โครงการลองสเตย์
คอลัมน์/ชุมชน
ผมเรียนให้ท่านทราบถึงโครงการของรัฐบาลมาหลายสัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไข อาจจะทำให้ท่านเข้าใจผิดว่ารัฐบาลทำแต่เรื่องที่ผิด
ผมเรียนว่าความจริงแล้วรัฐบาลได้ทำงานได้ผลอย่างน่าชื่นชมหลายเรื่อง เช่น นโยบายการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสามารถทำให้คดียาเสพติดลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผมถือว่าเป็นผลงานที่น่าชมเชย
โครงการที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งก็คือ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งเราเคยไปเอาแบบมาจากญี่ปุ่น เดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นต้องหันมามองไทย และมาดูงานที่ประเทศไทยเพราะยอดขายของสินค้าโอทอปนับหมื่นล้านบาทต่อปี
ที่ผมเขียนเล่าจากสภามาให้ฟัง เพราะรัฐบาลยังไม่ได้แก้ไขในสิ่งที่น่าจะได้รับการแก้ไข
ผมค้างโครงการลองสเตย์เอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่เกิดจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔ ที่จะส่งเสริมโครงการการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว (long stay) โดยจัดให้มีการจัดตั้งบริษัทไทยจัดการลองสเตย์เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๔ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยถือหุ้น ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นภาคเอกชน
ผมในฐานะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภาในขณะนั้น ก็ได้คัดค้านการจัดตั้งบริษัทที่ภาคเอกชนถือหุ้นใหญ่และอ้างชื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหาผลประโยชน์ โดยเอาที่ทำงานมาจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาเป็นสำนักงานที่ถนนราชดำเนิน และกรรมการบริษัทคนหนึ่งซึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีการท่องเที่ยวสมัยนั้นเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไทยจัดการลองสเตย์อยู่ด้วย
ผมอภิปรายคัดค้านในสภาที่ปรึกษารัฐมนตรีก็มีการลาออกจากการเป็นกรรมการผู้จัดการ ขอเรียนว่าผมไม่ได้คัดค้านโครงการลองสเตย์ของรัฐบาล เพราะเป็นการดีที่จะนำนักท่องเที่ยวระยะยาวมาเที่ยวเมืองไทย แต่ขอคัดค้านที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไปถือหุ้นการเอกชน โดยเปิดโอกาสให้เอกชนผูกขาดการท่องเที่ยวระยะยาว
ใครจะทำโครงการท่องเที่ยวระยะยาวต้องผ่านนายหน้า คือบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ ท่านคงจำได้ว่าผมคัดค้านเรื่องการใช้อำนาจการผูกขาดโดยรัฐมาหาผลประโยชน์จากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทไหนก็ตามที่พยายามทำให้มีอำนาจการผูกขาดเพื่อหาผลประโยชน์
ผมคัดค้านเรื่องการคิดค่าผ่านท่อก๊าซธรรมชาติโดย ปตท.ที่ผูกขาดจนมีกำไรนับแสนล้าน และยังจะเกิดขึ้นกับ กฟผ.ในอนาคตอันใกล้ แม้ว่าจะอ้างว่ารัฐบาลถือหุ้นข้างมากก็ตาม ผมก็ยังไม่เห็นด้วย เพราะอำนาจผูกขาดโดยขาดองค์กรกำกับดูแลจะก่อให้เกิดการคิดค่าใช้บริการที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งทั่วโลกเขามีองค์กรกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจไม่ให้ใช้อำนาจผูกขาดคิดราคามากเกินจริง แต่ของบริษัทไทยจัดการลองสเตย์นี้รัฐถือหุ้นเพียง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ และได้ใช้งบประมาณของรัฐไปปีละยี่สิบล้าน มาสองสามปีแล้ว ซึ่งผิดเป็นอย่างมากเพราะภาคเอกชนที่ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้ลงเงินมากมายกลับมาใช้งบของหลวงในการทำงาน
อยากให้มองที่ฮ่องกง ที่ดิสนีย์แลนด์ต้องลงทุนมากขนาดไหน แต่รัฐไม่ต้องลงเงินเลย กลับได้นักท่องเที่ยวมหาศาล แต่นี่ไม่ได้นักท่องเที่ยวระยะยาวสมกับงบที่ลงทุนไปสามปีเกือบร้อยล้านแล้ว นอกจากไม่มีผลงานทางด้านลองสเตย์แล้ว ขณะนี้มีแนวโน้มว่าบริษัทจะทำการท่องเที่ยวแข่งกับภาคเอกชนอีกด้วย คือนอกจากเรื่องการท่องเที่ยวระยะยาวแล้ว ยังคิดจะทำการค้าอย่างอื่นเช่นทัวร์ โรงแรม ฯลฯ
แล้วต่อไปบริษัทนำเที่ยว โรงแรมไหนถ้าไม่ผ่านบริษัทไทยจัดการลองสเตย์จะอยู่ได้หรือ ท่านคิดดูถ้าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำทัวร์เอง ทำโรงแรมเอง เงินงบประมาณที่ให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศจะไม่ใช้เพื่อบริษัทตัวเองหรือ แล้วใครที่ได้ผลประโยชน์ ตอบได้เลยก็คือคนที่ถือหุ้น ๗๐ เปอร์เซ็นต์นั่นเองที่อ้างชื่อการท่องเที่ยว อ้างชื่อเพื่อใช้งบประมาณของประเทศหาผลประโยชน์
ขอเรียนว่า ขณะนี้กรรมาธิการการแปรรูปรัฐวิสาหกิจกำลังตรวจสอบเพื่อดูว่าใครถือหุ้นอยู่ในบริษัทนี้ และบริษัทนี้จะทำการผูกขาดการท่องเที่ยวหรือไม่
เราต้องติดตาม และร้องเรียนต่อท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อทบทวนโครงการนี้โดยด่วน