Skip to main content

ชวนมารักกัน ตอน 4 รักนี้มีราคา

คอลัมน์/ชุมชน

ลูกสาวชาช่าถูกฝึกเตรียมความพร้อม  เพื่อออกงานครั้งแรก  หากว่าสามารถทำได้ก็จะไปออกงานที่ถนนคนเดินก่อน หลังจากนั้นก็จะมีแมวมอง ไม่แน่นะ ถ้าผู้สร้างภาพยนตร์มาเดินถนนคนเดิน สมพรอาจจะได้เป็นนักแสดงประกอบหรือเป็นดาราสมทบไปเลยทีเดียว หรือเป็นแบบโฆษณาก็ยิ่งดี


 


เราก็จะมีรายได้ มีอาหารดีๆ กิน คราวนี้ก็เลี้ยงตัวเองได้ และจะได้เป็นหมากตัญญูเลี้ยงพ่อกับแม่ได้ด้วย  เพราะพ่อชาช่ากับแม่ชะอมคงจะไปแสดงที่ไหนไม่ได้แล้ว  แม่ชะอมนั่นก้นเป็นแผลต้องโกนขนที่ก้นทิ้ง และต้องคอยระวังไม่ให้แมลงวันมาตอมก้นด้วยไม่เช่นนั้นเป็นหนอนแน่ๆ


 


นับวันฉันก็ผูกพันกับพวกมันมากขึ้น จนอยากให้สองคนนั้นทิ้งมันไว้ที่นี่ ในขณะที่ฉันนั่งทำงาน มันก็มานอนใต้โต๊ะ ชาช่ากับชะอมซบกันอยู่ใกล้ๆ เท้าฉัน ส่วนลูกทั้งสองของมันนอนเกยกันอยู่ใกล้ๆ   หัวสมพรซบอยู่กับท้องสมศรีหลับอย่างสบาย


 


ฉันคิดว่า  พวกมันก็ฝันเหมือนกับเรา   เพราะบางครั้งได้ยินมันส่งเสียงดัง ๆ เหมือนตกใจตื่นจากฝันร้าย หรือมันกำลังฝันถึงชายหนุ่มหญิงสาวที่อุ้มมันมา  เพราะบางวันฉันเห็นชาช่ากับชะอมออกไปยืนข้างรั้วหน้าบ้านมองออกไปที่ถนน


 


ฉันรู้สึกคล้าย ๆ กับว่า ไม่อยากให้มันออกไปยืนข้างรั้วเพื่อคิดถึงชายหนุ่มหญิงสาวคู่นั้น ความรัก ความผูกพันเริ่มทำให้ฉันอยากครอบครองขึ้นมาทั้งที่ตระหนักอยู่เสมอว่า ไม่ใช่ของเราเป็นของฝาก  เขาฝากเราไว้ เราเป็นครอบครัวอุปการะชั่วคราวเท่านั้น


 


เอาละ…ครอบครัวชาช่า พวกแกก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว


 


ก่อนอื่นเราจะต้องเปลี่ยนชื่อ เพราะถ้ามันอยู่บ้านเราตลอดไป ชื่อสมพร กับสมศรี ไม่ได้เด็ดขาด  ชื่อมันไปพ้องกับพี่สาวและพี่ชายของฉัน  หากวันหนึ่งพวกพี่ ๆ มาเยี่ยมครอบครัวเราอาจจะสับสนได้       


 


สมศรีได้ชื่อใหม่ว่าจุ๊กจิ๊ก เพราะหน้าตาน่ารักแบบสาวน้อย  ส่วนสมพรชื่อปังปอนด์ ยามนอนเหมือนขนมปังปอนด์ก้อนหนึ่ง


 


เราจะเริ่มบทเรียนใหม่ว่าด้วยการอยู่รอด  เราจะเรียนการแสดงขั้นพื้นฐาน และบางทีฉันจะส่งลูกสาวของแกไปเรียนในโรงเรียนด้วย


 


วันอาทิตย์ต่อมา ฉันอุ้มจุ๊กจิ๊ก และปังปอนด์ไปเที่ยวถนนคนเดิน  ที่ถนนสายนี้เขาปิดถนนไม่ให้รถผ่าน แต่ให้คนเดินและให้แม่ค้าพ่อค้ามาขายของกัน มีของทุกอย่างบนถนน ทั้งของกินของใช้เครื่องประดับ และยังพบว่ามีคนอุ้มหมา จูงหมามาเดินกันที่นี่มากมาย ส่วนมากก็จะเป็นพวกหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูทั้งนั้น พวกตัวโตหน้าดุไม่มีหรอก


 


มีร้านขายของใช้หมาอยู่หลายเจ้า  แต่ที่น่าสนใจมากๆ ก็คือร้านที่มีหมาเป็นผู้ขาย  มันนั่งขายอยู่กับเจ้าของและสวมเสื้อ สวมกางเกง ใส่หมวก  เตรียมพร้อม


 


ถ้ามีใครอยากซื้อเสื้อผ้าและอยากรู้ว่าหมาตัวเองใส่แล้วน่ารักแค่ไหน เจ้าของก็จะถอดเสื้อผ้าชุดเดิมและลองชุดใหม่ให้ดู มันจะยอมให้เขาถอดเสื้อออกสวมเสื้อใหม่ เปลี่ยนกี่ชุดก็ได้ 


 


ทันทีที่ปังปอนด์เดินไปถึงหน้าร้านมันก็ส่งเสียงขู่  หญิงสาวเจ้าของร้านและเจ้าของหมารีบถามว่าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่แล้ว และท้ายที่สุดเธอก็ถามว่าอยากได้อะไรบ้างไหม  ฉันส่ายหน้าพลางบอกว่าสองตัวนี้ขี้ร้อน ขี้รำคาญ


 


เธอรีบเสนอเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อนที่ทำด้วยผ้าบาง ๆ เป็นกระโปรงแบบมีสายผูกที่คอ


 


ฉันอยากจะให้ปังปอนด์ลองสวมดู  เลือกอยู่นานกว่าจะได้กางเกงตัวเล็กสุด เป็นกางเกงชั้นในที่ปิดแต่ก้น ส่วนข้างหน้าสามารถเปิดพับขึ้นมาได้  เพื่อฉี่จะได้ไม่เปียกกางกางเกง  ส่วนของจุ๊กจิ๊กนั้นได้เสื้อที่มีสายคล้องคอทิ้งชายผ้าลงมา


 


ไม่น่าเชื่อว่าทั้งปังปอนด์และจุ๊กจิ๊กได้ทำงานในวันนี้  แค่ลองเสื้อเท่านั้น เรียกว่าเป็นนายแบบนางแบบหรือเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าได้ทันที 


 


ใคร ๆ ก็มาทักทายว่าสวยจัง น่ารักจัง บางคนก็หยุดมองดูและหัวเราะหมาทั้งสาม ปังปอนด์ยืนเชิดเหมือนรู้งาน ต่างจากจุ๊กจิ๊กที่คอยแต่จะผวาให้ฉันอุ้ม 


 


ว๊าย ดูสามตัวนั้น


น่ารักจัง


 


มีเสียงพูดถึงพวกมันอยู่ตลอดเวลา บางคนเข้ามาทักทายและก็ซื้อเสื้อผ้าแบบที่พวกมันสวมใส่ไปให้หมาตัวเองที่บ้าน แม่ค้าหน้าบาน นอกจากมีคนมาพูดคุยว่าหมาน่ารัก  เสื้อสวยออกแบบได้เท่ๆ แล้ว ยังขายได้มากกว่าวันอื่น


 


เธอออกปากชวนว่า วันอาทิตย์หน้ามาอีกไหม มาช่วยกันขายของ วันนี้เธอว่าให้ค่าตัวเป็นเสื้อผ้าที่ปังปอนด์กับจุ๊กจิ๊กสวม


 


แบบเดียวกับนางแบบนายแบบทั่วไป ฉันรู้มาว่าคนเดินแบบจะได้เสื้อที่สวมเดินเป็นค่าเดินในบางครั้ง


 


ฉันบอกเธอว่า ปังปอนด์กับจุ๊กจิ๊กกินเก่งมาก มันคงดีใจกว่าถ้าได้เป็นอาหาร  ไม่เชื่อลองเอาอะไรมาให้มันกินซิ  มันกินเก่งมาก เธอเลยเอาขนมกรอบๆ มาใส่จานเล็ก ๆ ให้และเธอก็รู้ว่า ใช่จริงจริง พวกนี้ต้องการอาหารมากกว่า


           


สาวใหญ่มายืนจ้อง ๆ มอง ๆ อยู่เป็นนาน ก่อนเข้ามาทักทาย  "สวัสดี น่ารักจัง"  หล่อนยิ้มสดใส


"พูเดิ้ลหรือคะ"


 


ฉันพยักหน้าตอบ


"ขายเท่าไหร่"     


"ไม่ขายเอามาเที่ยวเล่น และขายเสื้อผ้า"


 "อยากได้จัง"เธอว่า


"แต่ถ้าคุณอยากได้ก็จะเอาตัวอื่นมาขายให้ จะเอาไหมล่ะวันอาทิตย์หน้าจะเอามาให้"


"ถูกชะตาตัวนี้ ถ้าขายจะให้ถึงสามพันบาท"


 


ฉันมองหน้าจุ๊กจิ๊กและบอกมันว่า มีค่าตัวถึงสามพันเชียวนะ


หล่อนขออุ้มจุ๊กจิ๊ก และพูดคุยกับมัน ถามมันว่าอยากไปอยู่ด้วยกันไหม  น่ารักจริง ๆ ตาสวยจังเลย


 


หล่อนเขย่าตัวมันไปมา ยิ่งกว่าตอนที่ฉันฝึกให้มันเต้นระบำอีก


"มันเป็นเห็บด้วยนะคะ" ฉันแกล้งบอกเพราะไม่ชอบที่เขาเขย่ามันแรงเกินไป


"เป็นเชื้อราที่คอ" ฉันทำท่าจะปิดขนที่คอให้ดู


หล่อนรีบส่งคืนทำท่ากลัว  พลางบ่นว่าเห็บมันจะติดมาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้


"เลี้ยงหมาอย่างไรก็มีเห็บ รักหมาก็ต้องยอมรับเห็บของมันด้วย"  ฉันบอกเธออย่างขำ ๆ ไม่ได้คิดจะเถียงกับหล่อน แต่หล่อนเถียงเสียงดังว่า "ไม่จริงหรอก ถ้าเลี้ยงจะไม่ยอมให้มีเห็บสักตัว"


 


ฉันบอกอีกครั้งว่า พ่อแม่เดียวกันมีอีกสองตัวถ้าจะซื้อก็จองไว้ได้ วันอาทิตย์หน้าจะเอามาให้รับรองว่าน่ารักแบบนี้แหละ   หล่อนส่ายหน้า


 


เพื่อล้อเล่นให้หล่อนอยากได้มากขึ้นฉันจึงบอกให้จุ๊กจิ๊กสวัสดี   และให้เสียงจังหวะดนตรีให้จุ๊กจิ๊ก เต้นระบำ   จุ๊กจิ๊กเขย่งขาหน้าขึ้นลงสองสามครั้ง


 


จริงเหมือนดังว่า หล่อนยื่นนามบัตรให้ฉัน  "ถ้าจะขายเมื่อไหร่บอกนะให้ถึงห้าพันบาท" หล่อนไม่สนใจเห็บและเชื้อราที่ฉันขู่เอาไว้ ขออุ้มจุ๊กจิ๊กอีกครั้ง และบอกว่า เห็นหน้าก็รักเลย


 


"อย่างนี้แหละ อะไรที่เราไม่ขายเขาก็จะซื้อ ที่เราจะขายไม่ซื้อหรอก เจ้าลิลลี่มีคนมาถามซื้อบ่อย" เธอว่า


"ของบางอย่างมีค่ามากกว่ามีราคา" ฉันพูดออกไปเพื่อบอกตัวเอง มากกว่าบอกเธอ


 


ทั้งปังปอนด์และจุ๊กจิ๊กร้อนมาก  อ้าปากลิ้นห้อยและหอบเหนื่อยอย่างน่าสงสาร ถ้าเอามาที่นี่บ่อย ๆ มันคงจะเฉามือใครต่อใครตายเสียเป็นแน่


"ที่นี่เจอคนแปลก ๆ เยอะ" เธอว่าพลางส่งผ้าซุบน้ำเย็นให้ฉัน เช็ดหน้าให้จุ๊กจิ๊กกับปังปอนด์ ส่วนเธอเช็ดให้ลิลลี่


 


"พวกพี่น้อง ๆ  มันยังมีอีกเหรอ  เกิดกี่ตัว" เธอถาม


"ความจริงไม่มีหรอก  มันไม่ใช่ของเรา ของเพื่อนเขาย้ายบ้านไปอยู่คอนโด  เขาก็เลยให้เราช่วยเลี้ยง เอามาทั้งครอบครัว  แต่ลูก ๆ สองตัวนี้ เขาคงยกให้เรา  ส่วนพ่อกับแม่เขาคงเอาคืน เราแกล้งบอกไปอย่างนั้นแหละคิดว่าถ้าเขาอยากได้จริง ๆ ก็จะไปซื้อจากที่ไหนสักแห่งเอามาขายให้ หรือซื้อจากถนนท่าแพก็ได้ จริงไหม"


 


 "ไม่เลวหัวการค้า"เธอว่า


 "อำนาจเงินตรา"  ฉันพูดและเราก็หัวเราะกัน