Skip to main content

จดหมายรักระหว่างเพื่อน 1 : เธอชื่อวรางคนางค์

คอลัมน์/ชุมชน

 







จาริก…เพื่อนรัก


 


            เธอเงียบหายไปนานเหลือเกิน เธอเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า let’ หาเธอตั้งหลายฉบับ แต่...เธอก็เงียบหายไปทุกครั้ง


 


            ฉัน...คิดถึงเธอมากมายเหลือเกิน บ่อยครั้งที่ฉันคิดว่าเธออาจลืมเลือนฉันไปแล้วก็ได้ เป็นไปได้ไหมกับเพื่อนคนหนึ่ง ในสำนึกเธอเห็นเป็นเพียงคนห่างไกล มาเยี่ยมเยือนพ่อ-แม่-พี่-น้อง และพ้องเพื่อนบ้างสิ...เธอรู้หรือเปล่า พวกเขายังรอคอยการกลับมาของเธอ รอคอยที่จะได้พบ ได้เห็น ได้พูดคุยกับเธอ รอคอยการกลับมาพร้อมตำแหน่งบรรณาธิการที่น่าชื่นชมยินดี


 


จาริก เธอจำได้ไหม ช่วงฤดูฝน บ้านนาเราจะสวยงามที่สุด เพราะมีต้นข้าวเขียวขจีเต็มทุ่ง ยามเย็นสายลมพรมโบกต้นข้าวมันอ่อนโอนลู่ตามสายลมพัด เรามักถีบจักรยานชมทุ่ง ไม่มีใครรับรู้ ไม่มีใครเข้าใจว่าเรากำลังเสาะหาสิ่งที่มีคุณค่าและมันบริสุทธิ์มากมายแค่ไหนกับบรรยากาศ และความรู้สึกของเรา...


 


ฉันไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านหรอกนะ แม้แต่เข้าพรรษา ฉันก็ยังไม่ได้ไป ไม่อยากกลับ ไม่อยากไปเพื่อตอกย้ำความรู้สึกของตัวเอง ฉันยังจดจำทุกสิ่งทุกอย่างของที่บ้าน จดจำแม้กระทั่งเพื่อนที่ฉันศรัทธา และจดจำแม้กระทั่งคนรักที่ฉันมิอาจร่วมทางกับเขาได้ เหมือนทุกๆ อย่างเป็นความฝันนะเพื่อนรัก


 


อดีต...แม้มันจะไม่ถูกลบล้างไปจากจิตใจ แต่...มันก็ไม่สามารถกลับมาให้เหมือนเดิมได้   ใช่...ว่าฉันจะลืมนะ ยังอยู่ในความทรงจำเสมอ ฉันเคยรักและศรัทธาอย่างไร?  ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอ เธออยู่ไกลแค่ไหน...ฉันก็ไม่เคยลืม...


 


ฉันอยู่ทุกวันนี้ก็เรียกว่าสบายดี เพราะกำลังจะมีเด็ก เพิ่ง 4 เดือนเอง กำหนดคลอดกุมภาพันธ์ 35 อยากให้เธอเห็นว่าฉัน – คนที่กำลังจะเป็นแม่คนมีความรู้สึกอย่างไร อยากให้เธอมาเยี่ยมจริงๆ เลย


 


อยากให้เธอเห็นสายเลือดอันอ่อนแอที่กำลังจะเกิดมาเพื่อลืมตาขึ้นมองโลก ที่บางครั้งมันก็สวยงาม แต่...บางครั้งโลกก็แสนสับสนและวุ่นวายไปหมด ฉันยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าเธอมาเยี่ยมหลังคลอด ฉันอยากให้เธอช่วยตั้งชื่อให้เด็กด้วย ไม่ทราบสิ...ว่าเป็นหญิง – ชาย...


 


ฉันจะสอนลูกของฉันเรียกเธอว่าไงนะ น้าหรือป้าดีล่ะ ฉันจะคอยตอกย้ำลูกว่า คนที่แม่รักที่สุดคือรักเธอ รักที่บริสุทธิ์ รักที่ฉันไม่เคยมีให้ใคร รักที่ไม่เหมือนที่แม่มีต่อพ่อ


 


ฉันจะสอนให้ลูกได้รู้จักเธอเป็นคนแรกในบรรดาเพื่อนที่เคยคบกันมา แม้เธอจะอยู่ไกลจากครอบครัวของฉันสักกี่เท่าก็ตาม...เวลาฉันอยู่บ้านคนเดียว ฉันมักจะครุ่นคิดเสมอว่า ชีวิตของฉันน่าจะมีเธออยู่เคียงข้างให้ยาวนานกว่านี้


 


จาริก...ก่อนกลับวันนั้นฉันมีความหวัง...ว่าบทกวีของฉันจะได้ตีพิมพ์รวมเล่มอย่างที่คิดเอาไว้ จนเดี๋ยวนี้แล้วมันนานเกินไป ฉันคิดถึงถ้อยคำและลายมือของตัวเอง ฉันอยากขอคืน เพราะคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ ที่เธอจะรวมเล่มให้ เพราะฉันรู้ดีว่ามันไม่งดงามและสละสลวยเหมือนของเธอ


 


ฉันไม่อยากให้เธอต้องรับภาระ หาช่องทางที่จะให้ฉันก้าวสู่นักกวีอย่างเต็มตัว เพราะความสามารถของฉันมีเพียงน้อยนิด อยากให้เธอช่วยเอามาคืนทุกๆ เล่ม หรือไม่ก็ช่วยส่งให้ที เพราะอย่างน้อยฉันก็จะเอามาอ่าน หรือเก็บเอาไว้เผื่อเป็นอนุสรณ์ให้ลูกของฉันเก็บไว้อ่าน ยามที่ฉันไม่อยู่ เพราะอย่างน้อย ทุกถ้อยคำอักษรก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต


 


มันเป็นความรู้สึกที่กลั่นกรองจากส่วนลึกแท้ๆ ของผู้หญิงที่ซื่อๆ และอ่อนแอ ฉันหวังว่าเธอคงไม่ว่า และไม่คิดเข้าใจผิด และหวังด้วยว่าความเข้าใจที่เธอเคยมีให้จะยังคงอยู่


 


สุดท้าย ฉันอยากให้เธอสดชื่นและเป็นสุข ขอเธอตอบ let’ ให้ฉันด้วย อยากทราบข่าวคราวของเธอ


 


รักเธอและอาทรเธอเสมอ


วรางคนางค์


            พ.ศ.2534


 


๑๑๑๑๑๑







จาริก


            ฉันได้รับจดหมายของเธอแล้ว ไม่ขอบอกนะว่าดีใจแค่ไหน อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า


            น้ำตาซึมไปหลายรอบเชียว มันตื้นตันหรือดีใจเกินไปก็ไม่ทราบ มันเหมือนเป็นครั้งแรกในชีวิตที่คนอย่างฉันยังจะมีใครอีกสักคนที่ยังห่วงใยอาทร...


           


            ชัยเขาบอกให้รีบตอบเธอเสีย เขาขออ่าน เขาว่าฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเธอ  ฉันก็คิดว่ามันคงเป็นรางวัลที่มีคุณค่าที่เกิดมาได้สัมผัส ได้รู้ ได้พบ  ได้คบหา จนกระทั่งได้รัก ได้ผูกพันกับเธอ


 


            ฉันมักพูดถึงเธอบ่อย ๆ มันสบายใจ ทำให้ฉันได้นึกถึงสิ่งผ่านมา ฉันรักเธอนะ...คิดว่าเธอคงรับรู้ รักอย่างที่เคยรัก แม้กระทั่งแฟนฉัน เขายังเข้าใจว่าคำว่าเพื่อน มันยาวนานได้  และงดงามยิ่งกว่าหากเรารักษามันไว้


            เธอยังอยู่ในความทรงจำของฉันและจะอยู่อย่างนั้นตลอดไป


 


            บ่อยครั้งที่ฉันถามถึง และพยายามติดตามข่าวคราวของเธอ มันมีแต่ความเปล่าว่าง ไม่รู้ว่าเธอสุขหรือเธอทุกข์


            จาริก แม้เธอจะอยู่ไกลแสนไกลแค่ไหน ในนิยามที่เธอเหงา ในนิยามที่อ่อนล้า เธอท้อ เธอร่ำไห้ คิดถึงฉันนะ ฉันยังอยู่ในจุดเดิมที่มิเคยเปลี่ยนแปลง


            หากว่ามีเวลาพอว่างก็เขียนจดหมายมานะ ที่นี่ไม่มีใครว่า ชัยเขาเข้าใจฉันเสมอ ฉันไม่มีใคร ไม่คบใคร ฉันพยายามค้นหาแต่เธอ เฝ้าคิด เฝ้าพร่ำ และพูดถึง...


 


            ตอนนี้ท้องได้ 6 เดือนแล้ว ชัยเขาเอาใจใส่ พยายามดูแลเสมอ อีกไม่นาน   คนที่จะลืมตามองโลกก็มีศักดิ์เป็นหลานเธอ


            ฉันจะพยายามสอนเขาให้ได้รับความอบอุ่น ให้ในสิ่งที่ดีที่สุด จะพยายามเป็นแม่ให้มีคุณค่า และจะบอกเขาเป็นคนแรกว่าชีวิตเขามีน้าอีก 1 คน ที่แม่รักและศรัทธา เขาอยู่ไกลจากแม่เหลือเกิน และเขาคงมาเยี่ยมเราสักวัน


 


            ช่วงปลายเดือนกันยา ฉันได้ข่าวว่าแม่เธอไม่สบาย ฉันไปเยี่ยมแต่ไม่เจอ  เพราะแม่เธอไปพักอยู่บ้านญาติ ได้ข่าวว่าเธอจะกลับมาด้วย  ตอนนั้นเจอน้องสาวเธอ เขาบอกว่าเธอไม่สบาย ฉันขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองเธอให้หายเร็ว ๆ  ไม่ทราบว่าเธอเป็นอะไร ?


 


            เธอคงหักโหมเรื่องงานจนเกินไป จนทำให้ตนเองไม่สบาย เหนื่อยนักก็พักผ่อนบ้าง  ฉันเข้าใจว่าเธอไม่ค่อยจะมีเวลา น้องสาวเธอบอกว่า นาน ๆ พี่จาริกจดหมายมา  มีแต่คนถามถึง คงมีคนคิดถึงเธอไม่น้อยไปกว่าที่ฉันคิดถึง ฉันห่วงใยเธอมากมายเหลือเกิน


            วันไหนที่ฉันอยู่คนเดียวมักจะคิดเสมอว่าถ้าเรายังอยู่ที่บ้านพร้าว  เราคงไม่ห่างกัน ไม่มีสิ่งไหนมาทดแทน ไม่มีใครมาไถ่ถามถึง และตอกย้ำให้เราเจ็บปวด...


 


            ชีวิตของฉันบางวันมีความสุขอย่างเหลือล้น บางวันฉันนอนร้องไห้อย่างคนทุกข์ทรมาน ถ้าฉันเลือกได้  ให้ฉันอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง และในขณะที่มีเธออยู่เคียงข้าง ฉันอยู่กับเธอดีกว่า และเลือกที่จะเป็นอะไรก็ได้สำหรับเธอ แต่อย่างว่านั่นแหละ ชีวิตฉันมันไม่มีทางเลือก เมื่อได้เลือก มันก็คงพอเพียงและจำเป็นต้องดำเนินไปตามเส้นทางนั้น


 


            ฉันชอบชื่อ "ชื่นเช้า" มาก ขอบคุณนะที่เธอช่วยตั้งให้ ชัยเขาว่าอยากให้เธอตั้งให้หลาย ๆ ชื่อ อยากเอาอักษร พ่อ - แม่ ผสมกัน (ชัย  - เตือนใจ) เขาชอบสายน้ำ อยากให้มีความหมาย เป็นสายน้ำ สำหรับชื่อลูกผู้ชาย ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าคงเอา "แค" แน่นอน เพราะมันมีความหมายสำหรับฉันและเธอ...


 


            ...บทกวีของฉันนะหรือ มีคนชม เป็นไปได้หรือ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็คงภาคภูมิใจตัวเอง ที่บทกวีของฉันยังมีคนเข้าใจ หากเธอมาบ้านเมื่อไหร่ มาเยี่ยมฉันบ้างนะ ยินดีต้อนรับเสมอ


                       


            รักเธอ


            วรางคนางค์ของเธอ


 


---------------------------------------------------------------------------------------------


 


จดหมาย 2 ฉบับนี้ อยู่ในกระเป๋าใบที่ฉันใช้เป็นประจำ  


 


นอนสงบนิ่งอย่างนั้นชั่วนาน...แสนนาน กระดาษสีขาวเก่า ๆ มีรอยฉีกปุปะ  เส้นบรรทัดซีดจางไปตามกาลเวลา ไม่มีวันที่ลงไว้เหมือนฉบับอื่น ๆ   แต่เรื่องราวตามที่เธอกล่าวถึง ก็ทำให้จำได้เสมอว่า  วันเวลาในจดหมายเป็นเมื่อใด...


 


คนที่เขียนจดหมายฉบับนี้ คือเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุดคนหนึ่ง   เป็นคนพิเศษอย่างเหลือเกิน เป็นความทรงจำแสนบริสุทธิ์ เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ฉันนับถือ ศรัทธาในคุณงามความดีที่เธอมี ในน้ำใจ และการกระทำหลายๆ อย่าง


 


เธอเป็นคนที่ไม่ว่า...ฉันจะมีเพื่อนผ่านเข้ามาในชีวิตอีกกี่คน เดินทางไปไหน  อยู่ไหน ก็ไม่เคยละเว้นที่จะเล่าเรื่องราวของเธอให้ใคร ๆ ฟัง


           


ชื่อจริงๆ ของเธอคือ ‘เตือนใจ’ แต่ฉันเคยเรียกเธอว่า วรางคนางค์ มาจากชื่อ ‘นาง’ ที่ใคร ๆ เรียกเธอยามอยู่ในหมู่บ้านเกิดของเรา ฉันเติมคำว่า ‘วรางค์’ ให้ สมัยที่เราฝันกันเหลือเกินว่า อยากจะเป็นนักเขียนนวนิยาย


 


เรื่องราวระหว่างฉันกับเธอ "วรางคนางค์" มีมากมายเหลือเกิน จดหมายทุก ๆ ฉบับ ที่เธอเคยเขียนถึง ยังอยู่ในกล่องที่ติดตัวฉันไปทุกหนทุกแห่ง เช่นเดียวกับไดอารี่ทุกเล่มของเธอ เท่าที่เธอเคยเขียน และเคยฝากฉันไว้


 


"ให้เธออ่าน จะได้ไม่ลืมฉัน และทุกครั้งที่อ่าน จะได้รู้ว่าฉันก็ไม่เคยลืมเธอ"


 


ฉันกำลังคิดว่า...จะนำเอาไดอารี่ จดหมาย และเรื่องราวระหว่างฉันกับเธอ  มาเขียนลงไว้ที่นี่ดีกว่า ฉันอยากประกาศให้คนสักจำนวนหนึ่งรู้ว่า  มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งนะ เธอวิเศษมาก เธอยิ่งใหญ่มาก  และสวยงามเหลือล้นในความรู้สึกของฉัน


 


วันที่ 15 กรกฎาคมนี้ เธอจะอายุครบ 31 ปีเต็ม เธอเรียนจบเพียงแค่ชั้นป.6  ทุกวันนี้ อาชีพของเธอคือเป็นแค้ดดี้สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งแถวอำเภอแม่ริม เมืองที่เธอโยกย้ายมาอยู่กับสามี และมีลูกชาย 1 คน


 


วันนี้ เด็กน้อยคนนั้นอายุเกือบ 9 ขวบแล้ว และมีชื่อเล่นว่า เจมส์


 



---------------------------------------------------------------------------------------------------


 


      


                 



 



 



 



 


๑๑๑๑๑๑