ราชินีหมอลำ..ทำดี
คอลัมน์/ชุมชน
ภาพประกอบจาก http://www.thaitv3.com/drama/drama.html
"ลุก ๆ เฮ็ดเวียก (ทำงาน)"
ฟ้ายังไม่ทันสาง นาฬิกาปลุกมีชีวิตที่หาซื้อไม่ได้ที่ใดในโลกยี่ห้อแม่ก็จะดังโดยอัตโนมัติ มิใยที่พวกเราเหล่าลูก ๆ จะพยายามกดปุ่มปิดเสียงบนตัวเราเอง โดยใช้ หมอน ผ้าห่ม หรือสิ่งประดามีที่อยู่ใกล้ตัวภายในมุ้ง ปิดหู คลุมหัว ทำทุกอย่าง แต่อย่าหวังว่านาฬิกาปลุกเรือนนั้นจะนำพา เพราะถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะจากพระผู้เป็นเจ้าที่นอกจากจะทำหน้าที่ปลุกแล้ว แล้วยังต้องฉุดกระชากลากหางพวกเราให้ลุกออกจากมุ้งโดยไว
นี่ไงความรู้สึกที่เมื่อมาถึงวันนี้ฉันได้คิดว่ามันดีและมีคุณค่าเหลือหลาย หากในขณะที่จ่อมจมอยู่กับสถานการณ์เช่นนั้นฉันก็เอาแต่กระจองอแง หงุดหงิดงุ่นง่านประสาเด็กอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า หากที่ต่างกันคือ ไม่ว่าวันนั้น หรือวันนี้ นาฬิกาปลุกเรือนที่ทรงค่ายิ่งเรือนนั้น ก็ไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดกับฉันเลยสักครั้ง
และนั่นคือภาพจินตนาการที่วาบขึ้นมาในหัวทุกครั้งที่ได้นั่งเฝ้าดูเรื่องราวความเป็นไปในละคร ราชินีหมอลำ คืนวันจันทร์-อังคาร ทางช่อง 3 ฉันเรียกเจ้าความรู้สึกนี้ว่า สำนึกรักบ้านเกิด (ฮา)
เนื้อหาละครตรงไปตรงมาดีแท้ ถูกนิสัยซื่อ ๆ แต่จริงใจของคนอีสานบ้านเฮา ในเรื่องพูดถึงการสู้ชีวิตของสาวน้อย คำนาง (จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) ที่จากบ้านนามาสู่กรุงพร้อมด้วยพ่อที่ตาบอดและน้องสาวเล็กๆ เพื่อตามหาแม่ที่ทิ้งเธอมาตั้งแต่ยังเล็ก
คำนาง ผ่านบททดสอบที่หนาหนักของเมืองกรุงมากมาย แน่นอนเมืองศิวิไลซ์แห่งนี้ ถ้าใครไม่แน่จริง คงผ่านบททดสอบไปได้ยากเหมือนกัน ไหนจะโดนดูถูก ถากถางจากคนกรุงที่เรียกตนเองว่าผู้ดี แต่จิตใจไม่เคยดีได้จริงเลยสักครั้ง ทุกคนมีหน้ากากที่จะคอยป้องกันตนเองจากการโดนผู้อื่นมองว่าตำต้อยด้อยค่าเสมอ คำนาง จึงถูกไล่ออกมาพร้อมคำตอบที่ว่า แม่พิณของเธอตายแล้ว
มรสุมลูกนี้ ไม่ครนามือลูกอีสานอย่างคำนางหรอกค่ะ มุ่งหน้าหางานทำเพื่อดูแลพ่อและน้อง จับพลัดจับผลูได้เป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร "ม่วนซื่นโฮแซว" จับพลัดจับผลูต่อไปอีกขยับขึ้นเป็นนักร้องเสียงดีที่เรียกแขกได้ตรึม ทำเอานักร้องรุ่นพี่อย่างงาม (ปิ๋ม-ซีโฟร์) ตาร้อนผ่าว ๆ
จะว่าไป จอยในบทคำนาง เสียงเธอดีใช้ได้และท่าจะไปได้สวยกับแนวลูกทุ่ง แต่หากพูดถึงหมอลำ เธอยังอีกไกลเหมือนกัน ถึงแม้จะมีข่าวออกมาเป็นระยะว่าเธอได้รับคำแนะนาและการฝึกฝนจาก บานเย็น รากแก่น ราชินีหมอลำตัวจริงเสียงจริงก็ตามที เห็นจะจริงอย่างที่ ลุงแนบ เจ้าของร้าน ม่วนซื่นโฮแซว บอกไว้ว่า "ศิลปะพื้นบ้านอีสานเป็นศิลปะชั้นสูง ที่หาใครเลียนแบบได้ยาก" ถ้าไม่ใช่ลูกอีสานขนานแท้ยากจะลำให้จับหัวใจได้ จะลำทั้งทีมันต้องม่วนคักๆ (สนุกสนานมากถึงมากที่สุด) อย่างฟังลำของ น้องจิน จินตหรา พูนลาภ หรือเอื้อยนาง ศิริพร อำไพพงษ์ แต่ก็นั่นแหละ ในฐานะนักแสดง จอยทำได้เยี่ยงนี้ ก็ขอปรบมือให้
บอกตามตรงว่า ในละครเรื่องนี้ ฉันน่ะชอบลุงแนบเป็นที่สุด จะด้วยภาษาอีสานที่แกพูด จะด้วยท่าทางทรงภูมิเหมือนปราชญ์ชาวบ้านที่ทำให้ฉันนึกถึง พ่อใหญ่ พ่อเฒ่า ของฉัน หรือแม้กระทั่งสีเสื้อที่แกสวมใส่แต่ละตัว โอย..จับใจข้อย (ฉัน) แท้ พ่อใหญ่แนบ
แม้คำนางจะโดนกลั่นแกล้งอย่างไม่รู้จบสิ้น แต่ดีไหมที่เธอเองก็ไม่ไร้คนอาทร ไม่ว่าจะเป็นเจ๊หวึ่ง แม่ค้าขายส้มตำ หรือพี่เดือน ที่คอยหวังดีและเกื้อกูล เธอ พ่อและน้องไม่ให้รู้สึกอับโชคเกินไปนัก
นี่แหละค่ะคือเสน่ห์ของคนอีสาน ซึ่งมักจะเป็นมิตรและเอื้ออาทรกันได้ง่ายดายเสมอ คงเพราะเราเป็นคนพลัดถิ่นเหมือนกันมังคะ ฉะนั้น ไม่ว่าจะเจอคนบ้านเดียวกันที่ไหนเราถึงรู้สึกอุ่นใจและพร้อมจะเป็นมิตรโดยไม่คิดมาก
นานมากแล้ว ที่คนอีสานถูกกดให้อยู่ในกลุ่มชนชั้นกรรมาชีพจากสายตาของผู้เจริญทั้งหลาย ถูกมองความซื่อเป็นความโง่ มองความสมถะเป็นความเกียจคร้าน และหากมองลึกๆ ลงไปในเส้นทางของคนดังทั้งหลายที่เป็นคนอีสาน ทั้งศิลปิน นักกีฬาโอลิมปิค กว่าจะมาผงาดได้อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ ไม่มีหนทางของใครโรยด้วยกลีบกุหลาบเลยสักคน แม้แต่หนทางราดยางมะตอยก็ไม่ใกล้เคียง ทุกอย่างกว่าจะได้มาผ่านการฝ่าขวากหนามมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่
หากถึงวันนี้ ลูกอด ลูกทนของลูกข้าวเหนียวอย่างเราก็พูดอย่างเต็มปากได้ว่า คนอีสานไม่น้อยหน้าใครแต่อย่างใดเลย ทั้งเรื่องศิลปะ ศิลปินพื้นบ้าน ดูอย่างโปงลางสะออนนั่นสิ มีใครบ้างไม่รู้จักพวกเขา หรืออย่างน้อยที่สุด ราชินีหมอลำเรื่องนี้ก็มีดีขนาดทำให้เกิดคอนเสิร์ตหมอลำช่วยชาติได้ด้วยนะเออ
หรือคุณว่าส้มตำปลาร้าไม่อร่อยล่ะ ?????