Skip to main content

ชาวนาคนสุดท้าย : ศรัทธา

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


1


 


"สี่หมื่นเท่านั้นเอง ห่าเอ๊ย !" 


 


เป็นถ้อยสบถที่อ้ายอ้วนเจ้าของร้านเหล้าตองฟังมาจนชาชินในห้วงเวลาสัปดาห์นี้ ยิ่งใกล้ถึงวันยี่เป็งเท่าไหร่ เสียงบ่นด่ายิ่งถี่หูมากขึ้น โดยเฉพาะจากบรรดาลูกค้าขาประจำ วันนี้ก็เช่นกัน


 


 "หันเงินหน้าดำ หันคำหน้ามืด" อ้ายพรเว่าหรือพรฟันหลอเริ่มต้นบริภาษก่อนเพื่อนว่าเห็นเงินเห็นทองสำคัญกว่าฮีตฮอยประเพณี


 


"น้อยบุญก็ไม่ท้วงวันนั้น" อ้ายสมตำหนิเพื่อนร่วมวง


"คิงก็ว่าไปเรื่อย ฮาบอกแล้วมีใครเชื่อบ้าง หมู่พ่อหลวง ปู่จ๋าน กรรมการ ตุ๊เจ้า เขาเอาย่างเดียวกัน ฮามันเสียงส่วนน้อย" อ้ายน้อยบุญพูดถึงการประชุมเตรียมต้อนรับขบวนกฐินที่ผ่านมา


"จริงอย่างอ้ายน้อยมันว่า" เจ้าของร้านยืนยัน "เขาว่าปีเดียวเท่านั้นเอง"


"ห่า" อ้ายพรเว่าถุยน้ำลาย " ปีนี้มันมาซื้องานยี่เป็งได้ ปีต่อไปมันก็มาซื้องานตานหลัวพระเจ้าไปอีก ยอดกฐินได้เงินสี่หมื่นเท่านั้น อ้ายอ้วนเอาเหล้ามาอีกตอง " อ้ายพรเว่าอารมณ์เดือด


 


พวกเขาพูดพร่ำเรื่องนี้ตั้งแต่อ้ายพรเว่าหย่อนก้นลงบนเก้าอี้เป็นคนแรก ตามติดด้วยอ้ายน้อยบุญที่ครึ้มมาจากร้านอี่เพ็ญข้างวัด ส่วนอ้ายสมนั้นเสร็จจากส่งผักให้แม่ค้าก็แวะเข้ามาสมทบเป็นคนสุดท้าย ถึงแม้ในวงจะคุยกันอยู่หลายเรื่อง สุดท้ายก็วนมาลงที่งานยี่เป็งนี่แหละ


 


เรื่องมันมีอยู่ว่าคณะกฐินจากกรุงเทพยกขบวนมาถวายที่วัดบ้านเราเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนหลังออกพรรษาแล้ว คณะกฐินอยากเห็นประเพณีแห่งผางประทีปซึ่งปกติจัดขึ้นในคืนวันเพ็ญเดือนยี่ซึ่งตรงกับวันลอยกระทงของภาคกลาง เขาว่าช่วงนั้นคณะกฐินจะไปเที่ยวที่สุโขทัยแทนแต่ก็อยากดูประเพณีแห่ผางประทีปของบ้านเราด้วย


 


"ฮาว่าทำบ่ถูกนะอย่างนี้" อ้ายสมท้วงขึ้นอีกหลังจากที่เหล้าซดเหล้าไปสามตอง


" แล้วคิงจะยะจะใด" อ้ายน้อยบุญถามหาทางออก


" เฮาก่จัดของเฮากะ" อ้ายอ้วนเจ้าของร้านเสนอ "คิงเขาพล่ามกันเรื่องนี้จนฮาขี้ค้านฟัง "


" เอ้อ! ดี! ตั้งแต่คบกันมาวันนี้คิงเยี่ยมที่สุด" อ้ายพรเว่าหยอก


" สันดาน" อ้ายอ้วนตอบกลับ แต่เขายังเป็นกังวลต่อมติกลุ่ม "พรุ่งนี้แล้วนะยี่เป็ง มันจะทันมั้ย"


 " ทันสิ ก็เหมือนทุกปี ใครถนัดอันไหนก็มาช่วยกันทำ วันพูกกินข้าวงายแล้วเจอกันที่บ้านฮาเน้อ" อ้ายน้อยบุญนัดหมาย


 


ไม่มีเสียงตอบรับจากสมาชิกร่วมวงเพราะป้าดีขี้เมาขี่รถเครื่องบีบแตรเข้ามาดังลั่นร้าน


ทุกคนมองไปทางเดียวกัน ก่อนจะหันเข้ามาร่ำสุรากันต่อ อ้ายพรเว่าเปลี่ยนเรื่องใหม่ว่าน่าจะไล่พ่อหลวงบ้านออกเสียเลยโทษฐานขายประเพณีกิน เรื่องนี้ไม่มีคนเล่นด้วย พวกเขาแหย่ว่าอ้ายพรเว่าผิดหวังเพราะพ่อหลวงไม่เลือกเป็นตำรวจบ้านเลยอาฆาตแค้นเป็นการส่วนตัว


 


2


 


โหม้ง! โหม้ง ! โหม้ง ! โหม้ง ! โหม้ง ! โหม้ง !


โหม้ง ! ซึ่ง ! โหม้ง ! ซึ่ง ! โหม้ง ! ซึ่ง ! โหม้ง !


โหม้ง! โหม้ง ! โหม้ง ! โหม้ง ! โหม้ง ! โหม้ง !


โหม้ง ! ซึ่ง ! โหม้ง ! ซึ่ง ! โหม้ง ! ซึ่ง ! โหม้ง !


 


เสียงฆ้องดังขึ้นตามด้วยเสียงกลองเสียงฉาบรับลูกผสานจังหวะเข้าด้วยกัน มันเป็นสัญญาณเริ่มต้นว่าการแห่ผางประทีปเริ่มใกล้เข้ามาแล้วพี่น้องเอ๋ย เดือนเต็มดวงลอยเด่นสุกสว่างสาดต้องแผ่นดิน


 


   


อ้ายอ้วนตีฆ้อง อ้ายสมตีกลอง อ้ายพรเว่าตีฉาบ อ้ายน้อยบุญคอยบริการเหล้าให้หมู่พวก คนเฒ่าคนแก่ที่รู้ข่าวการแห่ผางประทีปมาช่วยงานตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ ตอนนี้พวกเขาไปรออยู่ที่ในวัดก่อนแล้ว บรรดาสาธุชนทั้งหลายก็มาร่วมกันครึกครึ้นทั้งชายหญิงบ้านใกล้เรือนเคียงพากันมาร่วมงานบุญ


 


ผางประทีปหนึ่งในพิธีกรรมสำคัญของบ้านเราในวันยี่เป็งเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อันที่จริงต้องทำควบคู่กับการตั้งธรรมหลวงหรือฟังเทศน์มหาชาติ ซึ่งต้องอาศัยศรัทธาของคนหมู่หลายร่วมกัน เพราะต้องมีการฟังธรรมตั้ง 13 กัณฑ์ อันเป็นเรื่องราวของพระเวสสันดรที่เป็นชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนจะมาประสูติเป็นพระพุทธเจ้าในชาติต่อมา


 


มันคงเป็นเพราะศรัทธาคนคนลดน้อยถอยลงไปแล้วก็เป็นได้ งานตั้งธรรมหลวงเลยเป็นงานใหญ่ที่แทบไม่มีใครจัดอีกเลยในรอบสิบกว่าปีมานี้ ยังดีที่มีแห่ผางประทีป คนบ้านเรายึดถือกันสืบเนื่องมาไม่ขาดเว้น ทุกปีต้นผางประทีปจะมีกันมากเป็นสิบต้น แบ่งกันตามหมวดบ้าน แต่ถึงปีนี้มันจะถูกซื้อไปจัดจัดก่อนวันยี่เป็งแต่แรงศรัทธาที่บ้านอ้ายน้อยบุญยังพอทำให้อุ่นใจได้บ้างว่าบางอย่างตีค่าเป็นเงินทองไม่ได้


 


ต้นผางประทีปตกแต่งคล้ายกับต้นผ้าป่า เพียงแต่ต่างกันตรงที่มีเทียนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีเทียนขนาดเล็กล้อมรอบประดับประดาด้วยดอกไม้ ข้าวของเครื่องใช้จำพวกสบู่ ยาสีฟัน ธูป ผงซักฟอก ไม้ขีดไฟ ของกินของใช้ก็เอามาห้อย มาร้อยตกแต่งถวายไปพร้อมกัน


 


"เอายัง พร้อมยัง" อ้ายน้อยบุญเอิ้นถามคณะศรัทธาทั้งหลาย


"เอาเลย ไปเลยหมู่เฮา เอาเหล้ามาหื้อป้าตวย" ป้าดีขี้เหล้าตะโกนตอบ


 


ลุงมาเป็นผู้อาวุโสสุดในงานจุดเทียนเล่มใหญ่ แล้วคนอื่นก็ช่วยกันจุดเทียนเล่มเล็กที่รายรอบต้นผางประทีปให้สว่างเรืองรอง เสียงฆ้องเสียงกลองระรัวขึ้น เสียงประทัดแตกดัง คนโห่ร้องรับ ผู้หญิงสี่คนช่วยกันแบกต้นผางประทีป พี่นีกับพี่ลัยเคียงคู่ด้านหน้า ส่วนพี่นงกับพี่เงาออกแรงอยู่ด้านหลัง


 


ขบวนแห่ผางประทีปเคลื่อนตัวออกจากลานบ้านอ้ายน้อยบุญไปอย่างครึกครื้น ฆ้องกลองนำหน้า นักศีลนักธรรมทั้งหลายร่ายรำตามติดห้อมหน้าห้อมหลังต้นผางประทีป จากลานบ้านออกสู่ถนน เดือนเพ็ญนำทาง เสียงเพลงจากเสียงร้องของบรรดาคนร่วมขบวนแห่ดังก้องหมู่บ้าน แจกเหล้าจิบดื่ม เหล้าขาว เหล้าต้ม เหล้าน้ำขาว ขาดเสียไม่ได้สำหรับงานนี้


 


ผู้คนตามรายทางออกมาสมทบฟ้อนรำรื่นเริง เด็กน้อยตามแม่มาร่วมขบวนกระโดดโลดเต้นนำหน้า ต้นผางประทีปเอียนเอนวูบไหวไปมากับลีลาการเต้นของคนแบกหาม บางครั้งมันเอียงวูบเสียจนน่ากลัวว่าจะล้มลงไปทั้งคนทั้งต้นผางประทีป แต่มันก็กลับมาตั้งตรงเดินหน้าต่อไปอยู่อย่างนั้น


 


พวกวงเหล้าต้นคิดงานนี้ฟ้อนแอ่นหน้าแอ่นหลัง ปล่อยคนอื่นรับเอาเครื่องดนตรีไปตีไปเล่นเสียแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ งานนี้ไม่ใช่ของพวกเขาฝ่ายเดียวเสียแล้ว คนบ้านเราเข้าร่วมการแห่แหนกันหลายสิบคน ยอดเงินบริจาคใส่ในต้นผางประทีปอาจได้ไม่กี่ร้อยบาท แต่ยอดศรัทธานั้นสูงลิ่วเหมือนเดือนเป็งเด่นฟ้าพู้น


 


3


ขบวนแห่ลัดเลาะตามซอกซอยอ้อยอิ่งไม่รีบร้อน เสียงเพลงบางครั้งขาดหาย เสียงฆ้องกลองตีไม่เข้าจังหวะ เพลงล่ม ต้องเริ่มต้นใหม่ ขาด ๆ เกิน ๆ สลับไปกับเสียงโห่ร้อง แต่ละเพลงที่เปล่งร้องบ่งบอกถึงความเริงสำราญ กระทั่งทะลุออกถนนสายหลักของบ้านเราที่เป็นทางไปสู่ตัววัด ปรากฎว่ามีขบวนแห่ต้นผางประทีปอีกขบวนหนึ่งตั้งอยู่ที่นั่น โดยมิได้คาดหมายว่าคืนนี้ปีนี้บ้านเราจะมีต้นผางประทีปถึงสองต้น เมื่อสองขบวนมาบรรจบ เสียงเพลงก็ยิ่งดังขึ้น ผู้คนนับร้อยร้องรำ รื่นเริง ทุกคนมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน


 


ต้นผางประทีปสองต้นโยกไหวเคียงข้างตามติดเคลื่อนย้ายมาจนถึงลานหน้าประตูเข้าวัด


ปู่จ๋านวัด ผู้นำทำพิธีประจำบ้านเรายืนรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว แกยกมือขึ้นสองข้าง โบกห้ามให้ขบวนแห่หยุดฟ้อนรำ ปลดปลงเอาต้นผางประทีปมาวางไว้กับพื้น เสียงเพลงหยุดแล้ว ฆ้องกลองหยุดตาม ทุกคนนั่งยอง ๆ ล้อมรอบต้นผางประทีป พนมมือไหว้ ปู้จ๋านทำพิธีขอขมาต้นผางประทีปที่บรรดาศรัทธาได้ทำสิ่งหนึ่งประการใดไม่เหมาะไม่ควรทั้งกายวาจาใจ


 


เสร็จพิธีแล้ว เสียงเพลงฆ้องกลองดังขึ้นอีก อ้ายน้อยบุญจุดดอกไม้ไฟโชติช่วงผู้คนโห่ฮิ้ว ยินดีปรีดา ขบวนแห่เคลื่อนตัวเข้าไปยังบริเวณลานวัด แห่รอบพระวิหาร คืนนี้เอารอบเดียวเป็นพอเพราะทุกคนมากหลายเบียดแน่น วนครบรอบแล้วเสียงเสียงดนตรีเงียบลงอีกครา ช่วยกันลำเลียงต้นผางประทีปเข้าไปในตัวพระวิหาร ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มานั่งรอขยับหลีกทางให้


 


"ขันหมากมาแล้ว...ขันหมากมาแล้ว" อ้ายพรเว่าร้องลั่นวิหาร


"บาปกินหัวมึง" เป็นเสียงตวาดจากปู้จ๋านวัด อ้ายพรเว่าหยุดร้องทันใด


 


ตุ๊ลุงคำ นั่งรออยู่แล้วบนอาสนะ ก้มหน้ายิ้มอยู่เบื้องหน้าพระประธานรูปใหญ่ ปกติต้องมีการฟังธรรมกัณฑ์อานิสงส์ผางประทีปด้วย แต่เนื่องด้วยว่าปีนี้การถวายต้นผางประทีปเป็นไปอย่างฉุกละหุกเลยเป็นอันงดเว้นไปเสียปีหนึ่ง พิธีถวายต้นผางประทีปจึงกินเวลามาไม่นานนัก


 


ระหว่างพิธีอ้ายพรเว่านั่งสัปหงกเช่นเดียวชายหญิงอีกหลายคน อ้ายน้อยบุญอิงเสาวิหารเอาไว้กันตัวเองล้ม อ้ายอ้วนนั่งก้มหน้าอยู่หลังอ้ายน้อยบุญอีกที ทุกคนพยายามทำตัวให้ดูสงบเสงี่ยมเต็มที่ อ้ายสมลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่กลับเข้ามาอีกเลย


 


กระทั่งมาถึงพิธีกรรมสุดท้ายตุ๊ลุงคำเอ่ยเตือนญาติโยม


"รับพรเน้อ" บรรดาพี่น้องเราที่ผล็อยหลับก็พลันตื่นขึ้น


 


เสียงสวดให้พรของตุ๊ลุงคำแผ่วเบาเย็นลึกเข้าไปในดวงใจ


บรรดาสาธุชนทั้งหลายตั้งจิตอธิษฐาน


สิ้นเสียงตุ๊ลุงทุกคนยกมือขึ้นท่วมหัวเปล่งเสียงรับพรด้วยดวงจิตเปี่ยมบุญ


.....สา!!!.......ตุ๊ !!!