปล่า


จากเงื้อมเงา ม่านหมองของฟ้าค่ำ


แปรจากเหลืองสู่ขาว ราวบางคำ


มาเตือนย้ำว่าทางใจ เราไกลกัน


(มีคนชอบถามมากว่าถ่ายภาพนี้มาทำไม สังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีพระจันทร์เสี้ยว, แม่ริม ปี 47)



 


 













แรเป็นริ้วระบาย ชายขอบฟ้า


คลี่ผืนพลันพร่างตา จ้าเจิดแจ่ม


เขียวในเขียว ส้มในแสด แวดล้อมแซม


ประดับแก้มฤดูแล้ว ฤดูใจ


(ทองกวาวริมทุ่ง ทางขี่จักรยานเช่นกัน)




 


 














ครามและเขียวดูเปลี่ยวเปล่า แต่เปล่าหรอก



ด้วยมีดอกไม้แต้ม แนมป่าฝัน


สวยในเศร้า เหงาในงาม ด้วยยามนั้น


หัวใจฉันจรัสจ้า ด้วยตาเธอ


(ทองกวาวต้นเดิม แต่เป็นยามบ่ายที่ฟ้าจ้าไปหมด)



 


 
















วิบวับนั้นดวงไฟหรือไรเล่า


อีกประกายไฟเก่า ใช่ดาวไหม


แล้วสุดตาฟ้าคราม งามสุดใจ


สะท้อนถึงสิ่งใด...ในตาเธอ


(ร้านอาหารเล็กๆ บนทุ่งนาแถวแม่เหียะ ซึ่งตอนนี้แปรเป็นโครงการบ้านจัดสรรไปแล้ว)



 


 
















ระยิบระยับ ราวกับจะแข่งดาว


โอ้ชมพูพราว กอดเมืองเรืองไร


วอมแวมวิบวับ แล้วลาลับลอยไป


มายั่วเย้าแล้วไย ใจร้ายคลายคืน


ให้หลงหลับแล้วตื่น


...น้ำตารื้นคลอใจ


(มองจากห้องพักของโรงพยาบาล ตอนป่วยเป็นไข้เลือดออก)


 


 
















ดุ่มเดินเดี่ยวเที่ยวท่อง ลอยละล่องบนโลก


หมื่นถนนค้นโชค โอ้นักแสวงหา


ลิบลิบคือบ้าน หรือเมฆม่านมายา


ขาวขาวบนฟ้า หรืออดีตกาล


ถ้าจากไปนานนาน


จะคิดถึงกันไหม ?


 

(ไปเรียนขับรถกับน้อง ถนนที่เห็นคือเลนฝึกของเรา)



 


 
















บอกรักเธอด้วยดอกไม้


คิดถึงอยู่ในแดดอ่อน


ให้รู้...ห่วงหา อาทร


เว้าวอนมาด้วยหัวใจ


(หน้าบ้านหลังแรกในเชียงใหม่ กระถางดินเผาเพื่อนปั้นมือให้)


 


 
















โลดลิ่วเป็นทิวแถว ตามแนวถนน


ตามทางฝันดั้นด้น สู่หนแห่งใด


จากเมืองสู่บ้าน หรือลอยผ่านลาไกล


จากห้วงแห่งหัวใจ สู่มนต์มายา


จากกันด้วยน้ำตา


...หรือรอยยิ้มพริ้มไป?


(ถนนในเชียงใหม่ ตอนมาครั้งแรก)



 


 
















เหมือนมีลมหายใจอยู่ในทุกๆ สิ่ง


หลอมความลวง ความจริง ความนิ่ง ความไหว


ทั้งสวยก่ำฉ่ำโรย และโดยร่วงลาไป


เป็นทั้งเช้าวันใหม่


และอีกวันธรรมดา


(ร้านชำหน้าหมู่บ้าน ภาพนี้น้องวาดวลีเป็นผู้ถ่ายให้ ชอบที่มีของสีเหลืองเต็มไปหมด :-))


 


 


 




















เขียวใสในความนึกคิด


ชีวิตผูกพันพุ่มข้าว


แตกกอ รอรวงเหลือง, เร้า


ฝันถึงฤดูเจ้าเรืองรอง


...สวยส่องในความเงียบงัน


ใครหนอฝันถึงทุ่งทอง?


 

(กลับจากงานศพตา มีคนขอโบกรถมาด้วย พวกเขาเป็นชาวนา?)



 


 
















แดงเป็นแดง ฟ้าเป็นฟ้า เจิดจ้านัก


หรือจะเหมือนความรักคราวหมาดใหม่


แรงสุดแรง ร้อนสุดร้อน ราวซ่อนไฟ


มีแต่จะเผาไหม้และหลอมลาม


(ขี่จักรยานขณะแดดเริ่มร้อนจัด เงยหน้าเห็นหางนกยูงฝรั่ง ร้อนกว่า!)



 


 







http://www.prachatai.com/05web/upload/Village/library/gallery/2005