Skip to main content

เจ้าชายน้อย (4)


หลังบ้านผมมีปล่องไฟ  มันถูกออกแบบไว้เพื่อการเผาขยะ  แต่ชาวบ้านต้านทานไว้ได้  ปล่องไฟจึงหมดสภาพ กลายเป็นท่อเหล็กยืนทน ตากแดดตากอากาศอยู่ทุกเช้าค่ำ  ดีที่ปล่องไฟห้อมล้อมด้วยต้นไม้แน่นหนา  เป็นไม้ในอาณาบริเวณวัด  เราได้ลมหายใจ ฉากวิวร่มเย็นที่หลงเหลืออยู่ในวัดนี่แหละ


 


ปล่องไฟราคาเป็นแสน ๆ เชียวหนา  ทำทิ้งทำเขวี้ยง เป็นเศษเหล็กหนักหนา หนักโลก หนักกบาลอากาศ เบียดอากาศจนดูเกะกะตาเหลือเกิน  แต่เรามาทีหลังไง  ยังไง ๆ ก็สบตามันได้เต็มตา  ด้วยให้ค่าอธิบายความหมายเสียใหม่ 


 


"เปล่า ไม่ใช่เตาเผาขยะ  เป็นปล่องภูเขาไฟของเจ้าชายน้อยไง" ผมตอบเจ้าชายน้อยของผมไปอย่างนั้น


"เจ้าชายน้อยไปไหน"


"มันอยู่ในตัวเรานี่แหละ"


 


เจ้าชายน้อยของผมทำหน้างง ๆ คงคิดว่า เอ๊ะ พ่อจะมาไม้ไหนกันเนี่ย


ตั้งแต่วันนั้น  เขาก็ไม่มีคำถามถึงที่มาที่ไปของปล่องไฟอีกเลย  มิหนำซ้ำยังได้ปล่องภูเขาไฟเจ้าชายน้อยเป็นเพื่อนอีกต่างหาก


 


เราชอบไปนั่งระเบียงหลังบ้าน ได้เก้าอี้กันคนละตัว  นั่งมองเจ้ากระรอกกัดกินดอกสักแห้ง ๆ  ฝักซอมพอ  สะบัดหางไล่ตามกันบ้าง  กระโดดจากกิ่งโน้นไปกิ่งนี้  ยังมีนกหลายชนิดผ่านมาเกาะกิ่ง เช่น นกแซงแซว  นกกางเขน  ปรอด  เย็นย่ำบางครั้งมีนกเค้าแมว  และปีกเหลือง ๆ  ท้องขาว ๆ อีกหลายชนิด ผลัดเปลี่ยนกัน


 


การนั่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  เป็นการนั่งที่น่ารื่นรมย์


ยามนี้  กลางวันเริ่มร้อนอ้าว  กลางคืนยังหนาวเย็น  ป่าในวัดเกิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง  ชวนกันผลัดใบเสียดื้อ ๆ 


 


ป่าผลัดใบ  ใบเล็กใบใหญ่ไล่กันลงพื้น  หมุนมาบ้าง  คว้าง ๆ ร่อนลิ่ว  โฉบเฉี่ยว ส่งเสียงมาแต่ไกล ๆ บ้าง  ยิบ ๆ โปรยมาเหมือนเม็ดฝน  เหลือง ๆ แดง ๆ น้ำตาล ๆ  ดูแล้วหวานตาหวานใจ


"พ่อดูอะไร" เจ้าชายน้อยผมถาม


"ใบไม้ร่วง สวยดีลูก"


"แต่มันมันเศร้าเกินไปนะ"


แน่ะ  คิดประโยคนี้ได้อย่าง


"ลูกเขียนบทกวีอีกแล้ว"  ผมพูดแล้วคว้าลูกมาโอบไว้ "ใบไม้ร่วง มันเศร้า เป็นบทกวีนะลูก"


"อ๋อ บทกวีเหรอ"


น้ำเสียงทำเป็นคุ้นเคยกับบทกวี


 


นั่งมองใบไม้ร่วงทุกครั้ง  ใจคอผมไม่ดีเลย  มันมีความกลัวจู่โจมเข้ามาในใจ  ผมฝังใจกับใบไม้ร่วง  ว่าการนั่งมองใบไม้ร่วงนาน ๆ ทำให้คนตายในอีกสองวันต่อมาได้อย่างไร  ยิ่งเป็นไม้หักค้างคาข้างบ้านด้วยแล้ว  ถือเป็นภาพสยองขวัญทีเดียว  ถ้าผมสามารถเอาลงมาได้  ผมจะเอามันลงมาก่อน


                       


เช่นกัน  กิ่งไม้หักค้างคาต้นใกล้ที่อยู่  ทำให้คนตายได้อย่างไร


                       


ถึงอย่างไรก็ตาม  ผมยังชอบความรู้สึกยามนั่งมองใบไม้ร่วงโปรย  มันสวยงาม  โปร่งเบา  เย็นสบาย  สงบสงัดอะไรอย่างนี้  มันเหมือนนั่งอ่านบทกวีงาม ๆ ที่ตกลงมาจากยอดไม้ มองได้อย่างเดียว  ดูได้อย่างเดียว  ไม่อาจเอามาทำอย่างอื่นได้  และต้องดูยามมันหมุนควงใบลิ่วลมด้วยนะ  จึงจะรู้สึกเอิบอิ่ม


                       


วันเสาร์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  ผมกับเจ้าชายน้อยของผมนั่งมองดูใบไม้ร่วงกันเช่นเคย  มันเป็นยามบ่ายที่ลมร้อน ๆ พัดมาเบา ๆ เสียงยอดไม้ไหว ส่งเสียง อย่างกับเสียงครางฮือ ๆ ฮา ๆ ซือ ๆ ซา ๆ 


                       


แล้วใบไม้ก็โปรย  โปรยลงมาเยอะมาก  เจ้าชายน้อยของผมชูมือ คอยจับให้ได้สักใบ  พอจับได้ก็อวดให้ดูแล้วถาม                     


"ใบของต้นอะไรนะพ่อ"


"ต้นกวีมั้ง" ผมตอบ  เจ้าชายน้อยของผมเงียบคิดนาน


                       


แล้วผมก็เหลือบเห็นกิ่งไม้หักค้างต้นอยู่สองกิ่ง  อยู่ต้นไม้ใหญ่  ใจคอผมมองใบไม้ด้วยความรู้สึกร้าวรานใจ  ผมไม่อยากจะสูญเสียใครอีกแล้วนะ  รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ความตายจะห้ามกันได้อย่างไร  การเกิดกับการตาย  โลกหยิบยื่นให้ด้วยกำกับช่วงเวลาไว้ให้เรียบร้อยแล้วอย่างนั้นหรือ?   


                       


วันต่อมา  แม่ของรุ่นน้องที่ผมสนิทสนมด้วยเสียชีวิต 


                       


อีกสองวันต่อมา ก็ได้รู้ข่าว กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ จากไปอย่างไม่มีวันกลับ  มือเขียนหนังสือที่ผมชื่นชม  ชอบ  และหามือใครมาเขียนงานแทนเขาได้ยากมาก  เขายังเป็นน้องของเพื่อน  เป็นน้องของพี่  รุ่นน้องร่วมสถาบัน  และผมรู้สึกเสมอว่า  เขาไม่ใช่ใครอื่น  เขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง


                       


แต่ในโลกงานเขียน  ผมต้องเรียกพี่ หรือไม่ก็น้าได้เต็มปากเต็มคำ


                       


ตัวหนังสือของเขาอีกกองพะเรออยู่บนแผ่นหลังอาชา  ทะยานหายลับขอบฟ้า


ที่เหลือทิ้งไว้บนแผ่นดินมนุษย์นั้น  ล้วนเต็มไปด้วยคุณค่าสาระ  อยู่คู่มนุษย์ไปจนกว่าโลกจะแตกดับหายไปจากจักรวาล


                       


ประโยคที่เดินทางมาไม่ถึง  บรรจุหลายหมื่นพันแสนล้านคำ  ได้หยุดนิ่งลงตอนสาย ๆ วันที่ 13  เดือนกุมภาพันธุ์  หลังวันครบรอบวันที่เขามาเยือนโลก 4 วัน


                       


เร็วเหลือเกิน  เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ


เจ้าชายน้อยของผมยังเด็กเกินไป ที่จะเข้าใจการหายตัวไปของคนคนหนึ่ง 


ทุกวัน ใบไม้ยังร่วง ยังโปรย  ยิ่งร่วงโปรยหนักอยู่หลังบ้านผม