คูนดอกสุดท้าย..ในชีวิต
คอลัมน์/ชุมชน
(ภาพจาก http://www.naiin.com/bigbook.asp?sku=BK74929369749696)
โดย..น้ำตาฟ้า
" เจ้ กลับไปหาแม่กัน" น้องสาวของฉันบอกพร้อมกับยื่นหนังสือเล่มนี้คืนให้
ไม่เชื่อใช่ไหมว่า หนังสือเล่มเล็ก ๆ จะทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นคงต้องพิจารณาสิ่งที่บรรจุอยู่ในหนังสือเล่มนี้เสียแล้ว ตามมาติด ๆ นะคะ ระวังจะพลัดหลงกัน แล้วจะพลาดความงามที่แตกต่างไปเสียนั่น
"พอเริ่มเข้าหน้าฝน แม่จะพาลูก ๆ ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเก็บ "บักม่วงน้อย" เพื่อนำมากวนทำเป็น มะม่วงแผ่น หรือไม่ก็กินตอนเช้า โดยปาดหัวด้านบนเอาเมล็ดออก จากนั้นเอาข้าวเหนียวที่นึ่งเสร็จใหม่ ๆ ใส่ลงไปแทนเมล็ด บีบให้เนื้อมะม่วงและข้าวเหนียวเข้ากัน ได้รสชาติอร่อยไปอีกแบบ"
"เช้าบางวัน แม่พาตื่นแต่เช้า เพื่อไป "ขวยกุดจี่" ผมจะถือหม้อขาวสำหรับใส่กุดจี่ที่แม่หาได้ เราจะนำมาคั่วหรือไม่ก็ใส่แกงรวมมิตร หรือแกงหน่อไม้"
เห็นไหมคะ เพียงสองใจความสั้น ๆ เท่านี้ ลูกข้าวเหนียวอย่างฉันก็ต้องส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับหนังสือในมือ กลิ่นอวล นัว ปลาร้าที่ปรุงกับข้าวฝีมือแม่จ่ออยู่ที่ปลายจมูก "คูนดอกสุดท้าย" เป็นหนังสือมีชีวิตค่ะ
คงเพราะจากถิ่นฐานบ้านเกิดมานานนักหนาจนแทบจะลืมทางกลับบ้านไปแล้วอย่างที่ผู้เฒ่าในหมู่บ้านหยอกเอินทุกครั้งที่เห็นฉันโผล่หน้าแป้นแล้นกลับไป ทำให้ลูกข้าวเหนี่ยวเยี่ยงฉันมีอาการโหยหาในกำพืดของตนเองอยู่มิวาย ส้มตำปู ปลาร้าเจ้าไหนที่ว่าอร่อย แต่สู้มะละกอคลุกน้ำปลาร้าของแม่ฉันไม่ได้สักราย โรงภาพยนตร์ชั้นหนึ่งที่ว่าเจ๋งยังไง ก็เทียบไม่ได้กับหนังกลางแปลงที่ฉันและน้องต้องหนีแม่ไปนอนตากน้ำค้างฟังเขาขายยาฆ่าพยาธิสารพัดชนิดก่อนจะได้ดูตอนจบ แม้จะต้องแลกกับการถูกแม่หวดด้วยไม้เรียวทันทีที่กลับถึงบ้านก็ไม่ทำให้พวกเราครั่นคร้ามได้
"บางวันผมกับเพื่อนไปขุดแย้ หลังฝนตกและมีแดดออกจะหาง่ายมาก แย้จะวิ่งเร็ว พอเจอแย้วิ่งลงรูเราจะใช้เสียมขุด พอจับแย้ได้ก็เอามาปล่อยที่สนามโรงเรียนและวิ่งไล่จับเป็นที่สนุกสนาน"
ศาสตร์และศิลป์ในการหาความบันเทิงเริงใจรอบ ๆ ตัวเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่ลูกข้าวนึ่งตัวจริงเสียงจริง ขอบอกว่ายากที่จะรื่นรมย์กับมัน
"ช่วงปิดเทอม ผมจะชอบไปนอนที่บ้านเพื่อน ต้องตื่นแต่เช้า เวลาไปทำนาที่อยู่ห่างออกไป ปกติหมู่บ้านต่างๆ จะมีทางเกวียนซึ่งใช้สัญจรไปมา รวมทั้งเป็นเส้นทางเดินของวัวควาย เทียบกับปัจจุบัน ถ้าเป็นทางรถยนต์ก็เรียก "มอเตอร์เวย์ (Motorway)" ถ้าเป็นทางควายแบบเมื่อก่อนก็คงจะเรียก "บัฟฟาโลเวย์ (Buffaloway)"
รู้อะไรไหมคะ ยิ่งอ่านภาพความทรงจำในวัยเยาว์ที่ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในลิ้นชักในสมองของฉันก็ถูกเปิดแง้มออกทีละน้อย ๆ และนั่นทำให้ภาพยิ่งฉายชัดขึ้นทุกที เรื่องราวของผู้เขียนไม่แตกต่างไปจากฉันเลยโดยเฉพาะความอิ่มเอมกับเรื่องราวชีวิตวัยเยาว์ ที่แม้จะไม่สุขสบายเมื่อต้องไปเทียบกับใคร ๆ หากแต่ฉันก็รับรู้และสัมผัสได้ทุกความสุขที่ส่งผ่านตัวอักษรออกมา
และเมื่อเพ่งพิศอย่างถี่ถ้วนถึงบทที่ 14 นี่แหละชีวิต ก็ยิ่งพบความงดงามของวิถีชีวิตชนบทที่ผู้เขียนได้นำมาเปรียบเทียบกับปัญหาหลายต่อหลายอย่างที่พบเห็นในเมืองได้อย่างแหลมคม และจับใจเหลือเกิน
"ทฤษฎีเขียดโม่ : เวลาที่ผมไปหาเขียดกับแม่ หลังจากที่เอาเขียดใส่ลงไปในกระแป๋ง เขียดที่อ่อนแอกว่าจะถูกเขียดที่แข็งแรงกว่าเหยียบทับลงไป เขียดที่อ่อนแอด้านล่าง ไม่มีแม้อากาศหายใจ ตัวที่อยู่บนสุดจะรอดในขณะที่เหยียบอยู่บนตัวอื่น ความเป็นไปของผู้คนในสังคม ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นจึงจะยืนหยัดอยู่ได้ มันคือสัจธรรมชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้"
"ปั่นหัวให้กัดกัน : ตอนเป็นเด็ก ผมกับเพื่อนหาจิ้งหรีดมากันกัน ถ้ามันไม่กัดก็ใช้ด้ายที่ดึงมาจากผ้าขาวม้ามาผูกคอจิ้งหรีด ปั่นให้เชือกหมุนเป็นวง จิ้งหรีดคงจะเวียนหัวหรือเมาตาลาย จากไม่กัดกันก็กัดได้ เหมือนกับคนเราที่มีอยู่มากมายที่ถูกปั่นหัวให้ทะเลาะกัน ดังเช่นปั่นหัวจิ้งหรีด"
ทุกจังหวะย่างก้าวของการดำเนินเรื่องคูนดอกสุดท้าย ผู้เขียนผูกพันกับผู้เป็นแม่ยิ่งนัก ทำให้ฉันซึมซับความผูกพันนั้นได้ด้วยหัวใจที่ถวิลหาอ้อมอกแม่อยู่มิวายเช่นเดียวกัน นานแค่ไหนแล้วหนอ ที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าแม่ ทั้ง ๆ ที่แม่จะเฝ้ารอลูก ๆ อยู่อย่างเดียวดาย และหากระยะทางของการรอคอยนั้นสามารถแปรเปลี่ยนเป็นสายน้ำมันก็คงยาวเทียบเท่าแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านนานาประเทศนั่นเลยทีเดียว แม่เคยร้องขอสิ่งใดหรือก็เปล่าทั้งสิ้น คงรออยู่อย่างสงบ เจียมตัว ทั้งที่เวลาในการรอคอยนั้นสั้นลงทุกทีๆ
พลันที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบลง ฉันก็หันไปบอกน้องสาวด้วยประโยคเดียวกันกับตอนที่เธอยื่นหนังสือเล่มนี้คืนฉัน "น้อง..ไปหาแม่กัน"
"ไปกินข้าว แม่ตำแจ่วปลาแดกไว้ให้แล้ว " เสียงแม่บอกหลังโอบกอดฉันและน้องด้วยความปีติเชื่อเถอะว่า แจ่วปลาแดก (น้ำพริกปลาร้า) ฝีมือแม่ฉันหาใครเทียมได้ในแผ่นดินนี้
เหนืออื่นใดฉันกับน้องก็ได้กลับไปกราบแทบเท้า "คูนดอกสุดท้าย ในชีวิตของเราทั้งคู่" ที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ชูช่อเหลืองอร่าม เบ่งบานเป็นมงคลให้ชีวิตของฉันกับน้องเสมอมา