การศึกษามรณะ ตอนที่ 4
คอลัมน์/ชุมชน
เก็บความจากบทความ ข้อสอบมฤตยู ในคอลัมน์วาไรตี้ทูเดย์ ของเอเอฟพี หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ 25 ตุลาคม 2548
"เด็กหญิงสวาดี วัยเพียง 18 ปี หนึ่งในเด็กหัวกะทิของโรงเรียนแห่งหนึ่งในอินเดีย ต้องจมอยู่กับความหวาดระแวง ความเครียด และความกังวลทุกครั้ง เมื่อฤดูแห่งการสอบมาถึง และเธอจะหมกตัวอยู่ในห้องคนเดียวนานหลายชั่วโมงเพื่อทำใจกับผลสอบที่ออกมา ซึ่งปรากฏว่าเธอผ่านแบบฉลุย
ขณะที่อรุนา เด็กหญิงวัย 17 ปี ดื่มยาฆ่าแมลงปลิดชีวิตตนเอง ทันทีที่รู้ว่า เธอสอบตก...
เรื่องราวฆ่าตัวตายของเด็กนักเรียนที่ผิดหวังและกลัดกลุ้มแสนสาหัสในการสอบ มีให้เห็นแทบทุกวันบนหน้าหนังสือพิมพ์อินเดีย...
...เด็กทุกคนจะถูกตัดสินด้วยคะแนนสอบ คนไหนคะแนนดีก็ได้รับการชมเชยว่าเป็นเด็กดี แต่เด็กที่เรียนไม่เก่ง คะแนนน้อย ถือเป็นความล้มเหลวและสร้างอัปยศอดสูแก่วงศ์ตระกูล
โอกาสที่เด็กคนหนึ่งจะย่างเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในอินเดีย สถานที่ที่จะสร้างอนาคตในหน้าที่การงานและชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าทำคะแนนสอบได้ในระดับ 90-100%หรือไม่...
...แม้แต่เพื่อนที่สนิทกันมากๆก็คือศัตรูสำคัญ อากริตี เด็กคอนแวนต์วัย 16 ปีกล่าว
ด้านนิดลี เด็กหญิงวัย 16 ปี เล่าว่า...เพื่อนของเธอที่ผิดหวังในการสอบ มักเลือกจบชีวิตตนเองด้วยการดื่มยาพิษเป็นส่วนใหญ่ และไม่ลืมที่จะทิ้งจดหมายขอโทษขอโพยผู้ปกครองเอาไว้ด้วย
อีกกรณีที่แย่ไปกว่านั้นคือ มีแม่บางคนที่รู้ดีว่า ลูกตัวเองคงทำสอบไม่ได้หรือทำได้ไม่ค่อยดี ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายเสียเอง
ความกังวลของพ่อแม่ ความกดดันจากเพื่อนและญาติ และความหวาดกลัว คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเราเศร้าสลด เราต้องอับอายขายหน้าคนรอบข้าง หากทำข้อสอบไม่ได้อย่างที่หวังไว้ มิธเรยี เด็กหญิงวัย 12 ปีกล่าว
แอนเดรีย ราชะยอมรับว่า เธออาจจะกดดันลูกชายเรื่องการเรียนมากเกินไป แต่นั่นก็มาจากที่เธอต้องอาบเหงื่อต่างน้ำหาเงินมาส่งลูก ทั้งเรียนในโรงเรียนและกวดวิชา
เพราะฉันไม่มีการศึกษา จึงทำให้คนรอบข้างดูถูกอยู่เรื่อย บางคนเห็นฉันเป็นแค่คนใช้ ดังนั้น ทางเดียวที่จะสร้างความภูมิใจให้ฉันได้ คือผลักดันลูกให้เรียนสูงๆ เป็นวิศวกร ฉันไม่อยากให้ใครมาดูถูกลูกของฉัน แอนเดรียบอก"
ทั้งหมดที่ยกมาเป็นเรื่องเล่าจากอินเดีย คล้ายบ้านเรามั้ย
การกล่าวโทษพ่อแม่ว่ากดดันลูกเป็นเรื่องที่ไม่ควร เพราะอะไรที่พ่อแม่ทำไปก็ทำไปในนามแห่งความรัก ประการหนึ่งเป็นจริงที่ว่าทางออกจากความจนและสถานะของตนคือเรียนให้เก่ง เช่น ชีวิตของผู้เขียน เป็นต้น แต่ข้อไม่ดีของวิธีนี้คือผู้ชนะมีจำนวนน้อยกว่าผู้แพ้ คำถามคือผู้แพ้ไปไหน และเมื่อสะสมผู้แพ้มานานสามสิบปี ขณะนี้มีจำนวนผู้แพ้เท่าไร
เหตุการณ์วันนี้ก็ไม่เหมือนสามสิบปีก่อน แต่ก่อนเด็กทุกคนในห้องเรียนมีโอกาสเท่ากันในวันสอบไล่ของโรงเรียนและเท่ากันในวันสอบเข้าโรงเรียนใหม่หรือมหาวิทยาลัย อยู่ที่ใครฉลาดกว่าใครและใครขยันกว่าใคร ไม่มีตัวกลาง แต่ปัจจุบันมิใช่เด็กทุกคนที่มีโอกาสเท่ากัน เด็กที่มีเงินจ่ายค่ากวดวิชามีความได้เปรียบในสนามสอบมากกว่า ทั้งวันสอบไล่ของโรงเรียนและวันสอบเข้าโรงเรียนใหม่หรือมหาวิทยาลัย จึงว่าเอ็นทรานซ์ช่วงหลังไม่ยุติธรรม
เพราะแพ้ชนะตัดสินกันตั้งแต่ยังไม่ถึงวันสอบ
วัยรุ่นมีหน้าที่ทางจิตวิทยา 2 เรื่อง 1.คือรู้ว่าตนเองเป็นใคร 2.คือรู้ว่าตนเองจะไปไหน ปัจจุบันวัยรุ่นไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร เหตุผลหนึ่งเพราะหากไม่ได้เกรด 4.0 ก็จะไม่ได้รับการ recognized จึงหาอัตลักษณ์กันด้วยมือถือ แบรนด์เนม หรือพฤติกรรมกวนเมือง ปัจจุบันวัยรุ่นไม่รู้ว่าตนเองจะไปไหน เพราะไม่มีที่เรียน ถึงมีที่เรียนก็รู้ว่าเรียนไปงั้นๆ จบมาก็หางานที่ดีไม่ได้ ต้องยากจนอยู่ดี
วัยรุ่นจึงซึมเศร้าซ่อนเร้นทั้งเมือง อัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มรวดเร็วจน(ไม่)น่าแปลกใจ
บทความการศึกษามรณะทั้ง 4 ตอนมองปัญหาวัยรุ่นในแง่ร้าย เพราะคิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้นร้ายจริง
ผมพบเด็กที่ซึมเศร้าหรือป่วยเป็นโรคจิตคนใหม่ๆทุกวันๆละหลายคน วันจันทร์และวันพุธพบที่โรงพยาบาล วันอังคารพบที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัด วันพฤหัสพบในเรือนจำกลางจังหวัดซึ่งใช้เป็นสถานที่ควบคุมตัวเด็กติดยา วันศุกร์พบที่สถานพินิจเด็กฯ
ไม่มีสัปดาห์ใดเลยที่จะไม่มีเพื่อนร่วมงานเอาปัญหาวัยรุ่นมาปรึกษา
จึงไม่ทราบว่าจะประนีประนอมกับความร้ายกาจเหล่านี้ไปทำไม