Skip to main content

ถุงยางอนามัยป้องกันสังคม

คอลัมน์/ชุมชน








































































































 

การทำงานเรื่องเพศกับเยาวชน คนหนุ่มสาว สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ คือ ความเท่าเทียมในสิทธิทางเพศของหญิง ชาย และการเปิดใจให้กว้าง ยอมรับและเคารพ ในวิถีทางเพศที่แตกต่าง ท่ามกลางสังคมที่หลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม และ ฯลฯ

 


 

เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่ปัญหาเรื่องเอดส์ที่เด็กและเยาวชนเผชิญอยู่ในปัจจุบันจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงใจ จากรัฐบาลไทย กล่าวคือ ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๗ ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ วัยใสไกลเอดส์ โดยจะมีการแบ่งห้องย่อยเสวนาแนวทางการป้องกันเยาวชนและวัยรุ่นไทยให้ปลอดเอดส์ ใน ๔ หัวข้อ คือ ๑ ) เพศศึกษาแค่ไหน อย่างไร ที่จะช่วยให้เด็กไทยปลอดเอดส์ ๒) รณรงค์อย่างไร ให้ตรงใจวัยโจ๋ ๓) สื่อยุคปัจจุบัน: สร้างสรรค์หรือยั่วยุ และ ๔) ความเสี่ยงของเยาวชนบนเส้นทางที่ล่อแหลม ซึ่งเนื้อหาและข้อเสนอจากการประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่นโยบายการป้องกัน และแก้ไขปัญหาเอดส์ในเยาวชนและวัยรุ่นของรัฐบาล

 

และเป็นโอกาสที่น่ายินดี ที่เครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ ประเทศไทย จะนำการบ้านที่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้โจทย์แก่เครือข่ายเยาวชน ในเวที " เพิ่มเสียงเยาวชน= ลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่" วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ว่า " ให้เยาวชนไปหาวิธีการป้องกันปัญหาเอดส์ในกลุ่มเยาวชนมา และจะตั้งคณะอนุกรรมการชุดเยาวชนเพื่อเสนอเรื่องนี้ต่อผู้ใหญ่ "

 

ระยะเวลากว่า ๒ เดือนที่เครือข่ายเยาวชน มุ่งมั่น ร่วมกันหาแนวทางการดำเนินการ และสร้างกระบวนการทำงานเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์ในกลุ่มเยาวชน ผ่าน " โครงการถุงยางอนามัยป้องกันสังคม" ซึ่ง เครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับความร่วมมือ การสนับสนุนด้านต่าง ๆ เช่น ทุน ทรัพยากร ข้อมูล จากผู้มีบทบาทสำคัญในระดับนโยบาย สื่อมวลชล ศิลปิน แกนนำเยาวชน องค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อรวมพลังสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตของคนหนุ่มสาว ที่หวังว่าจะเป็นอนาคตของชาติ วันนี้เสียงของเยาวชนดังจากปัจจุบัน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต

 

ถุงยางอนามัยป้องกันสังคมอย่างไร ? ป้องกันได้จริงหรือ? ทำไมต้องถุงยาง? และ ฯลฯ

 

คอลัมน์ " หนุ่มสาวสมัยนี้" ขอนำรายละเอียดที่สำคัญของโครงการมานำเสนอ ดังนี้

 

ที่มาและความสำคัญของโครงการ

 

จากประสบการณ์การทำงานในพื้นที่และการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนเยาวชนนานาชาติในการประชุมเอดส์โลก เครือข่ายเยาวชน พบว่าการทำงานของเยาวชนในชุมชนต่างๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มเพื่อนเยาวชนได้ง่าย ทำงานสอดคล้องกับปัญหา ช่วยสร้างพฤติกรรมที่ปลอดภัยสร้างทักษะการดำเนินชีวิตและพัฒนาภาวะผู้นำแก่เพื่อนเยาวชนและตนเองแต่สังคมยังขาดความเข้าใจและมีอคติต่อการทำงานของเยาวชนและถุงยางอนามัยทำให้เยาวชนทำงานยากและมีปัญหาเรื่องเพศของเยาวชนที่มีอยู่เดิมทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เครือข่ายฯ จึงได้จัดทำโครงการ " ถุงยางอนามัยป้องกันสังคม" เพื่อรณรงค์ให้สังคมเข้าใจ และสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้เรื่องเพศ มีสิทธิ เข้าถึงบริการ มีทางเลือกในการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและรับผิดชอบ

 
โครงการถุงยางอนามัยป้องกันสังคม เป็นการใช้บทเรียนชีวิตของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการป่วยด้วยโรคเอดส์เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง และพยายามหาวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายเช่นเดียวภูมิคุ้มกันสังคมในปัจจุบันที่มีความบกพร่องทั้งระบบครอบครัว เศรษฐกิจ การศึกษาและสภาวะแวดล้อม ทำให้เด็กและเยาวชนขาดที่พึ่ง ขาดความรู้ ทักษะและถูกกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมให้มีพฤติกรรมเสี่ยงได้ง่าย
 

การทำให้เยาวชนมีความตระหนักในการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ได้ จะทำให้เยาวชนได้ผ่านเรียนรู้เรื่องเอดส์ เพศศึกษาที่รอบด้าน เท่าทันต่ออารมณ์ความรู้สึกของตนเอง มีความรับผิดชอบเคารพสิทธิตนเองและผู้อื่นรู้จักใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ การสื่อสารต่อรองได้

 
จากสถานการณ์ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่า วัยรุ่นเผชิญกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยและรับผิดชอบ ทำให้เกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ การท้องที่ไม่พร้อม และต้องทำแท้ง ระบบทุนนิยมที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักที่วัยรุ่น เห็นการพลอดรักในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้
 

สังคมโดยส่วนใหญ่เห็นว่า วัยรุ่นปัจจุบันมีเพศสัมพันธ์ เร็วขึ้น บ่อยขึ้น และฉาบฉวย ปัญหาที่ตามมา มากมายจากเหตุการณ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาข่มขืน การติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้น เรื่องเศรษฐกิจ การขายบริการ เด็กกำพร้า ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมทั้งสิ้น

 
เมื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการเกิดสถานการณ์แล้วอาจสรุปได้ ว่า
 

๑ . ปัจจุบันวัยรุ่นรับสื่อได้กว้างขึ้นและได้ทุกชนิด
๒ . วัยรุ่นเห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์เร็วเป็นเรื่องปกติ เพราะเห็นคนอื่นทำ ตัวเองก็สามารถทำได้
๓ . ปัจจุบันวัยรุ่นย้ายเข้ามาอยู่ในหอพัก ซึ่งห่างไกลจากครอบครัว
๔ . เป็นเรื่องของธรรมชาติในช่วงวัยนี้ที่จะมีความต้องการทางเพศ และหาทางปลดปล่อย
๕ . เรื่องการศึกษา ที่ไม่ตอบสนองความต้องการในมิติเรื่องการดำรงชีวิตจริง แยกส่วน และทัศนคติ ที่ไม่ได้ฝึกให้มีกระบวนการคิด วิเคราะห์ และไม่ได้ให้ข้อมูลแบบรอบด้าน

 

เราต้องทำความเข้าใจว่าแม้สถานการณ์ปัจจุบันที่ทำให้สังคมส่วนใหญ่มองว่าวัยรุ่นปัจจุบันนี้ มีเพศสัมพันธ์กันเร็วขึ้นง่ายขึ้นและฉาบฉวย แต่คุณพ่อ และคุณแม่หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่หลายคน ท่านก็เคยเล่าให้ฟังว่าตอนท่านแต่งงานก็อายุ ๑๘ – ๑๙ เองและอย่าลืมว่า เอดส์เพิ่งเข้ามาเมื่อ ๒๐ ปีกว่าที่ผ่านมา

 

เมื่อก่อนคนไม่ต้องมีเงื่อนไขของการเรียน หากแต่งงาน หากท้อง ก็ยอมรับได้ แต่ปัจจุบันหากท้อง นั่นหมายถึงต้องหมดอนาคต ไม่มีทางเลือก หรือชีวิตของคนก็จะถูกตัดสินโดยคนใดคนหนึ่งให้หมดอนาคต ในขณะที่เด็กที่เกิดมาก็จะต้องโตขึ้นเป็นเยาวชนอีก ๒๐ ปีข้างหน้าและเด็กคนนั้นจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างไร

 
เมื่อผู้ใหญ่ไม่อยากให้เกิดปัญหาท้อง - แท้ง แต่ก็ยังมีทัศนคติ ที่รังเกียจถุงยางอนามัย มองถุงยางอนามัยซึ่งเป็นอุปกรณ์สังคมชิ้นสำคัญที่จะป้องกันสังคม เป็นเรื่องของการหมกมุ่น และยั่วยุ และพยายามที่จะแก้ปัญหาโดยการตัดสิน โดยพื้นฐานจากทัศนคติด้านลบเหล่านี้ จึงจำเป็นที่ต้องทำงานกับเรื่องทัศนคติ เพราะพฤติกรรมมีอิทธิพลมาจากทัศนคติ โครงการนี้จึงมีเป้าหมาย คือ " ปรับเปลี่ยนทัศนคติผู้ใหญ่ ต่อเรื่องเพศในเยาวชน"
 
ถุงยางอนามัยป้องกันสังคมได้อย่างไร ?
 

๑ . การทำให้เยาวชนได้ผ่านเรียนรู้เรื่องเอดส์ เพศศึกษาที่รอบด้าน เท่าทันต่ออารมณ์ความรู้สึกของตนเอง มีความรับผิดชอบ เคารพสิทธิตนเองและผู้อื่น รู้จักใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์การสื่อสารต่อรองได้ จะทำให้เยาวชนมีความตระหนักในการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
๒. ถุงยางอนามัย คือทางเลือกเมื่อเราต้องมีเพศสัมพันธ์ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าใครติดเชื้อเอชไอวี/ เอดส์บ้างเมื่อดูจากภายนอก
๓ . โครงการถุงยางอนามัยป้องกันสังคม จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาข่มขืนเพราะกระบวนการนี้จะเป็นการให้การศึกษาอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างแนวคิดเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยเราจะมีการให้ความรู้ในด้านทัศนคติ การคิด การตัดสินใจการไม่เลือกปฏิบัติการวิพากษ์ถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง และความสัมพันธ์กับผู้อื่นกระบวนการนี้เองจะทำให้เกิดความรับผิดชอบต่อทั้งตนเองและผู้อื่น สิ่งนี้จะช่วยลดปัญหาการขายบริการทางเพศ หรือปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้น
๔. โครงการถุงยางอนามัยป้องกันสังคมจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการท้องที่ไม่พร้อม และการทำแท้งซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เพราะถุงยางเป็นอุปกรณ์ คุมกำเนิดชนิดหนึ่ง เมื่อคนตระหนักเรื่องการใช้ถุงยางและมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ถุงยางแล้ว คนจะสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่อย่างรอบด้าน
๕. โครงการถุงยางอนามัยป้องกันสังคม จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะจะทำให้การติดเชื้อเอชไอวี/ เอดส์ลดลง ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจะลดลง
๖. โครงการถุงยางอนามัยป้องกันสังคม จะเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ตามมาจากการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น เรื่อง เด็กที่อาจจะได้รับผลกระทบ สุขภาพจิตของผู้ที่เกี่ยวข้อง คนชราที่ต้องรับภาระ ฯลฯ

 
ถุงยางอนามัยป้องกันสังคมมีกระบวนการเช่นไร

จะมีแผนการดำเนินกิจกรรม ใน ๕ ภูมิภาค มุ่งเน้นการทำงานสี่ด้านคือ

 

๑ . การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนที่มีฐานการทำงานในชุมชน ๒๐๐ กลุ่มทั่วประเทศ โดยการอบรมเสริมทักษะการทำงานเรื่องเอดส์/ เพศศึกษา การสร้างพฤติกรรมที่ปลอดภัย เพื่อให้แกนนำสามารถคิดค้นงานรณรงค์ กิจกรรมหนุนเสริมความเข้มแข็งภายในกลุ่มและงานเครือข่ายภายในภาครวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในและนอกโรงเรียนใน ๕ ภูมิภาคของประเทศไทย
๒. การรณรงค์สาธารณะ สร้างความตระหนักให้สังคมเข้าใจสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน
สร้างความตระหนักในการใช้ถุงยางอนามัยและสร้างพฤติกรรมที่ปลอดภัย ผลที่เกิดขึ้นจากการใช้ถุงยางอนามัย ผ่าน ๕ เว็บไซต์, ๕๐ สถานีวิทยุ บทความทางหนังสือพิมพ์ Magazine ศูนย์ข่าวเยาวชนแต่ละภาค สร้างอาสาสมัครเยาวชนร่วมรณรงค์ตามสถาบันการศึกษาต่าง ๆ มีการติดตามอาสาสมัคร และมีผู้ประสานอาสาสมัคร พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักข่าว นักเขียน เพื่อสื่อสารกับสังคม
๓ . ยกระดับการทำงานของกลุ่มเยาวชนและอาสาสมัครในชุมชนให้เป็นศูนย์บริการข้อมูลความรู้เรื่องเอดส์ เพศศึกษา สิทธิ หน้าที่และบริการอุปกรณ์ป้องกันฯ แก่เด็กและเยาวชน
๔. พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับครูผู้ปกครองและองค์กรทางสังคมสร้างกิจกรรมพฤติกรรมที่ปลอดภัย และการพัฒนาเยาวชน เวทีเชื่อมความสัมพันธ์ เยาวชน ผู้ปกครอง

 


 

หวังว่าเสียงของเครือข่ายเยาวชนที่ทำงานด้านเอดส์ จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันปัญหาเอดส์และปัญหาสังคมอื่นๆ อย่างจริงจัง และมีเสียงของเยาวชนดังอย่างสม่ำเสมอจากระดับรากหญ้า ไปจนระดับชาติ ขออย่าให้เสียงที่มาจากผู้เปลี่ยนแปลงสังคมอย่าง " เยาวชน" เป็นเพียง " สูญ" เลย….. สาธุ!!!