Skip to main content

แม่…บ้านเก่า ถนน และความทรงจำ

คอลัมน์/ชุมชน





รอยเท้าของคนดีเดินผ่าน


ถนนนั้นก็เป็นสิริมงคล


ลูกแม่  ถนนอย่างนั้นแหละ


เหมาะสำหรับลูกควรจะเดิน


ถนนนั้นแม้จะไกล


ก็เป็นถนนที่ปลอดภัย


 


ความหวังของแม่


ก็อยากให้ลูกเดินถนนอย่างนี้.


(กวีนิพนธ์ชื่อ "ถนน" ของ "จ่าง  แซ่ตั้ง" )


ตีพิมพ์ครั้งแรก ชุด "แม่กับลูก"  เมื่อปี พ.ศ. 2515  


ตีพิมพ์ครั้งที่ 2  โดยสำนักพิมพ์ "ลูกหลาน จ่าง  แซ่ตั้ง" เดือนสิงหาคม 2548 


 


* * * * * *


 


ฉันหยิบหนังสือรวมกวีนิพนธ์คัดสรรของ "จ่าง  แซ่ตั้ง" ชุด "แม่กับลูก" ออกมาอ่านอีกครั้งในค่ำคืนเงียบสงัด  ในยามที่มองเห็นดวงดาววิบวับไหวอยู่บนเวิ้งฟ้า  ลมหนาวพัดพาอายหนาวยะเยียบมาจากเชิงดอยสูง  อากาศสดสะอาด  ช่างกล่อมเกลาความรู้สึกบางอย่างออกมาให้ใคร่ครวญคิดถึง...


ใช่...พลอยทำให้ฉันคิดถึงภาพเก่าๆ  ในวัยเยาว์  คิดถึงแม่...คิดถึงบ้าน  คิดถึงถนนที่ฉันเดินออกมาจากหมู่บ้าน... 


 


* * * * * *


 



ฉันกลับมาเยี่ยมเยือนบ้านเกิดอีกครั้งหนึ่ง 


หลังจากที่วิถีชีวิตเร่ร่อนห่างหายนานและนาน 


ฉันจ้องมองหาความสุขที่ล่องลอย  มองหาอดีตที่พลัดหาย 


ภาพผ่านสองข้างทางแปลกเปลี่ยนไปมาก  ไม่เหมือนเดิม 


ถนนดินที่ทอดยาวไปสู่หมู่บ้านเปลี่ยนเป็นถนนคอนกรีต 


ดงป่าสักที่เคยคลุมปกรกครึ้มร่มเย็นกลับโล่งเตียนเหลือแต่ตอ


 เท่าที่มองเห็นต้นไม้ที่ยังให้เห็นพอหลงเหลืออยู่ 


ก็มีแต่ภายในบริเวณสุสานป่าช้าริมถนนทางเข้าหมู่บ้านเท่านั้น 


ความเงียบของชนบทหายไป  กลายเป็นความอึกทึกและรีบเร่ง 


เมื่อคนในหมู่บ้านต่างแข่งขันกันมีรถยนต์ มอเตอร์ไซค์  เทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้ากันยกใหญ่


โอ. บ้านเกิดของฉัน  เปลี่ยนไปมากจริงๆ…


 


* * * * * *


 


อยู่อย่างนั้น...


ฉันขังตัวเองอยู่ในห้องนอนสกปรก  ห้องที่แสงแดดส่องสาดมาไม่ถึง 


บรรยากาศอับชื้น  หนังสือทั้งเก่าใหม่วางระเกะระกะเต็มพื้นห้อง 


ไม่อยากเก็บหรือคิดจะปัดกวาด  เศษกระดาษเขียน


จดหมาย  บทกวี  เรื่องสั้น  ถูกขยำทิ้งจนล้นถังขยะ 


บางครั้ง…สิ่งที่เราเคยกลั่นออกมาจากความคิดความรู้สึก 


ก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าไม่มีความหมายเหมือนกันนะ  ฉันครุ่นรำพึงกับตัวเอง…


 


ฉันมีความรู้สึกเริ่มเบื่อผู้คน  เบื่อตัวเอง  เบื่ออาหารมื้อเช้า มื้อกลางวันทำไมคนเราต้องจมอยู่กับความหิว  ความอยาก ความอิ่ม อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่รู้  นั่งมองรูปภาพของตัวเองที่ติดอยู่ข้างฝาห้อง  ภาพเก่าๆ ที่ยังไม่ได้ใส่กรอบ  สีมันดูซีดจาง  นั่น,แมลงสาปกำลังไต่มากัดกินแทะเล็ม  จากท่อนขาลามไปถึงลำตัว  ใกล้ทรวงอกเข้าไปทุกที  โอ.หัวใจฉันกำลังถูกกัดกร่อน  แต่ช่างเถอะ…ปล่อยให้มันกัดกินภาพไปเรื่อยๆ  อย่างแช่มช้า  เหมือนกับว่าฉันกำลังเฝ้ามองตัวเอง…หรือว่าฉันกำลังฟุ้งซ่านใกล้บ้า!


                                               


* * * * * * *


 


บ้านเก่าหลังนี้  ก่อนเคยมีแต่เสียงหยอกล้อ  เสียงหัวเราะและเสียงเพลง


บทเพลงแห่งความสุขก้องกังวานไปทั่ว  ฉันยังจำวันที่แม่ให้นอนหนุนตัก 


มืออุ่นอ่อนโยนนั้นโอบกอดฉันไว้  พร้อมกับคอยพร่ำสอนให้เป็นคนดี  อย่าเห็นแก่ตัว 


โตขึ้นให้ทำงานที่สุจริต  อย่าอวดเบ่งข่มเหงคนที่ด้อยกว่า


ตอนนั้น…ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายคำพูดของแม่เท่าไร เพราะยังเยาว์นัก


 


มาบัดนี้, คงเหลือเพียงภาพความทรงจำเก่าๆ 


แม่จากฉันไปนานแล้วด้วยโรคเบาหวานกับความดันสูง 


พ่อแต่งงานใหม่ย้ายไปปลูกบ้านหลังใหม่ที่ท้ายทุ่ง 


สงสารก็แต่พี่สาวที่อยู่คนเดียวในบ้านเก่าหลังนี้ 


ฉันหรือ…นานทีปีหนจะกลับบ้านครั้งหนึ่ง 


ใช่ว่าฉันจะเห็นแก่ตัวหรือหนีปัญหาไม่สู้ชีวิต 


เพียงแต่ตัวเองกำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ 


ฉันจึงจำต้องเดินออกจากบ้านเก่าหลังนี้ 


เพื่อไปสู่ถนนสายชะตากรรม…


 


* * * * * *


 



ยามใดที่ฉันคิดถึงแม่…ฉันจะกลับคืนมาบ้านเกิด 


จ่อมจมอยู่ในห้องหับของความทรงจำ  หยิบหนังสือเรื่องสั้นเล่มเก่าของ "รมย์  รติวัน" ออกมาอ่าน  บางบทบางตอนของเรื่อง "ปุยนุ่นและดวงดาว"  ฉันอ่านแล้ว  มีความรู้สึกว่าเหมือนมีแม่มาอยู่ใกล้ ๆ


 


**…ใต้แสงแดดอ่อนในฤดูหนาวยามย่ำเย็น  มันทำให้ฉันว้าเหว่นัก  แต่ฉันมองเห็นแม่กำลังฝัดข้าวอยู่กลางลานดิน  ล้อมรอบด้วยเสียงเป็ดไก่จอแจ  มองเห็นพ่อต้อนควายเข้าคอก  มองเห็นพี่หน้าเป็นมันอยู่ในครัว  ปู่สุมไฟไล่ริ้นยุงอยู่หน้าบ้าน  ย่ากำลังให้ข้าวหมูในเล้า  อีกนาน  ทุกคนจะพร้อมหน้ากันที่ชานเรือน  ล้อมวงกินข้าวมื้อเย็น  พออิ่มก็มืด  พอดีดาวจะค่อยๆ  ผุดขึ้นทีละดวงจนพร่างเต็มฟ้า  มันวาบเป็นทางยาวก่อนจะดับสนิท  แม่หัวเราะและกล่าวกับฉันว่า…


 


" ดาวตกอยู่ทุกคืนแหละลูก  แต่ท้องฟ้าก็ไม่หมดดาว"


 


ขอให้ฉันได้ต่อถ้อยคำตอบแม่ว่า…


"เหมือนความหวังของมนุษย์แหละ แม่จ๋า…แม้มนุษย์จะเคยสิ้นหวังครั้งแล้วครั้งเล่า 


แต่มนุษย์ก็ไม่เคยหมดความหวัง  จริงไหมจ๊ะ แม่"


 


* * * * * *


 


ค่ำคืนนี้  ฟ้าช่างมืดนัก 


ลมเหนือพัดโชยมาเย็นเยือกหนาว 


หนาวในห้วงความทรงจำ  ว้างไหวและเปลี่ยวเหงา 


ฉันก้าวเดินออกมายืนอยู่กลางสวนหลังบ้าน 


แหงนหน้าจ้องมองดวงดาวที่วับแวมอยู่กลางฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล 


มีดาวดวงหนึ่งกระพริบวิบวาวแจ่มจ้าที่สุดในหมู่ดาว 


เคลิ้มคล้ายเหมือนกับว่าดวงดาวกำลังจ้องมองมายังฉัน


บางที  แม่อาจอาศัยอยู่บนดาวดวงนั้น…


                                                           


* * * * * *


**  บางตอน เรื่องสั้น ปุยนุ่นและดวงดาว ของ "รมย์  รติวัน"