Skip to main content

ค่าฉลาด

คอลัมน์/ชุมชน

วันนี้ประเทศไทย และเกือบทุกประเทศทั่วโลก ต้องประสบกับความเดือดร้อนเรื่องราคาน้ำมัน เรียกว่าน้ำมันเป็นปัจจัยหลักทั้งภาคการผลิต การอุตสาหกรรมการขนส่ง และอีกหลากหลายกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เพราะน้ำมันเป็นตัวจักรของการขับเคลื่อนธุรกิจของโลก น้ำมันจึงเปรียบเสมือนผู้สร้างและผู้ทำลายในเวลาเดียวกัน น้ำมันทำให้บุคคลบางกลุ่ม บางประเทศร่ำรวย และน้ำมันทำให้ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศยากจน


ยกตัวอย่าง เช่น ประเทศไทยกำลังประสบกับการขาดดุลการค้านับหมื่นนับแสนล้าน เพราะความต้องการใช้น้ำมันของคนในประเทศสูงขึ้น มนุษย์กำลังลุ่มหลงอยู่กับความสบาย และสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันที่ล้วนต้องตกอยู่ในวังวนของการพึ่งพาน้ำมัน ทั้ง ๆ ที่มนุษย์เป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นสร้างกลไกของเครื่องยนต์ขึ้นมาเอง เริ่มตั้งแต่การใช้ฟืน และพัฒนามาเป็นเครื่องยนต์ไอน้ำ และสุดท้ายก็ผลิตเครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานจากน้ำมัน


จากวันนั้นถึงวันนี้นานหลายทศวรรษ น้ำมันก็ยังเป็นพลังงานยอดนิยมที่คนทั่วโลกต้องการ แม้จะมีผู้ออกมาตะโกนบอกว่าน้ำมันกำลังจะหมดโลก พลังงานน้ำมันกำลังจะขาดแคลน ทำให้หลายประเทศมีความวิตกกังวลและพยายามหาพลังงานมาทดแทน โดยหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติ และผลผลิตทางภาคเกษตร เช่น เอทานอล แต่การหาพลังงานเหล่านั้นมาทดแทนก็ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า ไม่ทันต่อเหตุการณ์ และความต้องการของมนุษย์ ในขณะที่ฝ่ายวิศวกรรมผู้ผลิตยานยนต์ของแต่ละประเทศก็คิดค้นเครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันขึ้นมาอีกมากมาย ทำให้มนุษย์ที่ชาญฉลาดต้องตกเป็นทาส เครื่องจักรกลและสิ่งที่ผลิตคิดค้นขึ้นมาเองอย่างช่วยไม่ได้


ผู้เขียนเป็นผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องจักรกลเลย ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไม ผู้ที่มีความรู้ด้านนี้ไม่ลองประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรกลที่ทันสมัย โดยไม่ต้องตกเป็นทาสน้ำมันบ้าง เพราะในเมื่อเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน มนุษย์ก็เป็นผู้สร้าง แล้วทำไมไม่ลองคิดค้นเครื่องยนต์ระบบอื่นดูบ้าง


ผู้เขียนเคยได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมในงานสมัชชาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่จัดที่ศูนย์การประชุมไบเทค เมื่อเดือนที่แล้ว และได้เสนอข้อคิดเห็นอย่างนี้ต่อที่ประชุม หลายคนอมยิ้ม คงคิดว่าคนบ้ามาจากไหน เพราะในที่ประชุมมีแต่อาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และผู้ทรงความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการวิจัย เรียกได้ว่า เป็นงานที่รวบรวมอภิมหาดอกเตอร์ มากมายนับพันคน แต่คนเสนอความคิดเรื่องนี้มีวุฒิการศึกษาแค่ชั้น ป . 4 และเสนอเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ต่อที่ประชุม และที่ได้ยินชัดเจนตอนกินข้าวคือ คนพวกนี้ดูถูกชาวบ้านอย่างมาก กินข้าวไป ด่าเอ็นจีโอไป และเลยไปด่าชาวบ้านว่าโง่ โดนพวกเอ็นจีโอปั่นหัวก็เชื่อแบบโง่ ๆ ประเทศพัฒนาไม่ขึ้นก็เพราะชาวบ้านไม่ยอมฉลาดเสียที


แต่ผู้เขียนกลับมองว่า ความโง่ ความฉลาด มีเพียงเส้นบาง ๆ กั้นไว้เท่านั้น โง่ฉลาดอยู่ที่มุมมองและเหตุผลของแต่ละฝ่าย เรื่องที่ฉลาดของอีกคนหนึ่ง อาจจะเป็นเรื่องโง่มหาศาลของคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้ คนที่เรียนมากอาจโง่กว่าคนที่เรียนน้อยก็ได้ในบางเรื่อง และที่ประเทศไม่เจริญหรือเจริญช้า ก็อาจเป็นเพราะท่านผู้รู้ที่เป็นมันสมองของประเทศ อาจฉลาดแบบโง่ ๆ ก็ได้ ( อันนี้เป็นความคิดส่วนตัว) เรื่องที่ควรจะคิดไม่คิด ไปคิดเรื่องอะไรก็ไม่รู้


วงการวิจัยก็เหมือนกัน ยังติดอยู่ในวังวนแคบ ๆ ไม่ได้เปิดกว้างให้คนมาลับสมองบ้างเลย เพราะรูปแบบการเสนอโครงการวิจัยยังเป็นรูปแบบเดิม ผู้วิจัยอยากทำอะไรก็เสนอโครงการขึ้นมา ผู้ที่พิจารณาก็ดูความเหมาะสมความเป็นไปได้ของโครงการ แล้วก็อนุมัติงบประมาณตามที่เสนอมา บางงานก็ได้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ บางโครงการก็มั่วข้อมูลด้านเดียว หรือไม่ครบประเด็นที่ควรจะเป็น ( คนพวกนี้มักคิดว่าตนเองฉลาด)


แต่ผู้เขียนคิด ว่า วงการวิทยาศาสตร์และวงการวิจัยของประเทศไทยน่าจะมีการยกเครื่องระบบใหม่กันบ้าง วันนี้ทุกประเทศกำลังประสบกับวิกฤติน้ำมัน ทำไมถึงไม่ตั้งกองทุนวิจัยและไม่ต้องรอให้คนวิจัยเสนอโครงการ แต่เป็นการตั้งโจทย์ให้ผู้สนใจเข้ามาคิดค้นเกี่ยวกับการวิจัยเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องใช้น้ำมันกันบ้าง โดยตั้งกองทุนสนับสนุนการวิจัยเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และมีการตั้งรางวัลสูง ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจกับนักวิจัย และอย่าคิดว่ามนุษย์จะทำไม่ได้ หลาย ๆ เรื่องมนุษย์ทำสำเร็จมาแล้ว จะกลัวอะไรกับเงินงบประมาณ ทีเสียค่าโง่และค่าคอรัปชั่นรูปแบบต่าง ๆ ปีละเป็นพันเป็นหมื่นล้านยังเสียได้ หากจะตั้งรางวัลให้กับผู้วิจัยสักหมื่นสักแสนล้านก็ไม่น่าเสียดาย และหากมีผู้ทำสำเร็จและใช้งานได้จริง จะต้องจ่ายค่าฉลาดบ้างก็เป็นเรื่องน่ายินดีกว่าการจ่ายค่าโง่


จริงไหมท่านผู้อ่าน


พบกันคราวหน้า อย่าลืมนะ สนุกไม่แพ้กันเลย