ชวนมารักกัน 5 แค่รักกันเท่านั้นพอไหม
คอลัมน์/ชุมชน
ฟ้ามืดแล้ว
เรายังอยู่กันที่ถนนคนเดิน ยิ่งมืดคนยิ่งเยอะ เจ้าของลิลลี่เตรียมเก็บของกลับ เธอว่าช่วงหัวค่ำขายเสื้อหมาไม่ค่อยได้ และเธอสงสารลิลลี่ด้วย มันเหนื่อยแล้ว
ไม่นานความเป็นคนแปลกหน้าของเราก็หายไป เพราะเรามีเรื่องเกี่ยวกับหมา ๆ มาเล่าสู่กันฟัง อย่างไม่รู้จบ ฉันชอบที่เธอเล่าว่า เมื่อมีใครมาพูดในเชิงเปรียบเทียบเกี่ยวกับหมาในเชิงที่ไม่ดีเธอไม่พอใจและไม่ขำด้วย เช่นหลายวันก่อนนักการเมืองออกมาด่ากันว่า ไอ้ลูกหมา
ฉันเห็นด้วยกับเธอ ครั้งหนึ่งเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่า นักกิจกรรมอาวุโสท่านหนึ่ง กล่าวในที่ประชุมว่า เราอย่าเกลียดท่านผู้นำในรัฐบาลเลย ให้รักท่านเหมือนรักหมาที่บ้านของเรา ฉันไม่ตลกและไม่มีส่วนร่วมด้วยแม้ว่าจะไม่ชอบท่านผู้นำ แต่ฉันจะรักท่านผู้นำให้เหมือนรักหมาที่บ้านไม่ได้หรอก
"โกรธแทนเหรอ" เธอถาม
"ใช่ .ใช่แล้ว มันน่ารักเกินกว่าที่จะเอามาเปรียบเทียบอย่างนั้น"
"สนใจจะทำคอกด้วยกันไหม หรือจะซื้อแฟรนชายก็ได้นะ" เธอชวนอย่างจริงจังและยังอธิบายต่อว่า เราจะได้ทำในสิ่งที่เรารัก และเราจะคัดเลือกคนซื้อก่อนไม่ใช่ขายไปเรื่อย ๆ
นับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งของชีวิตที่น่าสนใจ
ฉันพาปังปอนด์กับจุ๊กจิ๊กกลับมาบ้าน พร้อมกับเงิน 200 บาท อาหารกล่องโต ที่ได้มาจากค่าโชว์ตัวเพื่อขายสินค้าที่ถนนคนเดินในวันนี้
ทันทีที่วางปังปอนด์กับจุ๊กจิ๊กลง แม่ชะอมของมันก็เข้ามาเลียหน้าเลียตาให้ลูกมัน ส่วนพ่อชาช่ายืนอยู่ใกล้ ๆ มันไม่ส่งเสียงขู่ใส่ลูก
ทั้งสองทำเสียงอู้อู้ สงสัยว่ามันเล่าให้แม่มันฟังว่าไปเจออะไรมาบ้าง มันคงบ่นว่าร้อนแทบตาย หรือเจ้าปังปอนด์อาจจะบอกว่าสนุกล่ะไม่ว่า เจอยายลิลลี่น่ารักจะตาย ได้กินน้ำแข็งใส กินไอศกรีมด้วย
"มันน่ารักจริง ๆ ไม่ต้องไปไหน อยู่ด้วยกันนี่แหละ ให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว"
"อยู่กันทั้งหมดนี้นะเหรอ เอาอะไรให้มันกิน"
พูดออกไปแล้วก็รู้สึกเสียใจ อาจจะทำให้เขาไม่สบายใจได้ เพราะเขาเป็นนักดนตรีตกงานมาสี่ห้าเดือนแล้ว แรกๆ ที่ว่างงานใหม่ ๆ เขาก็นั่งเล่นอยู่กับบ้าน มีหมา 4 ตัวนั่งฟัง เป็นการซ้อมมือเตรียมพร้อม เพราะคิดว่าร้านให้หยุดชั่วคราว แต่เมื่อรู้ว่าร้านยกเลิกดนตรีอย่างถาวร เขาก็หยุดแกะเพลงเล่นกีต้าร์ หันมานั่งอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน เราต่างผลัดกันปลอบใจให้กำลังใจกัน เมื่อคนหนึ่งท้อแท้ อีกคนหนึ่งก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก มันจะมีทางออก ถือว่าหัดอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ เสียบ้าง การอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งเหมือนกัน
"จุ๊กจิ๊ก มีคนมาถามซื้อนะ ตอนแรกให้ราคาสามพันบาท พอจุ๊กจิ๊กเต้นให้ดูได้ราคาเพิ่มเป็นห้าพัน" ฉันทำเป็นเรื่องตลก
"จริงเหรอ" เขาพูดพลางเอามือไปลูบหัวมัน พลางว่า อยู่กันทั้งหมดนี้แหละ
จุ๊กจิ๊กนอนสบายให้แม่เลียหู
เขาจับปังปอนด์หงายท้อง "เจ้าพุงป่อง"
"ชื่อพุงป่องดีกว่า" เขาว่า และนับจากวันนั้นปังปอนด์ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นพุงป่อง
ฉันบอกเขาว่า เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าหมาเขาชวนเราไปขายเสื้อผ้าอีกในสัปดาห์หน้า ไปขายกับเขาจะให้ค่าแรงหรือจะเอาเสื้อผ้าของเขาไปขายเองก็ได้ เขาจะให้ราคาพิเศษแล้วเราไปบวกเอาเองจะขายเท่าไหร่ก็ได้
"ตามใจ ไปอยู่เป็นวัน ๆ เหนื่อยนะ"เขาว่า
"มันก็เหนื่อยแหละ แต่เหนื่อยก็ไม่เท่าไหร่ แต่ที่แย่อากาศไม่ดี ได้กลิ่นน้ำเน่าตลอดเลย กลิ่นน้ำที่ออกมาจากท่อข้างถนน ไม่รู้ตรงอื่นมันจะเป็นหรือเปล่า แต่คิดว่าคงตลอดแหละ เพราะตรงถนนมีท่อระบายน้ำเป็นระยะ ๆ ตลอดแนวอยู่แล้ว"
"งั้นก็อย่าไปเลย ต้องนั่งดมกลิ่นระเหยจากท่อน้ำเสีย นางแบบนายแบบของเราจะแย่ไปด้วย เดี๋ยวก็มีทางออกของมันเองแหละ ใจเย็น ๆ"
เช้าวันนี้ สามแม่ลูกก็มานอนกินนมอยู่ใกล้ ๆ เท้าฉันเช่นเคย แม่นอนตะแคง ตัวผอมลงจากเดิมมาก สองพี่น้องแย่งเต้านมที่เปล่งปลั่ง
หันมองหาชาช่า พ่อของมัน พบว่าไปนั่งมองเหม่ออยู่หน้าประตูบ้าน เหมือนรอคอยหญิงสาวและชายหนุ่มที่อุ้มมันมาและเดินจากไปพร้อมกับสัญญาว่าจะกลับมารับ
"ชาช่า เข้ามาหาหน่อย"
ชาช่า มันรู้ภาษามากกว่าใคร รับคำสั่งทันที ค่อย ๆ เดินเข้ามา ฉันส่งมือให้มันเลียแสดงความรัก
"แกรอแก้วตาใช่ไหมล่ะ ไม่นานเธอก็มา หรือว่าถ้าไม่มา เราก็ไม่เดือดร้อนอะไร อยู่ด้วยกันได้ ...เข้าใจไหม"
ฉันคิดว่า ฉันน่าจะหารายได้จาการเขียนเรื่องครอบครัวชาช่า
ฉันเริ่มต้นเขียนถึงครอบครัวชาช่า แต่ว่ามันไม่มีอะไรพิเศษเลย มันไม่เคยหลงทางและมีคนอุ้มมาส่งเหมือนในโฆษณา มันไม่เคยช่วยจับขโมย ไม่เคยช่วยจับยาเสพติดให้ตำรวจ ชีวิตของครอบครัวชาช่าไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย นอกจากมันรักกันเหลือเกิน วันทั้งวันมันอยู่เคียงคู่กันตลอด ลูกของมันก็ไม่เคยห่างกาย
แค่มันรักกันเท่านั้น จะเพียงพอหรือที่จะเล่าให้ใครฟัง ถึงความรักยิ่งใหญ่ของครอบครัวหมา
แค่นี้เอง แค่มันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น