เพราะเรานั้นต่างกัน
คอลัมน์/ชุมชน
www.thezreview.co.uk/.../posterimages/saved2.jpg
มุกรื่น
วันนั้นฉันเดินออกจากบ้านไปเช่าหนังที่ร้านประจำ บอกตัวเองในใจว่า "จะดูหนังฝรั่งๆๆ"
หลังจากลงมือค้นหนังทุกเรื่องที่อยู่บนชั้นวางแล้ว ("เอาแบบที่ดูแล้วไม่ต้องคิดอะไรเยอะ") ก็นึกยังไงไม่รู้ที่เลือกเรื่อง SAVED เป็นหนึ่งในตัวเลือกคราวนั้น และคงเป็นเพราะความเครียดที่สุมหัวอยู่ทำให้คืนวันเดียวกัน เรื่องนี้ถูกเลือกมาดูก่อนเพื่อน เพราะนึกว่าเป็นหนังวัยรุ่นอเมริกันธรรมดา ใสๆ มีเรื่องกิ๊กกุ๊กทั่วไปตามแบบฉบับวัยรุ่น ("ทำให้หายเครียดแน่เลย") ที่ไหนได้...
SAVED เป็นหนังวัยรุ่นอเมริกันก็จริง แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนมัธยมอเมริกัน อีเกิ้ลส์ คริสเตียน (
แมรี่ นักเรียนสาวมัธยมปลายของโรงเรียน เธอมีเพื่อนสนิทคือ ฮิลลารี่ เฟย์ ทั้งสองเป็นเพื่อนรักที่ช่วยกันทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น เช่น การรณรงค์ต่อต้านความคิดเรื่องตั้งครรภ์โดยไม่ได้สมรส มีวงดนตรีในโรงเรียนชื่อ Christian Jewel (ฮิลลารี่มีน้องชายที่ต้องนั่งรถเข็น 1 คน ชื่อโรแลนด์ พี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่นัก เหมือนกับว่าพี่สาวเป็นแม่พระที่คอยช่วยเหลือน้องและผู้คน ส่วนตัวน้องเป็นคริสเตียนที่ดูปลอมๆ) นักเรียนในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กดีชนิดที่พ่อแม่ไว้ใจได้ พวกเขาต่างมีศรัทธาในพระเยซูเจ้า และเชื่อในชีวิตที่เกิดจากพระบัญชาของพระองค์ พวกนักเรียนที่เป็นส่วนน้อยแล้วเกิดมีพฤติกรรมที่ขัดกับคนส่วนใหญ่ ทำตัวนอกรีต ถือว่าเป็นบาป ก็จะมีบ้านกรุณา (Merci House) ให้นักเรียนเหล่านั้นไปอยู่เพื่อให้ได้รับการบำบัดช่วยเหลือให้ได้มีโอกาสเข้าถึงพระเมตตาของพระองค์
จุดเปลี่ยนในชีวิตของแมรี่ เริ่มขึ้นเมื่อ ดีน แฟนหนุ่มคริสเตียนผู้แสนดีสารภาพความลับว่า เขาอาจเป็นเกย์ แน่นอนว่าถ้าเป็นอย่างนั้นดีนจะต้องเข้ารับการรักษาในบ้านกรุณา เพราะเกย์ถือเป็นบาป แมรี่เกิดนิมิตว่าพระเยซูมาบอกสารแก่เธอว่าให้ช่วยดีน สิ่งที่เธอเข้าใจในตอนนั้นคือ ถ้าร่วมหลับนอนกับดีนแล้วดีนจะหายจากการเป็นเกย์ แม้การรักษาความบริสุทธ์ทางพรหมจรรย์จนวันแต่งงานคือคำสอนในศาสนา แต่เมื่อต้องช่วยเหลือดีนด้วยตามพระบัญชา เธอเชื่อว่าเมื่อทำตามแล้ว ก็จะได้รับความบริสุทธิ์กลับคืน
แน่นอนว่าดีนเป็นเกย์ และเกย์รักษาไม่ได้ และตอนนั้นพ่อแม่ดีนรวมทั้งคนอื่นๆ ก็ไม่ยอมรับว่าการเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องผิด ดีนเลยถูกส่งไปบำบัดที่บ้านกรุณาจริงๆ ส่วนแมรี่เองนอกจากจะไม่ได้พรหมจรรย์กลับคืนมาแล้ว หนำซ้ำเธอก็ดันท้องขึ้นมาซะนี่
เรื่องเกิดผิดแผนขึ้น แมรี่เลยเคว้ง บอกใครก็ไม่ได้ พาลโกรธและไม่นับถือพระเยซู หันไปนับถือศาสนาอื่นเผื่อจะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาบ้าง วันหนึ่งคาสซานดร้า เพื่อนร่วมชั้นชาวยิวผู้ฉาวโฉ่ของโรงเรียนรู้เข้า แทนที่จะซ้ำเติม คาสซานดร้าที่เพื่อนคนอื่นไม่คบหาด้วยกลับเข้าใจ และพยายามช่วยทุกทาง โดยร่วมมือกับโรแลนด์ น้องฮิลลารี่นั่นแหละ (ตอนหลังฮิลลารี่เผยธาตุแท้ออกมาว่า เป็นคนชอบเอาดีเข้าตัวตัวเองต้องเป็นหนึ่งเสมอ ทับถมคนที่ด้อยกว่า และทำทุกอย่างได้เพื่อให้ตัวเองชนะ)
และแม้บางตอนของเรื่องจะเหมือนหนังวัยรุ่นเรื่องอื่นๆ อย่างมีนางร้ายในโรงเรียนที่ตัวเองก็สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แต่จิตใจคับแคบ และเผยจุดอ่อนที่ทำให้พบจุดจบที่รู้สึกว่าง่ายจังก็ตาม แต่เนื้อเรื่องก็สนุก ตอนท้ายเรื่องก็คลี่คลายลงได้ ตัวละครแต่ละตัวต่างก็ได้รับบทเรียนของตัวเอง และเชื่อว่าจะมีความคิดที่เปิดใจต่อความแตกต่างระหว่างกันมากขึ้น แต่จะเป็นอย่างไรขอไม่เล่าเพราะคิดว่าดูเองจะรู้สึกได้มากกว่า
ที่แน่ๆ คือรู้สึกจี๊ดมากทุกครั้งที่ได้ดูหนังแล้วเห็นตัวละครแหกคอกอยู่ท่ามกลางคนที่เหมือนกันทั้งหลาย คนเหล่านี้มักจะมีใจกว้างและยอมรับความจริงได้ดีกว่าคนที่อยู่แต่ในกรอบ เคยเป็นมั้ยคะที่ไม่ชอบอยู่กับอะไรที่สุดขอบมากๆ หรือกับกลุ่มคนที่ทำอะไร เชื่อและคิดอะไรเหมือนกันหมดทุกคน มันช่างดูน่ากลัวและอันตรายนัก หากทุกคนและทุกอย่างในโลกไม่มีความแตกต่างหลากหลายกันซะบ้าง โลกเราจะมีคนมากมายไปทำไมกัน เหมือนตอนที่แมรี่บอกกับบาทหลวงสกิ๊ป อาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนว่า "ทำไมพระเจ้าทำให้เราช่างแตกต่าง หากพระองค์อยากให้เราเหมือนกัน"
ความแตกต่างทำให้เราเรียนรู้ที่จะยอมรับและใช้ชีวิตร่วมกัน ถ้าเกิดปัญหาควรจะช่วยกันคิด ไม่ใช่เห็นนักเรียนเกเรในโรงเรียนก็ไล่ออกอย่างเดียว
นอกจากนี้ความแตกต่างก็บอกเราว่า ไม่ได้มีแต่เราเท่านั้นที่ดีเลิศ ที่แย่ ที่ชนะ และที่แพ้อยู่คนเดียว