"เรื่องธรรมดา" คำพูดอันตรายที่ไม่ธรรมดา
คอลัมน์/ชุมชน
หลายท่านคงได้ชมมิวสิควิดีโออัลบั้มใหม่ที่ดารานักร้องม่ายสาวค่ายยักษ์แสดง และเป็นข่าวหวือหวาครึกโครมกันเมื่อประมาณหนึ่งหรือสองสัปดาห์ก่อน ภาพและเรื่องราวที่ปรากฏนั้นในมิวสิควิดีโอนั้นเป็นการแสดงออกที่มีการเย้ายวนทางเพศค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัว การนำเสนอภาพของผู้หญิงที่มีกริยาท่าทางที่สุดขั้วในการเย้ายวนอารมณ์เพศตรงข้าม
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนเองก็เป็นแฟนที่ติดตาม และชื่นชมผลงานของดารานักร้องสาวคนนี้มาตลอด แต่ทว่าค่อนข้างประหลาดใจกับความเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ใหม่ของเธอในครั้งนี้ จำเป็นด้วยหรือที่ต้องเอาเรื่องนี้มาเป็นจุดขาย ทั้งๆ ที่เธอเองก็มีต้นทุนเรื่องของเสียงที่ไพเราะ หน้าตาที่สะสวยอยู่แล้ว
เรื่องนี้เป็นประเด็นหนึ่งที่ถกกันในวิชาการสอนเรื่องสื่อในห้องเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดยการโยนคำถามให้นักศึกษาในห้องเรียนว่าคิดอย่างไรกับการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ในรูปแบบนี้ เกือบทั้งห้องตอบว่า "เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขายได้อยู่แล้ว การแสดงออก การแต่งตัว รวมทั้งเนื้อหาของเพลง หรือสื่อต่างๆ ในปัจจุบันนี้คิดว่าเรื่องเพศคือจุดขายที่เวิร์ค" คำตอบนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากในแง่ของปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมวันนี้
ขอวิเคราะห์คำตอบดังกล่าวออกเป็นสองประเด็น ประเด็นแรกคือผู้เขียนคิดว่าคงไม่น่าเป็นห่วงหากคนดูหรือคนที่เปิดรับสื่อคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องปกติธรรมดาและตีโจทย์แตกว่าเป็นการนำเสนอสินค้าที่มุ่งประโยชน์ทางธุรกิจ การเลือกเลียนแบบพฤติกรรมนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเปิดรับสื่อ กรณีนี้คิดว่ายังพอยอมรับได้
แต่อีกประเด็นหนึ่งเราคงปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่ามีผู้บริโภคอีกเป็นจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงสื่อได้ แต่ไม่มีวิจารณญาณในการเปิดรับ โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก หรือวัยรุ่น การถูกแวดล้อมด้วยสื่อที่มีเนื้อหาเน้นมุ่งเน้นแต่เรื่องราวเหล่านี้เพื่อเป็นจุดขายตั้งแต่เด็กจนโต เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาจะเกิดการเลียนแบบความคิดและพฤติกรรมเรื่องเพศตามทิศทางที่สื่อส่วนใหญ่นำเสนอ เพียงเพราะพวกเขาคิดว่าความคิดหรือพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเงื่อนไขเรื่องสถานภาพ และความเหมาะสมของตัวเอง
มุมมองด้านสังคมศาสตร์ระบุว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อความคิด และพฤติกรรมกลุ่มเด็ก และวัยรุ่น คือกลุ่มเพื่อน และดารานักร้อง โดยเฉพาะปัจจัยหลังวัยรุ่นไทยปัจจุบันความสำคัญเป็นอย่างมาก หลายคนถึงกับยึดเป็นฮีโร่ หรือวีรบุรุษวีรสตรีในดวงใจเลยทีเดียว สิ่งที่เกิดตามมากจากการชื่นชมดารานักร้องเหล่านั้นก็คือ การแต่งตัว การทำผม การใช้ชีวิต แน่นอนปฎิเสธไม่ได้ว่าการเลียนแบบพฤติกรรมทางเพศก็มองข้ามไปไม่ได้เช่นกัน
ข่าวหลายต่อหลายชิ้นที่นำเสนอเรื่องราวสถิติเรื่องราวของวัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และต้องไปทำแท้งเถื่อนมีสถิติสูงขึ้นเรื่อยๆ นั้น หากวิเคราะห์กันแล้วเนื้อหาของสื่อหรือธุรกิจวันนี้ก็มีส่วนอย่างมากในสร้างปัญหาดังกล่าวด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารหัวนอกที่มีการพูดเรื่องเพศกันอย่างโจ๋งครึ่ม เพลง และรายการต่างๆ ที่เน้นการแต่งกายอวดเนื้อหนังกันสุดๆ เพียงเพื่อจะดึงดูดความสนใจของคนดู และเมื่อมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นกันเป็นช่วงๆ คำแก้ตัวหรือข้ออ้างของสื่อ หรือธุรกิจต่างๆที่คุ้นหูกันดีก็คือ " สังคมเปลี่ยนไปแล้ว เมืองนอกเค้ายังทำได้เลย" ฯลฯ
ผู้เขียน มีหน้าที่หลักคือสอน ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือการยกปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว และสะท้อนให้คนเรียนซึ่งจะทำหน้าที่สื่อในอนาคตได้ฉุกคิดสักหน่อยว่าการทำงานสื่อสารท่ามกลางกระแสบริโภคนิยมที่ต้องหาจุดขายต่างๆ มาดึงดูดผู้บริโภคนั้น จำเป็นอย่างมากที่นักสื่อสารมวลชนควรมองให้รอบด้าน และให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดจากการสื่อสาร โดยพยายามสร้างสมดุลย์โดยการสื่อสารข้อมูลหลาย ๆด้าน
สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้คือ ผู้บริโภคที่ฉลาดซึ่งยืนอยู่ในสังคมบริโภคนิยมอย่างรู้เท่าทัน