Skip to main content

สนธิเถิดเทิง

คอลัมน์/ชุมชน

ไปไกลมากทีเดียวครับ สำหรับสนธิ  ลิ้มทองกุล ในศตวรรษที่ 21 นี้


 


เราคงจะเหลือเชื่อกับอภิมหาสุดยอดแนวคิดถวายพระราชอำนาจคืนแด่องค์พระมหากษัตริย์ ผมคิดว่านักรัฐศาสตร์และนักกฏหมายคงจะมึนกันยกใหญ่กับแนวคิดแสนสร้างสรรค์ของสนธิ  ลิ้มทองกุล


 


หลายวันก่อน ตอนที่สนธิเสนอไอเดียสุดบรรเจิด หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามีคนไปฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่สวนลุมพินีประมาณ 4 หมื่นคน ซึ่งถือว่าเยอะเอามาก ๆ และผมก็เชื่อว่ามีคนฟังสนธิ และคุณสโรชา เยอะจริง ๆ ไม่ว่าจะถูกเกณฑ์ไปหรือไม่ก็ตาม


 


แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครไปยืนนับอยู่หรอกครับว่าคนมาฟังเท่าไหร่กันแน่  แม้ว่าคนฟังจะมากแต่ไม่น่าจะมากถึง 4 หมื่น มันมากเกินจริง มากเกินไป ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปั้นตัวเลขขึ้นมาเพื่อสร้างกระแสปลุกระดมเสียมากกว่า


 


การปลุกระดมสร้างกระแสอาจได้ผลสำหรับฝูงลูกแกะที่กินหญ้าไปวัน ๆ หรือประชาชนคนทั่วไปที่ไม่รู้จักคิด แต่ผมเชื่ออีกละครับว่าคงไม่ได้ผลอะไรในหมู่นักวิชาการ หรือแม้กระทั่งในหมู่ประชาชนพลเมืองที่มีหลักคิดเป็นของตัวเองอยู่บ้าง


 


ครับ คงไม่มีคนสติดีๆ ที่ไหนจะเห็นด้วยกับนวัตกรรมย้อนหลังก้าวกระโดดว่าด้วยการถวายพระราชอำนาจคืน  ของสนธิ  ลิ้มทองกุล


 


ขออนุญาตคัดลอกถ้อยคำบางส่วนของสนธิ  ลิ้มทองกุล มาให้อ่านกันว่าน่าสงสารสมเพชปานใด


 


"ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม สถานการณ์ของประเทศไทย ณ บัดนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า วิกฤติกำลังเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ทั้งวิกฤติทางสังคม วิกฤติทางจริยธรรม วิกฤติทางเศรษฐกิจ และวิกฤติทางการเมือง เป็นวิกฤติที่ไม่อาจขจัดปัดเป่าได้ด้วยระบอบการเมืองและคณะผู้นำทางการเมืองที่ดำรงอยู่ ...


"ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า (นายสนธิ ลิ้มทองกุล) จะดำเนินการต่อสู้อย่างสุดความสามารถด้วยแนวทางสันติวิธี และโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการถวายพระราชอำนาจคืนแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ ในการพระราชทานผู้นำ ในการปฏิรูปการเมือง เพื่อดำเนินการจัดโครงสร้างองค์กรทางการเมืองใหม่ ผ่านการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพื่อมุ่งหวังจรรโลงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ให้มีเสถียรภาพ มั่นคง ก่อเกิดประโยชน์สุขต่อปวงประชากร และตัดช่องทางการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวให้กับกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า นับจากนี้เป็นต้นไป จะร่วมแรงร่วมใจ สองแขน สองมือ หนึ่งสมอง ผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว เพื่อนำประเทศไทยถวายคืนแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ เพื่อทรงใช้ร่วมกับประชาชน ตามหลักราชประชาสมาศัย อันเป็นหลักนิติธรรมดั้งเดิมแห่งระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทยโดยเร็ววัน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"


 


ผมเชื่อว่าแม้แต่คนที่ไม่ชอบนายกฯ ทักษิณ ก็คงยากที่จะเฮโลสาระพาไปกับสนธิ เว้นเสียแต่ว่าคน ๆ นั้นไม่ได้สนอกสนใจอะไรเลยกับความเป็นไปของสังคมการเมือง และสนใจเพียงแต่จะล้มรัฐบาลให้ได้เท่านั้นไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม


 


คนที่สนใจเพียงแต่จะล้มรัฐบาลไทยรักไทย ใช้วิธีการหลาย ๆ อย่างรวมทั้งแผนการสร้างสถานการณ์ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อลดความน่าเชื่อถือและความนิยมชมชอบของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่งเพราะจะเห็นได้ว่าคนที่นั่นพากันไม่ชอบผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยเลย แม้ว่าคุณวันนอร์ จะแสนดีมากเพียงใดก็ตาม


 


แผนการสร้างสถานการณ์ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เป็นอีกยุทธศาสตร์หนึ่งของ "ฝ่ายค้าน" ที่กระทำต่อนายก ฯ และพรรคไทยรักไทย แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ นอกจากมันจะเป็นอาวุธที่พุ่งเป้าไปที่รัฐบาลแล้ว มันยังส่งผลกระทบมหาศาลต่อสังคมไทยด้วย แต่ "ฝ่ายค้าน" ไม่ยักสนใจ ขอเพียงล้มทักษิณได้ก็พอใจแล้ว


 


กลับมาที่เรื่องของสนธิ ลิ้มทองกุล  อันที่จริง ผมไม่อยากจะคิด จะเขียนเรื่องนี้อีกแล้วเพราะหน่ายระอาเต็มทน อีกทั้งมันอาจช่วยสร้างกระแสให้สนธิอีก  ดังนั้นการทำเมินเฉยเหมือนคนอื่น ๆ น่าจะดีที่สุด แต่แล้วผมก็อดไม่ได้


 


กล่าวให้ตรงที่สุด วินาทีนี้ ผมคิดว่า สนธิ ลิ้มทองกุล  เป็นเหมือนพวกตลกคาเฟ่  รายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรของสนธิ ก็คล้ายๆ กับรายการระเบิดเถิดเทิงที่พวกตลกออกมาทำอะไร บ้า ๆ บอ    (ผมไม่แน่ใจว่าปัจจุบันรายการนี้ยังอยู่หรือเปล่า เพราะไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์)


 


เป็นธรรมดาที่รายการตลกจะมีผู้ชมมาก  และเป็นธรรมดาเช่นเดียวกันที่รายการของสนธิจะได้รับความสนใจจากมหาชน ผมอยากจะเสนอว่ารายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่มีสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้แสดง เป็นรายการเพื่อความบันเทิง ไม่ต่างไปจากรายการของพวกตลกแต่อย่างใด หากแต่รายการของสนธิ เป็นความบันเทิงทางการเมือง หรือเป็นการเมืองเพื่อความบันเทิง ดังนั้นผู้ชมจึงออกจะล้นหลาม


 


ผมไม่รู้ว่าเบื้องหลังการคัดค้านและทำลายนายก ฯ ทักษิณ อย่างเอาเป็นเอาตายของสนธิ ลิ้มทองกุลมีอะไรแอบแฝงอยู่บ้าง เป็นการหาเสียงเพื่อลง ส.ว. ? หรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับหนี้สินกำไรในธุรกิจของสนธิ ? ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะมีเบื้องหลังแอบแฝงอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฎเบื้องหน้าก็คือการเล่นตลกคาเฟ่


 


ที่ผมเรียกว่าการแสดงของสนธิ เป็นเหมือนตลกคาเฟ่ ก็เพราะว่าข้อเสนอของเขา ยากที่จะเป็นไปได้ ไม่ใช่แค่ยากหรอกครับ มันเป็นไปไม่ได้เลยต่างหาก ผมคงจะโยนตำราทางรัฐศาสตร์ทิ้งให้หมด และสิ่งที่คณาจารย์พร่ำสอนผมก็คงเลิกเชื่อ หากว่าข้อเรียกร้องของสนธิเป็นจริงขึ้นมาได้


 


ข้อเรียกร้องให้ถวายคืนพระราชอำนาจ ถูกเสนอขึ้นมาโดยไม่ดูบริบทอะไรเลยแม้แต่น้อยว่าตอนนี้อยู่ในศักราชที่เท่าไหร่แล้ว และยังเป็นข้อเรียกร้องที่ปราศจากความรับผิดชอบอีกด้วย เพราะที่จริงสนธิ ลิ้มทองกุล ควรจะบอกด้วยว่าเมื่อมีการถวายพระราชอำนาจคืนแล้วจะทำอย่างไรต่อไป? จะเลือกตั้งใหม่? แล้วสมมุติว่าเลือกตั้งใหม่แล้วพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล และทักษิณ  ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งจะทำอย่างไรต่อไป จะเรียกร้องให้มีการถวายคืนพระราชอำนาจอีก ?


 


มักง่ายและคิดสั้นเกินไปครับ สำหรับข้อเรียกร้องของสนธิ  ลิ้มทองกุล  แถมยังน่าขำอีกต่างหาก ผิดที่ผิดทาง ผิดกาละและเทศะอย่างน่าเกลียด น่าเกลียดมากเสียจนกลายเป็นน่าขำ


 


จะว่าไป ผมไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้นหากว่าจะมีการถวายคืนพระราชอำนาจ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าจะถวายคืนหรือไม่ก็ตาม เหมือนกับที่ผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับการแปรรูปหรือไม่แปรรูป กฟผ. หากว่าแปรรูปแล้วค่าไฟจะแพงขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะผมใช้ไฟน้อยมาก สำหรับผมแล้วการแปรรูป กฟผ. ส่งผลกระทบกับคนชั้นกลางที่เคยสุขสบายบางส่วนเท่านั้น และคนชั้นกลางที่ว่านี้ก็ไม่เคยเป็นมิตรกับคนจนแต่ประการใด ดังนั้นจะแปรหรือไม่แปรก็ช่าง (หัว) มันเถอะ  


 


แต่พวกเอ็นจีโอคัดค้านการแปรรูปกฟผ. (ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลชวน) อย่างแข็งขัน  ทำให้ผมได้ข้อสรุปเบื้องต้นสำหรับพวกเอ็นจีโอว่าอะไรก็ตามที่เป็นการคัดค้านรัฐบาลคือหน้าที่ของเอ็นจีโอ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเพื่อคนจนหรือเพื่อคนรวยก็ตาม


 


มีข้อความคัดค้านอันหนึ่งเขียนว่า "หยุดขายสมบัติชาติ" ผมอ่านข้อความนี้ก็แล้วก็งงครับ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า กฟผ. เป็นสมบัติชาติ ให้ตายสิ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริง ๆ ว่า กฟผ. เป็นสมบัติชาติ ถือเป็นความรู้ใหม่ถอดด้ามเลยครับ  แต่สิ่งที่ผมยังไม่รู้กระทั่งบัดนี้ก็คือ แล้วชาติเป็นของใคร(วะ) ?


 


กลับมาที่เรื่องของสนธิ ลิ้มทองกุล อีกครั้ง ผมคิดว่า ผมอยากได้ยินสนธิพูดอะไรทำนองนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อยากฟังสนธิเสนอไอเดียบรรเจิดอีกหลาย ๆ ไอเดีย  เพราะคงจะหาฟังที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากจากปากของสนธิเท่านั้น และผมก็คิดว่าหม่ำ เท่ง โหน่ง เจอคู่แข่งที่น่ากลัวเข้าแล้วในการเรียกเสียงฮา


 


หรือไม่ก็ผมคิดว่าชั่วโมงนี้หากพ่วงชื่อสนธิต่อท้ายเข้าไป เป็น หม่ำ เท่ง โหน่ง สนธิ


 


ก็คงจะเป็นอะไรที่ดูไม่จืดเลยล่ะครับ ทั่นผู้ชม.